กลายเป็นสะใภ้ปากร้าย 2
เฉินซือหยู่มองตามหลังหลานสาวที่วิ่งเข้าห้องของหล่อนเข้าไป ปีนี้หล่อนมีอายุเพียงสี่ปีเท่านั้นแต่รู้ความมากแล้ว วันนี้ในแปลงนามีการเก็บเกี่ยวทำให้ที่บ้านมีเพียงแม่สามีที่ต้องอยู่บ้านดูหลาน ๆ กับเฉินซือหยู่ที่ไม่ยอมไปเพราะเธอซื้อข้าวรับประทานอีกอย่างถึงช่วยงานพวกเขาก็ไม่ได้ข้าวกินอยู่ดี
ทุกครั้งที่หลี่ซือหรานเลี้ยงหลาน เฉินซือหยู่สังเกตได้ว่าบนตัวของจางซวี่หรูจะมีรอยแผลใหม่ทุกรอบ เมื่อสอบถามถึงได้รู้ว่าแม่สามีลงมือตีหลานเพื่อทำโทษที่ทำจางหลินหลินหลานสาวคนโปรดของหล่อนมีแผล
ปกติพี่สะใภ้รองจะหิ้วหลานสาวไปที่แปลงนาด้วย แต่เฉินซือหยู่เห็นว่าอากาศมันร้อนจึงไม่ให้ไป และรับปากว่าจะดูแลหลานสาวให้จะไม่ได้รับรอยแผลใหม่แน่นอน
“วัน ๆ ไม่ทำอะไรเอาแต่ผลาญเงินลูกชายของฉัน” นางหลี่ซินหรานบ่นแต่ว่าไม่ได้หันมาดูลูกสะใภ้ แต่คนตาบอดยังรู้เลยว่าหล่อนกำลังว่าเฉินซือหยู่อยู่
“เงินของสามีฉันไม่ได้แตะสักหยวนแม่สามีพูดเกินไปแล้ว” เฉินซือหยู่ตอบกลับทันที เรื่องที่เธอไม่ได้ทำไม่มีทางยอมรับโดยดเด็กขาด ที่บ้านยังไม่ได้แยกกับบ้านใหญ่การที่เงินของสามีไม่ได้อยู่กับเฉินซือหยู่ไม่ใช่เรื่องแปลก อีกอย่างร่างเดิมหัวอ่อนเสียขนาดนั้นจะได้เงินสามีได้อย่างไร เงินทุกเฟินหลี่ซินหรานเก็บเข้ากระเป๋าตัวเองหมดและยังแอบให้
ลูกชายใหญ่กับลูกชายคนเล็กอยู่บ่อยครั้ง
“อาสะใภ้หนูพร้อมไปแล้วค่ะ”
“ไปกันเถอะจ้ะ”
“อวดดีนัก ลูกชายฉันกลับมาต้องหย่ากับหล่อนให้ได้!” หลี่ซินหรานยังตะโกนไล่หลังลูกสะใภ้ไร้ประโยชน์อย่างโมโหเฉินซือหยู่ไม่ได้สนใจเสียงของแม่สามีเธอพาหลานสาวเดินออกจากบ้านทั้งสองมีตะกร้าไม้สานขนาดพอดีตัว
เป็นพี่ชายรองจางที่จัดการให้พวกเธอ
“ระวังตัวด้วย” จางซินฉีที่เห็นน้องสะใภ้พาลูกสาวขึ้นเขาจึงเอ่ยเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ได้ค่ะ พี่ไม่ต้องห่วงฉันจะดูแลหลานสาวอย่างดีค่ะ”
ภายในป่าอันตรายมากและมันเป็นเขตหวงห้ามแต่ชาวบ้านลักลอบเข้าไปทุกวัน การที่เฉินซือหยู่กับจางซวี่หรูเข้าป่าด้วยกันเพียงสองคนแน่นอนว่ามันอันตราย แต่การปล่อยให้อยู่กับผู้เป็นย่าจะอันตรายมากกว่า ป่าที่เข้าไปมันไม่ได้ลึกมากและทางเข้ามีเห็ดป่าที่สามารถกินได้เฉินซือหยู่ให้หลานสาวนำใบไม้ขนาดใหญ่มารองเห็ดป่าใส่ตะกร้า
สายตากวาดมองไปรอบ ๆ ตัวอย่างหวาดระแวงวันนี้พาลูกคนอื่นเข้ามาด้วยต้องดูแลให้ดีที่สุด เมื่อเห็นว่าปลอดภัย เฉินซือหยู่จึงเดินนำจางซวี่หรูเข้าไปอีก เธอพยายาม ไม่เข้าไปป่าลึกเพราะมีเด็กตามมาด้วย แต่จะหาผักป่าและเห็ดตรงตีนเขาเท่านั้น
“ไก่!”
นิ้วเล็กชี้มือไปยังไก่ป่าที่หมอบอยู่ เฉินซือหยู่มองตามหลานสาวก่อนจะยกยิ้มอย่างยินดี เธอวางตะกร้าลงพื้น อย่างเบามือก่อนจะคว้าไม้แถวนั้นมาถือไว้ในมืออย่างระวัง ตอนนี้มันนอนหมอบอยู่กับในพงหญ้าแต่การที่จะเข้าไปเอามันได้ต้องใช้การขยับให้น้อยที่สุด
ตุ๊บ!!!
“ได้แล้ว ๆ”
เฉินซือหยู่ใช้ไม้ตีหัวไก่ที่นอนหมอบอยู่จนแน่นิ่งไปถึงได้หาเครือไม้มามัดขาไก่ทั้งสองติดกับตะกร้าข้างนอก
ในตะกร้าเป็นเห็ดและผักป่าถ้ามีของหนักทับคงไม่ใช่เรื่องที่ดี วันนี้โชคดีที่ได้ไก่ป่ากลับบ้านอาจเพราะมันบาดเจ็บมาทำให้เธอทุบตีมันได้ทันหากร่างกายปกติคงยากจะจับไก่ป่าได้
“อาสะใภ้เก่งจังเลยค่ะ”
“ซวี่หรูต่างหากที่เก่งมาก ถ้าหนูไม่เห็นไก่อาสะใภ้คงหาไม่เจอ”
เฉินซือหยู่ชมหลานสาว ทั้งสองเดินเข้าป่าเก็บของได้หลายอย่างถึงกลับบ้าน เธอไม่ได้ปิดบังที่ว่าได้ไก่มา หลายครั้งเวลาเข้าป่าจะมีสัตว์ติดมือกลับไปด้วยแน่นอนว่าทุกคนรู้ การที่ผู้หญิงอย่างเฉินซือหยู่มีเนื้อให้กินทุกวันนับว่าเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากจะเชื่อ ในขณะที่ครอบครัวอื่นในบ้านจางกินผักลวก เธอจะแบ่งอาหารจานเนื้อไปให้เพียงบ้านรองเท่านั้น
เมื่อออกจากป่าเฉินซือหยู่ปล่อยให้หลานสาวเป็นคนเดินนำทางกลับไปยังบ้านจาง ตอนนี้ทุกคนรวมตัวกันทุกอย่างในบ้านคงจะเสร็จก่อนแล้ว
“ไก่!”
