บทนำ
“แต่งงาน!!!?”
/////////////////////////
“แต่งงาน?!!”
“ม๊าจะให้ผมแต่งงานกับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เนี่ยนะครับ?!”
ศิวาถามเสียงสูง นี่น่ะหรือวิธีแก้ปัญหาที่พ่อกับแม่บอกว่าจะช่วยกู้ศักดิ์ศรีความเป็นรองประธานบริษัทชเวกรุ๊ปจากข่าวทำนางแบบสาวท้องคืนมาได้
แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่รู้จักเนี่ยนะ?
“แกรู้จักเขา ริสาเนี่ยเขาเป็นลูกสาวของเพื่อนม๊าเอง น้าซูซี่ไงแกจำไม่ได้เหรอ ตอนแกประมาณหกขวบแล้วน้าซูซี่เพิ่งคลอดยัยริสาน่ะ เรายังไปเยี่ยมกันอยู่เลย แกยังเป็นคนบอกเองด้วยซ้ำว่าน้องน่ารัก โตมาผมจะแต่งงานกับน้อง แกก็พูดเองนี่”
“โอ้ย ม๊าครับ นั่นน่ะตอนผมหกขวบ เด็กมันก็พูดอะไรไม่ได้คิดหรอก แล้วม๊าจะเอามาเป็นจริงเป็นจังได้ยังไง?!”
ศิวาแทบทึ้งหัว ตอนเด็ก ๆ ยัยริสานี่หน้าตาเป็นอย่างไรเขาก็จำไม่ได้ โตมายิ่งไม่เคยเห็นหน้าเลย หน้าตาเป็นอย่างไรก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ
“แกต้องโทษตัวเองนะศิวา” ไกรวิทย์ หรือที่มีชื่อเกาหลีว่า กูวอน พ่อของศิวาเสริม “ก็ถ้าแกไม่เป็นข่าว ฉันกับม๊าแกก็ไม่ต้องมาปวดหัวหาทางแก้ให้กับแกแบบนี้หรอก!”
“แต่ป๊าครับ มันไม่มีวิธีอื่นเหรอครับ...”
“ไม่มี! นี่คือวิธีที่ดีที่สุดแล้ว แกจะแต่งงานกับริสา แล้วบอกกับนักข่าวว่าแกหมั้นกันตั้งแต่เด็กๆแล้ว และวางแผนจะแต่งงานกันเมื่อริสาอายุครบยี่สิบเก้าปี และนี่ก็ถึงเวลา เพราะฉะนั้นแกมีคู่หมั้นคู่หมายอยู่แล้ว แกไม่ได้ทำนางแบบนั่นท้องแน่นอน”
“ก็ผมไม่ได้ทำไงครับป๊า! ผมไม่ได้คบกับเขมิกาสักหน่อย!”
“แต่แม่เขมิกานั่นก็จ้องจะจับแกอยู่ไม่ใช่หรือไง ถึงกุข่าวว่าท้องกับแกน่ะ!” คุณหญิงศจี ผู้เป็นมารดาแหวใส่ “ถ้าแกแต่งงานซะ ยัยนั่นก็จับแกไม่ได้แล้ว ถ้ายังคิดจะจับอีกล่ะก็ ข่าวฉาวโฉ่ทั่วบ้านทั่วเมืองยิ่งกว่าเดิมแน่ เป็นเมียน้อยแย่งผัวชาวบ้านน่ะ”
“แต่ว่าผม....”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น” ไกรวิทย์ตัดบท “แกต้องทำตามนี้ แล้วพรุ่งนี้เย็นแกกับฉันสองคนต้องไปเจอริสากับครอบครัวของเขา คุยกันเรื่องพิธีหมั้นหมายแต่งงานให้เรียบร้อย แล้วฉันจะหาฤกษ์ให้แกแต่งงานกันให้ได้เร็วที่สุด”
ศิวาอ้าปากค้าง หมดคำจะเถียง นี่เขาต้องแต่งงานกับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า...ไม่สิ เคยเห็นตั้งแต่ยังเป็นทารกแต่จำหน้าไม่ได้แล้วจริงๆน่ะหรือ?
.
.
.
“หนูไม่แต่งนะคะคุณพ่อ!”
นริสาร้องเสียงสูงเมื่อบุพการีเข้ามาบอกข่าวอันน่าตกใจให้เธอรู้
“เฮ้อ คุณพ่อก็ลำบากใจมากนะลูก แต่ครอบครัวนั้นเขาก็เป็นเพื่อนกับคุณพ่อและแม่มาตั้งแต่สมัยเรียน และที่สำคัญตอนที่ครอบครัวเราลำบาก ก็ได้ครอบครัวนั้นช่วยไว้ เขามีบุญคุณกับเรามากนะลูก เมื่อเขาต้องการความช่วยเหลือ เราก็ต้องช่วยเขา”
“แต่เรื่องแต่งงานมันไม่มากไปเหรอคะคุณพ่อ? คุณพ่อกำลังจะยกลูกสาวของคุณพ่อไปอยู่ในกำมือผู้ชายคนอื่นเลยนะคะ คุณพ่อไม่เป็นห่วงหนูเหรอคะ”
“ห่วงสิลูก...” พลเอกอดิศรดึงลูกสาวเข้ามากอด “...แต่ครอบครัวนั้นเป็นครอบครัวที่ดีมาก ศิวาเองก็เป็นเด็กดีที่พ่อกับแม่เห็นมาตั้งแต่ยังเล็ก เรารู้จักครอบครัวนั้นเป็นอย่างดี พ่อถึงวางใจไง”
“ใช่ลูก แถมตอนที่หนูเพิ่งคลอดน่ะ ศิวาเคยมาเยี่ยมที่โรงพยาบาลแล้วบอกกับพ่อแม่เขาด้วยนะว่าหนูน่ารัก อยากแต่งงานกับหนู”
สุภาวดีเสริม
“โถ่ แม่คะ พี่ศิวาอะไรนั่นเขาจำได้รึเปล่าเถอะว่าพูดอะไรออกไปบ้างตอนหกขวบ คำพูดเด็ก ๆ น่ะค่ะแม่ หนูว่าเขาไม่ได้คิดอะไรหรอก”
“จะยังไงก็เถอะนะ แม่วางใจให้หนูได้แต่งงานกับศิวาดีกว่าไปแต่งกับคนอื่น เห็นแก่พ่อแม่เถอะนะลูก ตอนนี้ทางนั้นเขาเดือดร้อน เราก็ต้องช่วยเขา เพราะเขาก็ช่วยเรามาเยอะเหมือนกัน”
สิ่งที่มารดาพูดทำเอานริสาหน้าบูด
ทำไมบุญคุณรุ่นพ่อแม่ถึงต้องเดือดร้อนมาถึงรุ่นลูกด้วยเล่า ไม่เห็นจะแฟร์เลย
“แต่หนูคบกับพี่คิเรย์อยู่นะคะ หนูแต่งงานกับคนอื่นไม่ได้หรอกค่ะ”
หญิงสาวพูดถึงแฟนหนุ่มที่เธอคบหาอยู่ พยายามชักหาเหตุผลร้อยแปดมาพูดให้พ่อแม่ฟังเพื่อที่จะได้ยกเลิกการแต่งงานครั้งนี้
“นักร้องน่ะ อยู่ได้ไม่นานหรอกนะ คุณพ่อไม่ไว้ใจให้เขาดูแลหนูเลย อีกหน่อยถ้าไม่ดังแล้ว กระแสตก ไม่มีงาน เขาจะเอาอะไรมาดูแลหนูล่ะ แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์นี่อยู่ได้ยาวสืบทอดไปได้จนถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน หนูไม่ต้องลำบากไปบินแล้วด้วยนะลูก จะได้กลับมาอยู่ไทยไง”
อดิศรพูดถึงแฟนหนุ่มของลูกสาวที่เป็นนักร้องชื่อดังของประเทศ
“หนูอยากกลับมาอยู่ไทย ส่วนหนึ่งก็เพราะอยากกลับมาอยู่กับคุณพ่อคุณแม่นะคะ อีกส่วนหนึ่งก็คือเพราะพี่คิเรย์ ถ้าขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไป หนูก็จะเหี่ยวตายอยู่ต่างประเทศนู่นแหละค่ะ”
คนจอมดื้อยังคงกระเง้ากระงอด ตอนนี้เธอเป็นแอร์โฮสเตสที่ต้องไปประจำอยู่ที่ต่างประเทศ ทีแรกก็ตั้งใจอยากจะกลับมาอยู่ไทยนั่นแหละ พอเจอเรื่องนี้เข้าไปทำเอาอยากล้มเลิกความคิดทันที
ผู้เป็นพ่อแม่มองหน้ากันแล้วส่ายหัวให้กับความดื้อดึงของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน ก่อนที่อดิศรจะพูดขึ้น
“งั้นเอาอย่างนี้ พรุ่งนี้พ่อกับแม่นัดกินข้าวกับครอบครัวฝั่งโน้นเขาด้วย พ่ออยากให้หนูไปด้วยนะจะได้ไปเจอศิวาด้วย จะได้คุยกันว่าจะอะไรยังไง แต่งหรือไม่แต่งก็ค่อยว่ากันอีกทีก็ได้ ดีไหมลูก?”
ผู้เป็นพ่อถามความเห็น นริสาไม่ได้ตอบอะไร ทำได้แค่ถอนหายใจและทำหน้าบึ้ง คิดไปต่าง ๆ นานาว่าถ้าต้องแต่งจริง ๆ เธอจะบอกพี่คิเรย์ของเธอว่าอย่างไร และจะต้องทำอย่สางไรได้บ้างที่จะไม่แต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รู้จัก แค่คิดก็ปวดหัวแล้ว
