บทนำ ทางออกที่ช่วยหาให้ 1/1
บทนำ
ทางออกที่ช่วยหาให้
ทั่วทั้งเมืองเจียงอี้มีผู้ใดไม่รู้บ้างว่าคุณหนูรองแห่งตระกูลเหลียงนั้นอ่อนแอเพียงใด แต่ละครั้งยามที่นางล้มป่วยลงนั้นทำเอาหมอทั่วทั้งเมืองถูกตามตัวไปรักษาจนวุ่นวายไปหมด
ตระกูลเหลียงนั้นเป็นตระกูลร่ำรวยมีหน้ามีตา ย่อมไม่ใช่เรื่องลำบากอันใดหากจะให้หมอทั้งเมืองไปค่อยดูอาการเจ็บไข้ของคุณหนูรองที่มักจะล้มป่วยบ่อยๆถึงขั้นเรียกได้ว่าสามวันดีสี่วันเจ็บไข้เช่นนี้
ทว่าแม้ตระกูลเหลียงจะมีเงินทองมากมายเช่นนี้ ทว่าสิ่งที่ทำได้ก็คือรักษาตามอาการของคุณหนูรอง พวกเขายังไม่สามารถหาหมอหรือวิธีรักษาให้คุณหนูรองแห่งตระกูลเหลียงผู้นี้หายขาดจากโรคภัยไข้เจ็บได้ต่างๆได้
“พี่เหม่ยหลันยามนี้ข้าทุกข์ใจยิ่งนัก” เหลียงฮูหยินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวดอย่างยิ่ง
เมื่ออี้เหม่ยหลันเห็นท่าทีสิ้นหวังของเหลียงฮูหยินที่ระหว่างพวกนางสองคนนับถือกันเป็นพี่เป็นน้องมาเนินนานก็อดที่จะสงสารอีกผู้หนึ่งเป็นอย่างมากไม่ได้
“น้องซูมี่เจ้าอย่าได้ทุกข์ใจไปนักเลย เมิ่งเมิ่งลูกสาวเจ้าก็ปลอดภัยดีแล้วอย่างไรเล่า” ยามนี้อี้เหม่ยหลันทำได้เพียงพยายามเอ่ยปลอบใจ อย่างน้อยๆก็อยากจะให้น้องซูมี่ของนางนั้นพอจะคลายกังวลลงได้บ้าง
“ยามนี้เมิ่งเมิ่งของข้าปลอดภัยดีแล้วอย่างไร อีกไม่กี่วันก็คงต้องเจ็บไข้ลงอีก ใจข้านี้เจ็บปวดยิ่งนัก”
นางเอ่ยไปร่ำไห้ไปอยากทุกข์ตรม
“หรือชาติก่อนข้าทำบาปเอาไว้นักหนา ลูกสาวขอข้าจึงต้องมาทุกข์ทนกับโรคภัยไข้เจ็บมาเนินนานเช่นนี้”
“เจ้ายิ่งคิดยิ่งพูด เรื่องราวยิ่งตีกันยุ่งไปหมดแล้ว น้องซูมี่เจ้าใจเย็นก่อนเถิด หากเมิ่งเมิ่งรู้ว่าเจ้าร้องไห้เสียใจเช่นนี้นางคงไม่สบายใจ”
ใช้เวลาประมาณเกือบครึ่งชั่วยามเห็นจะได้กว่าที่เหลียงฮูหยินจะสงบลง
หลังจากนั้นทั้งสองจึงได้พากันเข้ามาดูอาการของลูกสาวของเหลียงฮูหยิน
เหลียงฮูหยินหรือฟางซูมี่อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของลูกสาวคนรองที่นางรักสุดหัวใจขาวซีดแทบจะไร้ซึ้งสีเลือดอยู่บนใบหน้า
เหลียงฮูหยินกลั้นเสียงสะอื้นไห้ของตนอย่างยากลำบากก่อนจะเอื้อมมือของนางไปกุมมือของลูกสาวที่ยามนี้ช่างเย็นราวกับถูกนำไปแช่เอาไว้ในน้ำแข็ง
“เมิ่งเมิ่งลูกแม่ เจ้าไม่เป็นอันใดแล้ว อีกไม่นานก็จะตื่นขึ้นมายิ้มให้แม่ได้แล้ว ระหว่างนี้แม่จะเข้าครัวไปทำซุปอร่อยๆเอาไว้ค่อยเจ้าตื่นขึ้นมากินดีหรือไม่” นางยิ้มอยากมีความหวังให้กับลูกสาวของนาง ถึงแม้ว่าลูกสาวของนางจะไม่ได้ส่งยิ้มกลับคืนมาให้ก็ตาม
อี้เหม่ยหลันที่ยืนอยู่ไม่ไกลและเฝ้ามองอยู่ตั้งแต่แรก รู้ดีว่าเป็นจังหวะนี้แหละที่ควรจะดึงเหลียงฮูหยินออกไปกับนางได้จึง รีบเอ่ยขึ้น
“มากับข้าเถิดน้องซูมี่ข้าจะช่วยเจ้าทำซุปให้เมิ่งเมิ่งเอง”
ณ ห้องครัวตระกูลเหลียง
พวกนางทั้งสองคนอยู่ในครัวกับมาได้เกือบจะสองชั่วยามแล้ว บนเตามีซุปที่พวกนางทั้งสองคนตั้งใจต้มเป็นอย่างมาก ทุกอย่างถูกทำ อย่างใส่ใจทุกขั้นตอน ของที่นำมาทำซุปทุกวัตถุดิบล้วนเป็นของชั้นดีทั้งสิ้น
“ข้าเป็นแม่ ยามลูกเจ็บป่วยกับทำได้เพียงแค่นี้เพียงเล็กน้อยแค่นี้” เหลียงฮูหยินเอ่ยขึ้นเสียงเบา มือของนางยังคงเคี้ยวซุปในหม้อตรงหน้าอย่างระมัดระวัง
“เล็กน้อยสำหรับเจ้า แต่สำหรับเมิ่งเมิ่งมันอาจจะมหาศาลจนเจ้าคิดไม่ถึง” ฟางอี้หลันยังคงเอ่ยเตือนสติเหลียงฮูหยิน
“พี่เหม่ยหลัน ข้าคิดมาตลอดว่าที่เมิ่งเมิ่งป่วยเช่นนี้เป็นเพราะข้าไม่อาจคลอดนางออกมาอย่างแข็งแรงได้” นางเอ่ยออกมาก่อนจะหวนคิดไปถึงครั้งที่ตัวของนางนั้นกำลังตั้งครรภ์เมิ่งเมิ่งได้เจ็ดเดือน ตอนนั้นเพราะความนึกสนุกไม่ได้ทันได้คิดถึงความปลอดภัยของนางและลูกในครรภ์ นางเดินเล่นอยู่ข้างๆบึงน้ำในสวนไม่ทันระวังตกน้ำลงไปจนได้
จำได้ว่านางถูกช่วยขึ้นมาได้จากสาวใช้และบ่าวรับใช้หลายคน โชคดีที่ครรภ์ของนางไม่ได้กระแทกรุนแรงทำให้เด็กในครรภ์ยังอยู่ แต่กลับโชคร้ายเมื่อนางเกิดจับไข้อย่างหนักจนท่านหมอถึงขั้นเอ่ยปากว่าเด็กในครรภ์ของนางซึ่งก็คือเมิ่งเมิ่งในเวลานั้นอาจจะไม่ได้เกิดแล้ว หรือหากคลอดออกมาได้ก็จะมีร่างกายไม่แข็งแรงเช่นที่ควรเป็น
“หากเจ้าคิดเช่นนี้เมิ่งเมิ่งรู้เข้านางจะเสียใจแค่ไหนเจ้ารู้หรือไม่” นางถามออกมา
“เจ้ารักเมิ่งเมิ่งแค่ไหนทุกคนรวมทั้งเมิ่งเมิ่งลูกสาวของเจ้ารู้ดี เจ้าไม่จำเป็นต้องมานั่งโทษตัวเอง มานั่งทนทุกข์เช่นนี้มันทำให้ตัวเจ้าเองแย่แค่ไหนข้าคงไม่ต้องบอก”
“พี่เหม่ยหลันถึงจะอย่างนั้น ข้าก็ไม่อาจปล่อยวางได้ง่ายๆหรอก เมิ่งเมิ่งนางดื่มยาขมมามากมายนัก ข้ายังจำได้ว่านางบ่นออกมาว่าขมจนเลิกบ่นเพราะเคยชินกับยาขมๆพวกนี้อย่างไร ข้ารู้เมิ่งเมิ่งทำเป็นดื่มยาได้ง่ายๆเพราะไม่อยากทำให้ข้าเป็นกังวล เมิ่งเมิ่งมักแสดงออกให้ข้าเห็นว่านางไม่เป็นอะไรนั้นยิ่งทำให้ข้าเจ็บปวดใจยิ่งนัก”
