บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 คืนพิเศษ

พีรภัทรทักทายลูกค้าสาว ๆ ในร้านอย่างทั่วถึง เขาไม่เคยทำให้โต๊ะไหนรู้สึกน้อยใจ ยิ่งเป็นคืนวันศุกร์เขายิ่งบริการดีเป็นพิเศษเพราะค่ำคืนนี้เป็นคิวที่เขาเข้ามาดูหน้าร้านอย่างเต็มตัว

“เสี่ยครับ ลูกค้าทางด้านนู้นเรียกให้ไปที่โต๊ะครับ” บิ๊ก..ลูกน้องในร้านที่ทำหน้าที่แทนพีรภัทรแทบทุกอย่างเข้ามารายงานทันทีที่สาว ๆ เอ่ยปากกับเขา

ความจริงพีรภัทรไม่ได้อยากให้ใครเรียกเขาว่าเสี่ยพีทหรือคุณพีท เพราะเขารู้ดีว่าตัวเองมาจากจุดไหน ผับแห่งนี้ก็ได้ทุนจากพี่เขย จะปฏิเสธก็ไม่ได้ จนเขาต้องรับไว้แล้วบริหารอย่างจริงจัง กระทั่งคืนกำไรได้ชั่วพริบตา หลังจากนั้นจึงส่งคืนทุนทั้งหมดบวกดอกเบี้ยให้พี่เขย

และเท่ากับว่าร้านแห่งนี้เป็นของเขาเต็มรูปแบบ ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ชอบใจที่จะอัปตัวเองโดยให้คนอื่นเรียกสรรพนามที่ไม่คุ้นหู ทว่าคูเปอร์ที่เป็นพี่เขย สั่งให้ทุกคนในร้านเรียกแบบนั้นเพราะหากตีสนิทกับลูกน้องมาก ๆ จะเสียการปกครองได้ เขาจึงเข้าใจเจตจำนงจึงปล่อยเลยตามเลย

“อืม เดี๋ยวฉันไป” พีรภัทรลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

ทว่า...

“พี่พีท~” เสียงหวานเอ่ยเรียกพร้อมยื่นมือไปดึงให้ร่างสูงนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง

“เดี๋ยวพี่มา” เขาบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“แต่พี่เพิ่งจะมานั่งที่โต๊ะเองนะคะ จะลุกไปไหนอีกแล้ว”

โบว์ลิ่งนางเอกซีรีส์ชื่อดังที่เป็นคู่ควงคนปัจจุบันของเจ้าของผับ ทักท้วงไม่ยอมให้เขาไปง่าย ๆ เธออุตส่าห์ตั้งใจมาหาเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ความสนใจจากเขาเลยสักนิด

“ไม่เอาครับ ไม่งอแงนะ” เขาโอบเอวเล็กพร้อมลูบไล้เพื่อให้โบว์ลิ่งใจเย็นลง

“โบว์ลิ่งไม่มีสิทธิ์งอแงเลยเหรอคะ”

“พี่บอกแล้วไง ว่าให้มาหาวันอื่น ไม่ฟังเอง”

“ก็โบว์ลิ่งอยากมาฟังพี่พีทร้องเพลงนี่คะ” เธอยื่นหน้าไปวางบนไหล่กว้าง ออดอ้อนอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ

“แต่ถ้าไม่ดื้อแล้วมาหาพี่วันอื่น ก็ไม่ต้องมานั่งงอแงแบบนี้!”

“มึงจะดุน้องเขาทำไมวะ” โปรดหรือมือเบสพูดแทรกเพราะฟังบทสนทนามานานแล้ว

“นั่นดิ” มือกลองอย่างทาวน์เห็นด้วย เขาไม่เห็นความจำเป็นที่พีรภัทรต้องไปนั่งคุยกับทุกโต๊ะ ถึงจะเป็นสาเหตุสำคัญของการตลาด ทว่าบางครั้งก็น่าจะเว้นระยะห่างกับลูกค้าบ้าง โดยเฉพาะลูกค้าสาว ๆ

ทั้งโปรดและทาวน์พยักหน้าย้ำความคิดเห็นอีกครั้ง

ทั้งคู่คือเพื่อนสนิทเจ้าของผับที่คบกันมาเกือบห้าปี รู้จักเพราะความบังเอิญ โดยที่ เก้า โปรด ทาวน์ เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนและตั้งวงดนตรีด้วยกัน กระทั่งวันหนึ่งขาดนักร้องนำ พวกเขาที่มาเที่ยวผับที่พีทเคยทำงานจึงสนใจที่จะดึงพีทมาเป็นนักร้องนำของวงและด้วยความที่พีทและพวกเขาอายุวัยเดียวกันจึงง่ายต่อการสนิทสนม

จากนั้นมาพวกเขาก็มีแต่มิตรภาพที่ดีต่อกันตลอดระยะเวลาเกือบห้าปี

“ไม่ได้ว่ะ” พีรภัทรปล่อยมือจากเอวบางพร้อมที่จะลุกขึ้นตลอดเวลา

“ถ้าพี่พีทไป โบว์ลิ่งจะกลับ!” เธอยื่นคำขาดอย่างเอาแต่ใจ

ให้รู้กันไปว่าเขาจะไม่ง้อเธอ โบว์ลิ่งมีชื่อเสียง เป็นที่ต้องตาของใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะหนุ่มไฮโซ แต่เธอก็เลือกที่จะคบกับพีรภัทรเพราะเขาไม่เหมือนใคร ไม่เคยเอาเงินฟาดหัวให้รู้สึกต่ำต้อย ถึงอดีตชายหนุ่มจะไม่ได้มาจากลูกตระกูลผู้ดี ทว่าตอนนี้เขามีพร้อมทุกอย่าง มีความมั่นคงในทุกด้าน และที่สำคัญเขาเป็นหนุ่มหล่อที่ใคร ๆ ต่างอยากได้มาครอบครอง

เธอไม่มีวันปล่อยเขาให้หลุดมือเด็ดขาด!

“ดีเหมือนกัน พี่จะได้ไม่ต้องกังวลทิ้งให้เราต้องนั่งรอ”

ผิดคาด...พีรภัทรกลับยินดีที่เธอจะกลับ อีกทั้งยังเรียกลูกน้องในร้านให้ไปส่งเธอที่บอดี้การ์ด

โบว์ลิ่งลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ไม่พอใจ ก่อนจะกระทืบเท้าออกไปทันที

ครั้งนี้คนที่ต้องตามง้อไม่ใช่เธอแน่นอน ถึงจะคบกันแบบไม่มีสถานะ แต่ที่ผ่านมาพีรภัทรมีเธอคนเดียวมาโดยตลอดและด้วยอาชีพนักแสดงเธอจึงไม่คิดจะเรียกร้องสถานะตอนนี้

“หาเรื่อง ต้องง้ออีกสิมึง” ทาวน์ยักคิ้วให้เพื่อนหลังจากเดาเหตุการณ์ต่อจากนี้

พีรภัทรกลับยักไหล่ไม่สนใจแล้วหมุนตัวไปโต๊ะลูกค้า ไม่ได้แยแสกับสิ่งที่เพื่อนพูดออกมา

เขารู้จุดอ่อนของสาว ๆ ดี

คนไหนต้องง้อแบบไหน อย่างโบว์ลิ่งไม่ใช่ประเภทซื้อของให้แล้วจะหายงอน แต่จุดอ่อนของเธออยู่ที่เรื่องบนเตียงต่างหาก

รอให้ผับคืนนี้เลิกก่อน...สำหรับการง้อสาวไม่ได้ยากเกินความสามารถของเขาเลย

“แก!” อิงลดาวางโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะเหล้าด้วยสีหน้าเซ็ง ๆ

“หืม!?” ทำให้คนที่กำลังนั่งฟังเพลงเพลิน ๆ ต้องละสายตาจากเวทีมาสนใจเพื่อนสาวแทน

“ฉันต้องกลับบ้านด่วนอ่ะ”

“งั้นเหรอ มีไรรึเปล่า”

“ไม่รู้เหมือนกัน ป๋าส่งข้อความมาแค่นี้ เดี๋ยวไปบ้านฉันก่อนแล้วค่อยให้ลุงสมหมายวนมาส่งแก” เพราะคอนโดเดียร์น่าอยู่คนละทาง ซึ่งเธอรับปากแล้วว่าจะไปส่งเพื่อนจึงจำเป็นต้องวนไปวนมา

“ไม่เป็นไร ฉันกลับเองได้ แกไปเถอะ” ปกติแล้วเดียร์น่าก็ออกมาดื่มคนเดียวกลับคนเดียวเป็นเรื่องปกติ

“จะบ้าเหรอ มาด้วยกันจะทิ้งได้ไง”

“โอ๊ย! อย่างกะแกไม่เคยทิ้งฉันว่างั้น”

“ฮ่า ๆ แกนี่ชอบย้อนอยู่เรื่อยเลย”

เดียร์น่าส่ายหน้ากับท่าทางของเพื่อน

“แต่ฉันเป็นห่วงแกนี่น่า อุตส่าห์ออกมาดื่มด้วยกัน”

“เออน่า ฉันกลับได้ เดี๋ยวเรียกคนขับรถที่บ้านมารับก็ได้” เธอบอกให้เพื่อนวางใจ

“แน่ใจนะ”

“อือ”

“โอเค ถ้าถึงบ้านอย่าลืมโทรหรือส่งข้อความมาหน่อยแล้วกัน” หลังจากตกลงกับเดียร์น่าเรียบร้อยจึงเดินออกจากโต๊ะ

อิงลดาเดินผ่านโต๊ะที่มีเจ้าของผับนั่งอยู่ เธอไม่ลังเลที่จะเข้าไปหาเพื่อบอกบางอย่าง “พีท”

“อ้าวอิง จะกลับแล้วเหรอครับ”

พีรภัทรชะโงกหน้าดูด้านหลังอิงลดาเมื่อไม่เห็นเพื่อนสนิทของเขาออกมาด้วย จึงกวาดสายตาไปที่โต๊ะที่สองสาวเคยนั่งซึ่งยังเห็นเดียร์น่านั่งดื่มคนเดียว

“ใช่ พอดีเราโดนเรียกกลับด่วนอ่ะ เราฝากเดียร์ด้วยนะมันไม่ได้เอารถมา”

“ไม่มีปัญหา ไม่ต้องห่วง”

เมื่อหายกังวลแล้วอิงลดาจึงวางใจ พูดคุยกับเจ้าของผับต่ออีกไม่กี่ประโยคก็เอ่ยลาขอตัวกลับออกจากที่นี่

พีรภัทรเห็นว่าเพื่อนนั่งคนเดียวจึงขอตัวจากโต๊ะสาว ๆ เข้าไปนั่งกับเดียร์น่า ผู้หญิงที่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและผู้มีพระคุณกับครอบครัวของเขา

ความจริงเขากับเธอเดินคนละเส้นทางยากที่จะมาบรรจบเป็นเพื่อนกันได้ ทว่าเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อนที่ทำให้เขาบังเอิญได้รู้จักกับเดียร์น่า

‘ปล่อยนะ ไอ้เวร!’

‘ปากดีอย่างนี้ เดี๋ยวกูจูบซะให้เข็ด’

‘อี๋! อย่านะ บอกว่าอย่าเข้ามาไง’

‘หึ ทีนี่ทำเป็นกลัว เมื่อกี้ยังปากดีอยู่เลย’

มือหนาของชายฉกรรจ์เอื้อมมาประคองใบหน้าหวาน หลังจากที่เขาฉุดลากหญิงสาววัยกำลังหนีเที่ยวเข้าซอกซอยเปรี่ยวได้สำเร็จโดยมีลูกน้องยืนเฝ้าหน้าซอยเพื่อดูราดราวให้

‘สกปรก เอามือแกออกไปนะ’ เดียร์น่าพยายามแกะมือหนาออกจากใบหน้าตัวเอง ยิ่งสายตาที่กำลังแทะโลม เธอยิ่งสะอิดสะเอียนเป็นที่สุด

เมื่อชายฉกรรจ์ก้มหน้าหมายจะจูบ สมองสั่งให้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีด้วยการใช้หัวเข่าเสยเข้าเป้ากางเกงอีกฝ่ายเต็มแรง

‘โอ๊ย! อีเด็กเปรต!’

ชายฉกรรจ์พ่นคำด่าแล้วกุมเป้ากางเกงตัวเองไว้ สีหน้า ท่าทาง ไม่สู้ดีนัก มืออีกข้างเอื้อมเพื่อจะคว้าหญิงสาวไว้ ทว่าก็ช้าไปหลายวินาทีเมื่อเธอพยายามวิ่งหนีออกจากซอย

‘ช่วยด้วย’ เดียร์น่าตะโกนหาตัวช่วย ทั้งที่ซอยเปรี่ยวอย่างนี้น่าจะมีโอกาสรอดยาก

‘มึงไปจับอีนั่นมาให้กูให้ได้ ไป!’ ชายฉกรรจ์ขบฟันตัวเองด้วยความคับแค้นใจ ทั้งยังเดินขากะโผลกกะเผลกกุมเป้าตัวเอง

‘ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย’ หญิงสาวเริ่มมีน้ำตาไหลรินอาบแก้มนวลเพราะกลัวว่าจะหนีพวกเดนนรกไม่สำเร็จ

เธอไม่น่าหนีเที่ยวเลย

เดียร์น่าได้แต่โทษตัวเองในใจตลอดทางที่วิ่งหนี ถ้าไม่ซ่าหนีคุณพ่อเที่ยวก็คงไม่เกิดเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้เพราะที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของตัวเอง วันนี้เธอบินตามคุณพ่อมาทำงานด้วย แต่เบื่อที่จะนอนโรงแรมคนเดียวก็เลยหนีออกมาเที่ยวสถานบันเทิง ทั้งที่ปกติเธอก็ชอบหนีเที่ยวเป็นประจำ

ทว่า...

ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ไม่มีลูกน้องของคุณพ่อคอยตามดู ไม่มีใครรู้ว่าเธอออกมา แม้แต่ลูกน้องที่เฝ้าหน้าโรงแรม

‘ฮือ ๆ’ เดียร์น่าเริ่มฝันเสียเมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นว่าพวกมันวิ่งตามมาหลังติด ๆ

ตุบ!

จู่ ๆ เธอก็ชนเข้ากับบางอย่างอย่างจัง แต่พอเงยหน้าขึ้นไปมองเธอก็ตกใจจนต้องกรีดร้องออกมาเพราะเข้าใจว่าเป็นพวกเดียวกันกับชายฉกรรจ์ด้านหลัง

‘อุ้บ!’

‘เงียบ ถ้าไม่อยากโดนจับไปอีก’ มือของชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันปิดปากเธอไว้ ก่อนจะประคองเธอไปหลังพุ่มไม้ที่มีหญ้ารกรุงรัง พวกเดนนรกวิ่งผ่านพ้นไปโดยไม่เอะใจว่าเธอยังอยู่แถวนั้น โชคดีที่คืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ซอยที่ไม่มีแสงไฟสว่างจึงช่วยอำพรางให้รอดพ้นได้

‘ตามฉันมา’

‘จะไปไหน’ เดียร์น่าถามเมื่อเห็นว่าเขาพาเธอเดินกลับเข้าไปในซอย ทั้งที่ควรจะพาออกนอกซอย

‘อยากรอดก็อย่าพูดมาก’

‘ก็บอกมาก่อนสิ’

ร่างสูงหันมามองหน้าอย่างรำคาญ แต่ไม่ได้พูดอะไร สองขาเรียวก้าวตามซอยที่คุ้นชิน

เดียร์น่าเห็นอย่างนั้นจึงรีบก้าวเท้าตามเพราะไม่มีทางเลือกอื่นสำหรับเธอ

‘อ่ะ กลับเองได้นะ’ เขาพาหญิงสาวเดินออกจากหลังซอยที่มีทางเชื่อมไปถนนใหญ่และเมื่อเดินมาจนถึงหน้าร้านสะดวกที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาจึงหยุดเดินและหมุนตัวกลับไปเอ่ยถาม

‘อือ ขอบคุณใจนะ’ มือบางยกขึ้นมาปาดน้ำตาที่ยังทิ้งรอยคราบใส ๆ ไว้บนหน้า เดียร์น่ามองเขา จดจำร่างสูงใจดีที่ทำให้เธอรอดจากเดนนรกพวกนั้น

‘เดี๋ยวสิ นายจะไปไหน’ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยอะไรต่อเขาก็หมุนตัวกลับเข้าซอยเหมือนเดิม

‘กลับไง’

‘นายชื่ออะไรเหรอ เอาเบอร์มาดิ ฉันจะติดต่อโอนเงินให้’

ร่างสูงหันมามองหน้าทันที เขาทำไปไม่ได้หวังเงิน แต่กลับโดนฟาดเงินใส่ซะงั้น

‘เอ่อ...ฉันแค่อยากขอบคุณ’ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายชักสีหน้าไม่พอใจ เดียร์น่าเดาได้ทันทีว่าตัวเองพูดอะไรผิดไป ‘ตกลงนายชื่อไรเหรอ’

‘พีท!’ เขาบอกสั้น ๆ มองหญิงสาวตรงหน้าแค่แวบเดียวก็รู้ว่าต้องเป็นลูกคุณหนู แต่ไม่รู้ทำตัวอีท่าไหนถึงได้โดนฉุด

‘ฉันเดียร์น่า เรียกสั้น ๆ ว่าเดียร์ เราเป็นเพื่อนกัน ตกลงไหม’ เดียร์น่ายื่นมือหวังสร้างมิตรภาพ แต่อีกฝ่ายไม่ได้อยากผูกมิตรเท่าไรนัก ถึงอย่างนั้นก็โดนเดียร์น่าเอื้อมมาจับมือจนได้

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นพวกเขาก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย กระทั่งพีรภัทรเข้ามาเรียนและหางานทำในเมืองหลวง จึงได้เจอกันอีกครั้งในผับที่พีรภัทรเป็นนักร้องประจำร้าน

ทั้งสองสร้างมิตรภาพกันใหม่และพอรู้ว่าพีรภัทรกำลังลำบากเดียร์น่าไม่ลังเลที่จะยื่นมือมาช่วยเหลือด้วยการหางานให้พี่สาวของพีรภัทร เข้าสู่วงการบันเทิงโดยมีเธอเป็นแบล็คหลังคอยผลักดันหางานใหม่ ๆ ให้ตลอด

นี่น่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้พีรภัทรมองเดียร์น่าเป็นผู้มีพระคุณมากกว่าเพื่อนสนิท

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel