บทที่ 11 ผู้โชคดี
ชายหนุ่มหันมามองเธอเมื่อยืนอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่เป็นประตูเข้าบริเวณภายในงานแต่ง นริสาหันไปมองเขาอย่างเขิน ๆ ก่อนจะหลบตา
"มองอะไรคะ...?"
หญิงสาวถามพลางจับหน้าแก้เขิน ศิวาอมยิ้มกับท่าทีของเธอ
"มองสาไง..."
ศิวาตอบเสียงนุ่ม นริสาขมวดคิ้วงง
"มองสาทำไมคะ? ไม่เคยเห็นหรือไงกัน..."
หญิงสาวบ่นเสียงงุบงิบ คำพูดของเธอทำให้ศิวายิ่งยิ้มหนักเข้าไปอีก
"เคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นสาเขินขนาดนี้"
"ข - - เขินอะไรกันคะ?!!! ชุดมันอึดอัดต่างหากล่ะ สาเลยรู้สึกร้อน ๆ..."
ร่างเล็กรีบแก้ตัวแต่ยิ่งทำให้ศิวาขำเพราะความเอ็นดูในความปากแข็งของเจ้าตัว
ประตูเปิดออกหลังจากคนจัดงานนับถอยหลัง เสียงเพลงบรรเลงอย่างโรแมนติกดังขึ้นก่อนที่สปอตไลท์ภายในงานจะส่องมาที่บ่าวสาวที่เดินควงคู่กันเข้าไปในงาน ศิวาหันมามองหน้านริสาที่เดินอยู่ข้างเขา ชายหนุ่มกระชับแขนที่มือเธอควงอยู่แน่น นริสาเดินเข้าไปในงานอย่างตื่นเต้น หากไม่ได้เกาะแขนศิวาอยู่เธออาจจะเดินสะดุดขาตัวเองล้มไปแล้วก็ได้ แสงแฟลชจากกล้องถ่ายรูปนับหลายสิบตัวสาดมาที่ทั้งคู่ รวมไปถึงสายตานับพันคู่ที่จ้องมองมาอย่างยินดี
"เชิญบ่าวสาวขึ้นมาบนเวทีได้เลยค่า"
เสียงพิธีกรพูดผ่านไมโครโฟนเพื่อเชิญบ่าวสาวเดินขึ้นมาบนเวที ทั้งคู่เดินขึ้นไปอยู่กลางเวทีอย่างประหม่า ตัวศิวาเองแม้จะได้พูดต่อหน้าคนนับพันอยู่บ่อย ๆ แต่นั่นเป็นการพูดในนามของรองประธานบริษัท วันนี้เขายืนอยู่ต่อหน้าคนจำนวนมากในฐานะเจ้าบ่าวที่กำลังเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าสาวที่จะเป็นว่าที่ภรรยาของเขา จึงประหม่ากว่าปกติหลายเท่านัก
"โอ้โห เรียกได้ว่าสวยหล่อเหมาะสมกันมาก ๆ เลยนะคะสำหรับบ่าวสาวของเรา" พิธีกรชม "เราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะคะ ขอสัมภาษณ์เจ้าบ่าวก่อนเลย คุณศิวากับคุณริสาพบรักกันได้ยังไงคะ?"
พิธีกรยื่นไมค์ส่งให้ศิวา ชายหนุ่มรับมาอย่างตื่นเต้นเล็ก ๆ ก่อนจะตอบ
"เราหมั้นหมายกันไว้ตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วล่ะครับ ครอบครัวของเราทั้งสองคนรู้จักกัน ผมเห็นริสาตั้งแต่ไม่กี่วันแรกที่คลอดออกมาเลยครับ ตอนนั้นผมอายุหกขวบ พอเห็นหน้าริสาผมก็บอกม๊าทันทีเลยครับว่าผมจะแต่งงานกับน้อง"
ทันทีที่ศิวาพูดจบก็มีเสียงกรี๊ดกร๊าดโห่ฮามาจากแขกในงาน นริสาหน้าแดงเมื่อได้ฟังเขาพูด
มัน...เป็นเรื่องจริงหรือ?
"กรี๊ด น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ รักกันตั้งแต่ยังเด็กอยู่เลย แล้วคุณริสาล่ะคะ รู้สึกยังไงที่คุณศิวาตกหลุมรักเราตั้งแต่ยังแบเบาะอยู่เลย?"
"ก็...งง ๆ ดีค่ะ ตอนแรกคิดว่าพี่เขาพูดเล่น ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง"
นริสาตอบพลางหัวเราะแห้ง ๆ พิธีกรหัวเราะตามก่อนจะถามต่อ
"แล้วรู้สึกยังไงบ้างคะที่ตอนนี้เรากำลังเป็นภรรยาของนักธุรกิจหนุ่มหล่อไฟแรงที่สุดในยุคนี้ สาว ๆ หมายปองคุณศิวากันแทบทั้งประเทศ พอ ๆ กับที่กรี๊ดพี่โป๊บกันเลยนะคะ ตอนนี้ในอินเตอร์เน็ตพูดกันทั้งนั้นว่าคุณริสาถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีและน่าอิจฉาที่สุดในเวลานี้เลย รู้สึกยังไงบ้างคะ?"
"ก็ขอขอบคุณนะคะที่มองว่าสาโชคดี แต่อย่าอิจฉาสาเลยค่ะ การที่เราจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่กับใครก็ตาม แค่คน ๆ นั้นรักเราอย่างจริงใจก็พอ ไม่ต้องรวยเป็นหมื่นเป็นพันล้าน ไม่ต้องหล่อเหมือนเทพบุตร แค่เขารักเรา พร้อมที่จะดูแลเรา จริงใจกับเรา เท่านั้นคุณก็ถือว่าเป็นผู้หญิงที่โชคดีแล้วค่ะ..."
นริสาตอบทำเอาคนในงานมองหน้ากันอย่างงง ๆ หมายความว่าอย่างไรกัน หมายความว่าเธอกับศิวาไม่ได้รักกันอย่างจริงใจอย่างนั้นหรือ
หญิงสาวเห็นสีหน้าของคนในงานและพิธีกรที่งงกับสิ่งที่เธอตอบจึงรีบพูดต่อทันที
"...แต่ว่าสาโชคดีมากที่ได้ทั้งผู้ชายที่ทำงานเก่ง จริงใจ เป็นคนดี พร้อมที่จะดูแลสา และยังหน้าตาดีมาก ๆ มาเป็นสามี สาไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพี่ศิวาถึงเลือกสาให้มาเป็นภรรยาของเขา แต่สาก็ขอบคุณพี่ศิวามากนะคะ ที่เลือกสามาเป็นคู่ชีวิต"
นริสาหันไปมองหน้าศิวาแล้วยิ้มให้ ศิวายิ้มตอบพลางโอบเอวเธอแน่น
"ในเมื่อเจ้าสาวถามมาแบบนี้แล้ว เราก็ต้องถามเจ้าบ่าวแล้วล่ะค่ะว่าทำไมถึงเลือกคุณริสามาเป็นภรรยาคะ?"
"ริสาเป็นคนจิตใจดีมากครับ ถึงบางครั้งอาจจะอารมณ์ร้อน ขี้งอนไปซักนิด..." ศิวายิ้มแซว หญิงสาวหันมามองเขาตาขวาง "...แต่ก็เป็นคนที่ผมพร้อมที่จะขอโทษโดยไม่มีเหตุผลเพราะอยากให้เธอหายโกรธ เธอห่วงใยจิตใจและความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองซะอีก เธอเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมได้เป็นตัวของตัวเอง บางครั้งที่โดนผมดุก็หน้าจ๋อยซะจนผมดุต่อไม่ลง มัน...น่ารักมาก ๆ เลยครับ และผมรู้ว่าริสาจะเป็นแม่ที่ดีของลูกผมได้แน่นอน"
ทันทีที่พูดจบ เสียงกรี๊ดกรี๊าดภายในงานดังขึ้นอีกครั้ง สาวน้อยสาวใหญ่ต่างดีดดิ้นไปกับคำตอบของศิวา ส่วนคนที่ถูกพูดถึงนั้นก็หน้าแดงไปจะถึงหูแล้ว หยอดคำหวานเสียธอเขินเอาจริง ๆ
"โอ๊ย ตาย ๆ ๆ ตายแล้ว มดขึ้นเวทีกันหมดแล้วค่ะคุณขา ฟังแล้วฟินเหมือนตัวเองเป็นเจ้าสาวเองเลยค่ะ แล้วคุณริสาล่ะคะ นอกจากความหล่อ รวย และดูดีทุกอิริยาบถของคุณศิวาแล้ว มีอะไรอีกที่ทำให้คุณริสาใจอ่อนเป็นภรรยาของคุณศิวา?"
"พี่เขารักครอบครัวมากค่ะ เขาเป็นห่วงครอบครัวมาก เขาอยากทำทุกอย่างให้พ่อกับแม่ของเขาหายเหนื่อย อีกอย่างคือเขาดูแลสาได้ดีเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะดูแลได้ ไม่เคยปฏิเสธเวลาสาขอให้พี่เขาช่วยอะไร และเขามีความเป็นผู้ใหญ่มาก ความคิดหลาย ๆ อย่างของเขาทำให้สาเชื่อว่าเขาจะดูแลสาได้ดีค่ะ"
นริสาตอบ ศิวามองเธอด้วยสายตาที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่ามันคือสายตาของคนที่ตกหลุมรัก เขารักคำตอบของริสามาก และสิ่งที่เขาตอบถึงเธอก็มาจากความรู้สึกจริง ๆ ของเขาเช่นกัน
และโดยไม่ทันตั้งตัว ศิวาดึงนริสาเข้าไปหอมแก้มฟอดใหญ่ หญิงสาวตกใจตาโตก่อนจะยิ้มแห้ง ๆ แก้เขิน
"อร๊าย ไหน ๆ เจ้าบ่าวก็หอมแก้มเจ้าสาวแล้ว เจ้าสาวหอมคืนบ้างสิคะ"
พิธีกรและแขกด้านล่างส่งเสียงเชียร์กันยกใหญ่เพื่อให้นริสาหอมแก้มศิวากลับ หญิงสาวมองซ้ายมองขวาอย่างประหม่าก่อนจะหันไปมองศิวา เขายืนอมยิ้มเขิน ๆ
ก็ถ้ามันไม่มีทางเลือก ก็คงต้องทำสินะ...
นริสาค่อย ๆ ยื่นหน้าเข้าไปหาศิวาเพื่อจะหอมแก้มเขา แต่ก็ต้องตกใจอีกครั้งเมื่อสิ่งริมฝีปากเธอได้สัมผัสไม่ใช่แก้มของศิวา แต่เป็นริมฝีปากของเขา
มือหนาประคองใบหน้าสวยไว้พลางขยับริมฝีปากเข้ากับริมฝีปากของเธอ หญิงสาวยืนนิ่งเพราะช็อคที่โดนศิวาจูบต่อหน้าสาธารณชนอีกครั้ง เหมือนกับครั้งแรกที่เขาจูบเธอในงานเลี้ยงวันนั้น
จะเรียกว่าหื่นไหม...ถ้าจะบอกว่าศิวาอยากจูบนริสาตั้งแต่เห็นเธอเดินลงมาแล้ว ยิ่งเมื่อกี๊ได้ฟังเธอพูดถึงเขายิ่งทำให้อดใจไม่ไหว
...นี่เขาตกหลุมรักยัยตัวเล็กนี่จริง ๆ หรือ
เหมือนใครมาหยุดเวลาไว้ เหมือนทุกอย่างรอบตัวนิ่งไปหมด นริสาไม่ได้ยินเสียงอะไร ไม่รู้เลยว่าคนในงานกรี๊ดกร๊าดกับฉากจูบนี้ขนาดไหน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ก่อนที่ศิวาจะถอนริมฝีปากออก
ทั้งคู่มองตากันครู่หนึ่ง ก่อนที่ศิวาจะพูดใส่ไมค์
"ขอบคุณนะครับ พี่สัญญาว่าจะดูแลสาให้ดีเท่าที่ผู้ชายคนหนึ่งจะทำได้"
ชายหนุ่มให้คำมั่น เรียกสติของนริสาคืนมา หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้องจัดงาน เห็นสายตาอิจฉาและยินดีมาจากทุกคนในห้องนั้น เรียกเลือดฝาดขึ้นมาบนแก้มใสทันที
"เอาล่ะค่ะ ๆ พวกเราอิจฉาตาร้อนกันมามากพอแล้ว ได้เวลาให้คุณนริสาโยนช่อดอกไม้ให้กับแขกในงานแล้วค่ะ เอ้า สาวโสดหรือหนุ่มโสดท่านใดอยากแต่งงานเป็นรายต่อไป มารอรับดอกไม้กันที่หน้าเวทีได้เลยค่า"
พิธีกรประกาศ ก่อนที่จะมีทีมงานเอาช่อดอกไม้มาให้นริสา หญิงสาวรับมาก่อนจะหันหลังเพื่อเตรียมตัวโยนช่อดอกไม้ไปให้แขกร่วมงานที่ด้านหลัง
"พร้อมนะคะ? 1....2....3!!!"
สิ้นเสียงนับของพิธีกร นริสาก็โยนช่อดอกไม้ลงไปด้านล่าง หญิงสาวรีบหันไปดูว่าใครจะเป็นคนได้ช่อดอกไม้นั้นไป
"สาวคนไหนได้ช่อดอกไม้ไปคะ? แสดงตัวหน่อยค่า"
พิธีกรร้องบอก เนื่องจากคนที่ได้ดอกไม้ไปแทบจะอยู่หลังสุด โดนบังไปด้วยกลุ่มสาว ๆ อีกหลายสิบคนที่มาออกันอยู่หน้าเวที เมื่อพิธีกรบอกแบบนั้น กลุ่มคนที่ไม่ได้รับดอกไม้จึงหันไปมองด้านหลังและหลีกทางให้ผู้ที่รับดอกไม้ได้เดินออกมาข้างหน้า แต่ผิดคาดที่ผู้ที่รับดอกไม้ได้ไม่ใช่ผู้หญิง แต่กลับเป็นผู้ชาย
และเขายังเป็นคนที่เจ้าสาวคุ้นเคยมากอีกด้วย...
"พี่เรย์...."
