ตอนที่ 14 เมิน
EP 14
พอฉันเห็นว่าเป็นใครโทรมาก็ต้องรีบปิดโทรศัพท์ทันทีแล้วถอนหายใจออกมาไม่เข้าใจว่าผู้ชายคนนี้ต้องการอะไรจากฉัน พอช่วยก็หาว่าฉันลํ้าเส้น พอตอนนี้กลับไปเอาไลน์ฉันมาจากไหนไม่รู้ถึงได้ทักมา ทั้งที่ตัวเองเป็นคนไล่ฉันแท้ๆ แล้วเรื่องอะไรฉันจะตอบ
"เป็นอะไรหน้าดูเซ็งๆ"
"เปล่าค่ะ แค่คนประสาททักมาก่อกวน"
"บล็อคไปเลยดิ ปล่อยให้มันทักมากวนอีกทำไม"
"จะดีหรอคะ"
"ถ้าเป็นประสาทจริงๆก็บล็อคไปเถอะ คุยด้วยก็ปวดสมองเปล่าๆ" พอได้คำแนะนำจากพี่อิงโก๊ะฉันก็ไม่รอช้าหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาหวังจะกดบล็อคแต่ก็มีสายเรียกเข้าโทรเข้ามาซะก่อนเบอร์แปลกๆ มันเบอร์ใครกันนะ
"รับโทรศัพท์ก่อนค่อยบล็อคก็ได้"
"เบอร์แปลกๆอ่ะค่ะ รีนไม่ค่อยอยากรับ"
"เพื่อคนรู้จักเอาเบอร์คนอื่นโทรมาไง รับหน่อยไม่เสียหาย"
หรือบางทีฉันอาจจะรับ พี่พาร์ทเอาเบอร์เพื่อนโทรมารึป้าวนะ..
"ฮัลโหลค่ะ.."
( ..... )
"ใครคะ...ทำไมไม่พูด"
( ..... )
"ถ้าไม่พูดขออนุญาติวางนะคะ"
( ตอบแชทฉันมันคงไม่ตายหรอกใช่ไหม ) ปลายสายพูดขึ้นมาก่อนที่ฉันจะกดตัด และนํ้าเสียงนั้นมันก็เป็นของนายแทนไท... นี้ยังกล้าโทรมาหาฉันอีกหรอ คิดแล้วไว้ไม่มีผิดนายนี้คงไล่ฉันไม่ได้ตลอด กลับเป็นฝ่ายตามจองล้างจองผลาญฉันซะอีก..
"ไม่ตายแค่ไม่อยากรับ"
( พูดได้แล้วหรอนึกว่าเป็นใบ้แดก )
"เป็นบ้าอะไรของนายเป็นฝ่ายไล่ฉันแล้วโทรมาเพื่อ"
( ฉันจะไม่โทรถ้าเธอไม่ทำตัวมีปัญหาก่อน )
"ฉันไปทำอะไรอีก?"
( ก็เดินควงกับผู้ชายออกมาจากคอนโดแบบนั้น อย่าคิดว่าไม่เห็น บอกไม่จำรึไง? )
"ฉันเบื่อที่จะพูดกับนายแล้ว แล้วกรุณาอย่าโทรมาหาฉันอีก.."
ตี้ด ! ฉันกดตัดสายทิ้งพร้อมกับปิดเครื่องในเวลาต่อมา พี่อิงโก๊ะจึงมองฉันด้วยแววตาเหมือนรู้ทัน
"ทะเลาะกับแฟนหรอ"
"เปล่าค่ะ อย่าพูดถึงเขาเลย" ฉันตัดบท
"โอเค" พี่อิงโก๊ะตอบแล้วเริ่มหยิบช้อนขึ้นจัดการกับอาหารตรงหน้า "แล้วนี้กินข้าวเสร็จจะกลับเลยมั้ย"
"รีนคงเดินเล่นอีกหน่อยค่ะ กลับไปก็ไม่มีอะไรทำ"
"สะดวกไปเลือกของช่วยฉันไหม"
"ได้สิค่ะ สบายมาก" ฉันยักไหล่ตอบ พี่อิงโก๊ะจึงหลุดยิ้มออกมาเป็นอันว่าเรามีแพลนจะไปช็อปปิ้งกันต่อ หลังจากนั้นเราก็ต่างจัดการกับอาหารตรงหน้า คุยอะไรกันเรื่อยเปื่อยตามประสาสาวๆ จนเวลาผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงเราก็ทานเข้าเสร็จ แล้วเดินออกมาจากร้านพร้อมกัน..
"รีนช่วยถ่ายรูปให้ฉันหน่อย" พี่อิงโก๊ะบอกในขณะที่เรากำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อน
"ได้ค่ะ" ฉันจึงพยักหน้าตอบพร้อมรอยยิ้มก่อนจะเอื้อมมือหยิบมือถือเครื่องหรูมาแล้วเริ่มถ่าย "พร้อมนะ 1 2 3"
แฉะ! แฉะ! แฉะ!
"เสร็จแล้วค่ะ" ฉันบอกในเวลาต่อมาเราก็มาถึงชั้นสามพอดี พี่อิงโก๊ะจึงหยิบรูปไปดู
"ฝีมือใช้ได้นิ"
"ขึ้นอยู่กับคนด้วยแหละ"
"เราถ่ายคู่กันดีกว่า เป็นมิตรภาพระหว่างเราดีไหม"
"เอาสิคะ" ฉันตอบแล้วเราก็หยุดตรงมุมสวยๆพร้อมกับโพสท่าไกล้ๆหล้องฟิวส์เหมือนเพื่อนสาวที่กำลังมาเที่ยวห้างด้วยกัน ไม่นานรูปนับสิบก็ถูกถ่ายภายในเวลาไม่กี่วินาที
"ฉันโพสเลยนะ ไอจีเธอชื่ออะไร"
"มาค่ะ เดี๋ยวรีนพิมให้" ฉันกรอกชื่อไอจีลงไป แล้วพี่อิงโก๊ะก็กดโพสลง พร้อมกับแชร์ลงสตอรี่ตัวเอง พลางเขี่ยโทรศัพท์เดินไปที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมผู้หญิง
"ไว้เดี๋ยวรีนเปิดเครื่องก่อนนะคะ จะไปกดไลค์ให้ตอนนี้รีนขอปิดเครื่องหนีคนประสาทแดกก่อน"
"ได้สิ เอ๊ะ! แทนไทมากดไลค์ให้ด้วย ปกติไม่เคยกดไลค์ให้ใคร" ชื่อที่หลุดออกมาจากปากพี่อิงโก๊ะทำให้ฉันหันควับกลับไปมอง นี้ขนาดฉันปิดเครื่องหนีแล้วยังตามมาหลอกหลอนถึงไอจีส่วนตัวของพี่อิงโก๊ะอีกหรอ..
"แทนไทไหนหรอคะ"
"นี้ทำงานอยู่ที่เดียวกันยังไม่รู้อีกหรอว่าแทนไทไหน.." ใช่เลย แทนไทที่ไม่ใช่แทนไทเพราะเขาคือทายาทของเจค เจเค พอคิดถึงเรื่องนี้แล้วฉันก็แอบเจ็บไม่น่าไปได้ยินอะไรแบบนั้นเลยไม่งั้นคงไม่เสียซิงให้กับผู้ชายที่ไม่เต็มใจ
"อ่อค่ะ"
"นายนี้เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะ เสือซุ่มหน่ะในมอดังมาก เอาง่ายๆก็ดังพอๆกับแก๊งราชาวิศวะนั้นแหละ" แก๊งราชาวิศวะงั้นหรอฉันได้ยินชื่อเสียงของพวกนั้นอยู่นะแต่ไม่เคยเห็นหน้า...
"รีนไม่เคยเห็นหรอก.."
"จะไม่เคยเห็นได้ไง เมื่อคืนเธอยังเข้าไปทำงานกับสี่หนุ่มนั้นอยู่เลยแขกVIP ของร้านเราเลยนะ" พี่อิงโก๊ะเงยหน้าจากมือถือแล้วหันมาคุยกับฉัน แล้วเราก็เดินเข้ามาในร้านเสื้อผ้า
"แสดงว่านายแทนไทนั้นก็ดังมากเหมือนกัน" แต่ที่ฉันไม่เคยรู้ว่านายนั้นดังคงเพราะเรามีเรื่องกันก่อน ฉันเลยไม่ค่อยอยากรู้อะไรเกี่ยวกับเขาอีกเท่าไหร่
"ดัง แต่ไม่ค่อยแสดงตัวว่าตัวเองดัง ทำตัวเหมือนคนปกติไม่เหมือนคนดังทั่วไป" ก็เพราะนายนี้ปิดบังตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอยู่ยังไงล่ะ..
"แล้วที่บอกว่าเสือซุ่มละคะ ?"
"จริงๆแล้วแทนไทกับหนึ่งในแก๊งราชาเป็นอริกันหน่ะ ต่อมาก็มีประเด็นเรื่องผู้หญิงอีก แต่สุดท้ายผู้ชายเป็นฝ่ายบอกเลิกเพราะมีผู้หญิงอีกคนซ่อนไว้อยู่.." ฉันหยุดนิ่งฟังแล้วมองที่พี่อิงโก๊ะในขณะที่เธอกำลังเลือกชุดอยู่ "ที่พีคกว่านั้นอะไรรู้มั้ย"
"คะ?"
"ผู้หญิงที่แอบซ่อนไว้ สุดท้ายนายนี้ก็เขี่ยทิ้ง"
"...."
ฉันคิดว่ามันกลำกลวมเกินไปนะ มีผู้หญิงอีกคนแล้วบอกเลิกแฟนตัวเอง แล้วอะไร ทุกคนต้องคิดว่านายนั้นต้องเลือกอีกคนที่ซ่อนไว้อยู่แต่กลับเขี่ยทิ้งแถมยังเก็บรูปแฟนเก่าไว้ติดตัวตลอด มันหมายความว่านายนี้ยังรักแฟนเก่าอยู่ คงมีเหตุผลอะไรซักอย่างที่จำเป็นต้องบอกเลิกทั้งที่ยังรักแล้วไม่เลือกใครเลย แต่สุดท้ายเรื่องที่ไม่ควรทำคือการนอกใจแฟน ผู้หญิงร้อยนับร้อยไม่มีใครรับได้ที่แฟนไปมีคนอื่นแล้วตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิกมันคงเจ็บหน้าดู...
เพราะฉะนั้น ฉันจะห้ามใจตัวเองไม่ให้รักนายนี้เด็ดขาด...
-end-
ครืดดดดดด...!
เชอร์รีนหยุดชะงักเมื่อมีเสียงเรียกเข้าจากปลายสาย มือเรียวล้วงหยิบมันขึ้นมาแล้วตัดสินใจกดรับกับเบอร์แปลกๆที่โทรเข้าเครื่องเป็นรอบที่สองในขณะที่เธอกำลังจะสอดคีการ์ดเข้าห้องในช่วงคํ่าของวัน
( สวัสดีครับ ผมไคล์ จำผมได้ใช่ไหม )
"จำได้ค่ะ คุณไคล์มีอะไรรึป้าวคะ" เชอร์รีนคุยโทรศัพท์ไปด้วยท้าวเล็กก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับล็อคประตูแล้วหย่อนก้นนั่งลงลงบนโซฟา
( พอดีคุณรีนสะดวกย้ายของเข้าวันนี้รึป้าว ผมจะย้ายของออกให้ ) หญิงสาวครุ่นคิดอยู่ซักพัก แล้วเหลือบมองนาฬิกาบนผนังห้องเป็นช่วงสองทุ่มตรงเธอจึงพยักหน้าตอบ เพราะกว่าพชรจะถ่ายงานเสร็จคงเลยไปสี่ห้าทุ่ม เธอไม่อยากให้ชายหนุ่มกลับมาเหนื่อยๆแล้วต้องมาย้ายของช่วยเธออีก
"สะดวกค่ะ"
( ให้ผมส่งคนไปรับไหมครับ จะได้ไม่ลำบาก )
"ไม่เป็นไรรีนเกรงใจ"
( แต่ผมเต็มใจนะครับ )
"ขอบคุณนะคะ แต่รีนเกรงใจจริงๆ..."
( เอาแบบนี้ไหมครับ ถ้าคุณรีนเกรงใจก็อยู่เป็นเพื่อนทานข้าวกับผมซักมื้อเราจะได้หายกัน )
"จะดีหรอคะ ไม่ลำบากคุณไคล์แย่หรอ"
( ไม่ลำบากเลยครับ ตกลงมั้ย )
"คือ..."
( ไม่ไว้ใจผมหรอ? )
"ปะ...ป้าวค่ะ"
( งั้นเอาเป็นว่าตกลงเลยไหม ผมจะส่งคนไปย้ายของให้ที่ X-box )
"ขอบคุณนะคะ แต่เปลี่ยนให้รีนเลี้ยงข้าวขอบคุณ คุณไคล์ดีกว่า" เชอร์รีนตอบ หากให้ไคล์เป็นฝ่ายเลี้ยงมันอาจจะดูน่าเกียจเกินไป เพราะตอนนี้เธอก็พอเหลือเงินก้อนจากงานเมื่อคืนอยู่
( ได้เสมอครับ ไว้เจอกันนะ )
"โอเคค่ะ"
"ส่งคนไปรับว่าที่นายหญิงมึงด้วย" ไคล์วางสายแล้วแสยะยิ้มมุมปากด้วยอาการพึงพอใจ ในขณะที่การ์ดขนของชายหนุ่มย้ายออกไปจากห้องเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ภายในห้องกลับถูกตกแต่งด้วยเทียนหอมส่องแสงสว่างสไวและดอกกุหลาบประดับรอบห้องแทน...
"ครับนาย"
"อย่าทำอะไรให้เธอแตกตื่น ระวังผู้หญิงของกูเอาไว้ด้วยแม้แต่ปลายเล็บก็อย่าแตะต้องเธอ"
"ดูนายจะสนใจเธอมากนะครับ ถึงขนาดจัดดินเนอร์ไว้ต้อนรับในห้อง"
"พูดมากหน่า ไปรับเธอได้แล้ว"
ไคล์ส่ายหัวแล้วเดินไปทิ้งตัวนอนแผ่หลาบนเตียง นึกถึงยามคนตัวเล็กนอนอยู่ใต้ร่างแล้วมันก็แทบจะอดใจรอไม่ไหว แต่เขาต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปเป้าหมายถือต้องการเธอมาครอบครองไม่ใช่แค่ได้แล้วทิ้งเพราะฉะนั้นชายหนุ่มจึงตั้งเป้าหมายว่าต้องทำให้ทั้งหัวใจและร่างกายเธอเป็นของตัวเองให้หมดทุกอย่าง
หลายนาทีต่อมา...
T-OF คอนโด...
หลังจากที่ขนของมาไว้หน้าห้องเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแอนดริวและการ์ดก็ต่างพากันออกไปที่อื่น ที่หน้าห้องจึงเหลือเพียงเชอร์รีนที่ต้องรับหน้าที่ย้ายของเข้าไปในห้องต่อ ดวงตากลมโตสอดส่ายหาเจ้าของห้องเดิมของไคล์แต่ก็ไม่พบเธอจึงตัดสินใจสอดคีการ์ดเข้าไปในห้องปรากฏว่าข้างในไม่ได้ล็อค..
แกร๊ก ! พอเปิดเข้าไปเธอก็ต้องหยุดชะงักเมื่อภายในห้องถูกจัดด้วยบรรยากาศโรแมนติก พอมองออกไปนอกระเบียงที่เป็นลานนั่งเล่นก็พบแสงสว่างจากด้านนอกสาดส่องเข้ามา เธอจึงวางกระเป๋าไว้กลางห้องแล้วค่อยๆเดินไปดูด้วยท่าทีแปลกใจ...
"คะ...คุณ?"
"ใช่ครับ ผมเอง"
"นี้มันเรื่องอะไรกันคะ ทำไม.."
"ผมแค่อยากทำความรู้จักกับคุณมากกว่านี้ หวังว่าจะไม่รังเกียจกันนะครับ.." ไคล์พูดดักเอาไว้ ร่างหนาหยัดกายลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วผายมือเป็นเชิงให้เชอร์รีนนั่งลงฝั่งตรงข้าม หญิงสาวจึงตัดสินใจหย่อนก้นนั่งลง
"รีนไม่ได้รังเกียจค่ะ แต่รีนคิดว่าฝ่ายที่จะเลี้ยงควรเป็นรีนมากกว่า"
"ครั้งนี้ผมเลี้ยงเพราะอยากทำความรู้จักกับคุณให้มากขึ้น ครั้งหน้าคุณรีนค่อยเลี้ยงตอบแทนผมคืนก็แล้วกันนะ"
"แบบนั้นก็ได้ค่ะ"
"ไม่ต้องเกรงใจผมนะ เราจะได้รู้จักกันมากกว่านี้แน่นอน" คำพูดของไคล์ทำเอาเชอร์รีนเผลอวางช้อนลง แต่เธอก็รีบดึงสติกลับมาแล้วฉีกยิ้มกลับไปให้
"ค่ะ ถ้าอย่างงั้นรีนไม่เกรงใจแล้วนะ"
"ที่จริงแล้วเราสามารถเรียกกันแบบอื่นได้ไหมครับ ที่จะทำให้เราสนิทกันเร็วมากขึ้นกว่านี้"
"ได้สิคะ" เธอตอบออกไป เพราะไคล์อายุมากกว่าเธอราวสี่ปี...
"งั้นผมขออนุญาติแทนตัวว่าพี่ได้มั้ย"
"ได้สิคะ พี่ไคล์" คำตอบของเชอร์รีนทำเอาไคล์พอใจไม่น้อย มือหนาเลื่อนมารินไวน์ใส่แก้วใสใบหรูสองแก้วเเล้วเลื่อนไปตรงหน้าเธอที่กำลังหั่นสเต็กอยู่
"ดื่มหน่อยมั้ย"
"ขอบคุณนะคะ แต่ไม่ดีกว่ารีนไม่ค่อยชอบไวน์เอาซักเท่าไหร่"
"แล้วแบบไหนน้องรีนถึงจะชอบ?" เชอร์รีนหยุดชะงักแล้วมองคนตรงหน้าก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากแล้ววางช้อนลง เรียวแขนทั้งสองข้างยกขึ้นคํ้าคางแล้วจ้องมองใบหน้าตามฉบับหนุ่มยุโรปด้วยรอยยิ้มเชื้อเชิญ
"พี่ไคล์คงไม่ได้หมายถึงสเป็คผู้ชายใช่มั้ยคะ..?"
"แล้วถ้าพี่บอกว่าใช่ พี่พอเข้าข่ายบ้างไหม" ไคล์ตอบแล้วยกเครื่องดื่มกระดกเข้าปาก ปลายนิ้วลูบขอบแก้วเบาๆด้วยท่าทางเจ้าเล่ห์
"ของแบบนี้ต้องลองก่อน ค่อยตัดสินใจได้ค่ะ" เธอตอบเสียงอ้อยอิ่งแล้วหลุบตามองตํ่า
"หื้ม?" ไคล์เลิกคิ้วแซว..
"รีนล้อเล่นเอง สเป็คผู้ชายที่รีนชอบไม่มีตายตัวค่ะ ขอแค่อยู่ด้วยแล้วสบายใจก็พอ" เธอตอบพร้อมกับกลั้วขำ...
ครืดดดดดดด...! ในวินาทีเสียงมือถือก็แผดร้องขึ้น...
"เดี๋ยวรีนขอตัวไปรับโทรศัพท์พี่ก่อนนะคะ"
"ตามสบายครับ" คนตัวเล็กลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินเข้ามาภายในห้อง มือเรียวหยิบมือถือขึ้นมาจากกระเป๋าสะพายแต่มันกลับไม่ใช่เบอร์ของพชรเป็นเบอร์ที่เคยโทรเข้ามาตอนเธออยู่ห้าง ซึ่งเป็นเบอร์ของแทนไท...
ครืดดดดดดด...!
ตี้ด ! เชอร์รีนกดตัดสายทิ้งแล้วกลืนนํ้าลายเหนียวๆลงคออย่างยากลำบาก เธอไม่อยากรับโทรศัพท์ชายหนุ่มเพราะกลัวหัวใจตัวเองมันลํ้าเส้นไปมากกว่านี้แล้วร่างเล็กจึงหมุนตัวกลับแต่..
ปึก !
"อ๊ะ!?" ใบหน้าหวานชนเข้ากับแผงอกกว้างเข้าไปเต็มๆจนร่างเธอเซล้มลงบนเตียงโทรศัพท์ล่วงหล้นจากมือ สร้างความตกใจให้หญิงสาวไม่น้อย ก่อนที่สัมผัสจากมือหนาจะค่อยๆปัดปอยผมออกจากพวงแก้มเนียนใสออก ใบหน้าหล่อเหลาค่อยๆยื่นลงมาไกล้ๆ ปลายนิ้วชี้จึงแตะลงที่ริมฝีปากเป็นเชิงห้ามซะก่อน...
"ทำแบบนี้คือวิธีทำความรู้จักกันแบบเร่งรัดรึป้าวคะ..."
"ถ้าน้องรีนยอม.." ไคล์ตอบเสียงอ้อยอิ่งมือหนารวบมือเล็กเอาไว้แล้วบีบเบาๆ สายตาสีฟ้าครามก้มมองหน้าอกอวบอิ่มภายใต้เนื้อผ้าบางๆ..
"รีนไม่ชอบยอมใครค่ะ..." นํ้าเสียงเซ็กซี่พูดออกไป มืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ทำปูไต่ตามหน้าอกแกร่ง.. "รีนชอบให้คนอื่นยอมมากกว่า..."
หมับ ! ไม่รอช้าร่างเล็กก็เป็นฝ่ายตวัดร่างขึ้นมาหยุดอยู่ข้างบนแทน...
ปั้ง!ๆๆๆๆ แล้วเสียงทุบประตูห้องก็ดังขึ้นเรียกความสนใจให้กับสองสายตา...
ก่อนที่เชอร์รีนจะหันไปมองที่หน้าจอมือถือมันยังคงค้างสายเอาไว้อยู่ ตอนเธอตัดสายมันดันพลาดดันกดรับโดยที่ไม่รู้ตัว...และตอนเข้ามาเธอก็ไม่ได้ล็อคประตู...
ปั้ง!! เสียงประตูห้องถูกปลายท้าวถีบออกด้วยความรุนแรงปรากฏร่างของคนมาไหม่เดินเข้ามาในห้อง..
ฉึก ! ก่อนที่มีดคู่ใจจะลอยปักที่ต้นแขนของไคล์อย่างที่มันเคยเกิดขึ้นบ่อยๆยามชายหนุ่มควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่
"เชี้ยมาร์ค!!"
"เป็นชู้กับเมียกู ระวังศพจะไม่สวย..."
............
เมียเต็มปากเต็มคำ
Next...
"แต่นายเป็นคนไล่ฉันไม่ให้ลํ้าเส้น แล้วนายมาลํ้าเส้นฉันทำไม.."
