ตอนที่ 9 พี่สาวมาเยือน1
เนื่องจากวันนี้อากาศร่มรื่นเหมาะกับการออกมาชื่นชมธรรมชาตินอกเรือนยิ่ง วันนี้มื้อกลางวันนางจึงให้สาวใช้ช่วยกันจัดศาลาริมน้ำหน้าเรือนนางเพื่อทานมื้อกลางวันที่นั่น
แน่นอนว่าแม้วันนี้ท้องฟ้าอากาศจะเป็นใจ แดดอ่อนไม่ร้อน ลมพัดก็ไม่ได้รวดเร็วแต่กลับเย็นสบายพอดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ถึงอย่างนั้น ศาลาก็ถูกติดผ้าโปร่งเอาไว้ทุกด้านเพื่อป้องกันไม่ให้คุณหนูรองของพวกนางถูกแดดถูกหรือต้องลมจนเกินไป
“มาแล้วๆ พี่สาวของเจ้ามาแล้ว”
น้ำเสียงอันคุ้นหูที่ดังขึ้นมาแต่ไกล ทำเอาซูเมิ่งต้องหันไปตามทิศทางของเสียง เพียงไม่นานด้านหน้าศาลาก็ปรากฏร่างผู้ที่เป็นเจ้าของเสียงที่กำลังเดินอย่างรวดเร็วมาหานาง
“ไม่เจอกันนานพี่ใหญ่สบายดีไหมเจ้าคะ” นางเอ่ยถามพี่สาว พลางรินน้ำชาก่อนจะยื่นถ้วยชานั้นให้ผู้เป็นพี่สาว
ด้านเหลียงซีซีก็รับน้ำชาจากมือน้องสาวขึ้นมาจิบ ก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม “ก็สบายดียิ่ง แล้วเจ้าเล่าช่วงนี้ดีขึ้นมากใช่หรือไม่”
“ข้าเองก็เป็นเช่นเดิมเจ้าค่ะ เจ็บป่วยจนเคยชินเสียแล้ว” นางเอ่ยพลางยิ้มออกมาอย่างขมๆ
“เมิ่งเมิ่งเจ้ารออีกหน่อย พี่เชื่อว่าอย่างไรอาการของเจ้าสักวันหนึ่งต้องหายขาดแน่”
นางเอื้อมมือไปกุมมือเล็กเรียวงามของผู้เป็นน้องสาวของนางอย่างต้องการให้กำลังใจ
“ของคุณพี่ใหญ่ที่คอยให้กำลังใจข้าเสมอมา เมิ่งเมิ่งรู้สึกขอบคุณพี่ใหญ่จากใจจริงเจ้าค่ะ” ใบหน้างามเผยรอยยิ้มที่แสนงามยิ่งขึ้นบนใบหน้า แสดงให้เห็นถึงความจริงใจเป็นอย่างยิ่ง
เหลียงซีซีที่ได้เห็นรอยยิ้มนี้แทบจะของเจ็บป่วยแทนหรือถ้าเป็นไปได้นางก็ยินดีเสียด้วยซ้ำหากจะต้องใช้ทุกวิธีหรือทำทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือน้องสาวคนดีของนางผู้นี้
น้องสาวของนางเป็นเด็กดีตั้งแต่เล็ก ใบหน้าแสนซนของนางเมื่อเยาว์วัยนั้นนางยังจำได้ดี นึกย้อนคิดไปแล้วหากตั้งแต่เล็กเมิ่งเมิ่งของนางแข็งแรงดีแล้วล่ะก็ย่อมจะต้องกลายเป็นเด็กสาวแสนซนผู้เปี่ยมด้วยความความซุกซนน่าเอ็นดูยิ่งเป็นแน่
โชคร้ายยิ่งที่ตั้งแต่เด็กความซุกซนของวัยเยาว์นั้นต้องถูกจำกัดเอาไว้เพราะความอ่อนแอความเจ็บป่วยที่แสนทุกข์ทน ยากจะพ้นผ่าน
“เรื่องเจ็บไข้อันใดไม่คุยแล้ว มาคุยเรื่องมงคลของเจ้ากันดีกว่ากระมัง”
“เรื่องมงคล เรื่องมงคลของข้า”
พอพี่สาวนางเอ่ยถึงเรื่องมงคลของนางขึ้นมาด้วยสายตาเชิงหยอกเย้าอยู่ในทีทำเอาซูเมิ่งอดที่จะรู้สึกเขินอายขึ้นมาไม่ได้
“อีกสามวันก็จะถึงวันมงคลของเจ้าแล้ว เมิ่งเมิ่งตัวน้อยของข้าจะกลายเป็นเจ้าสาวแสนงามเสียแล้ว”
“ยิ่งรู้ว่าผู้ที่เจ้าจะแต่งด้วยคือพี่มู่เหยียน พี่ยิ่งดีใจกับเจ้าอีกหลายเท่าทีเดียว พี่มู่เหยียนกับเมิ่งเมิ่งของพี่ช่างดูเหมาะสมกันยิ่งนัก”
“ดูเหมาะสมกันหรือเจ้าคะ” นางเอ่ยขึ้นเสียงเบา
“แน่นอนว่าเหมาะสมกันยิ่งเช่นเดียวกับกิ่งทองใบหยกก็มิปรานเลยเชียว”
เหลียงซีซียังเอ่ยชมต่อไม่ขาดปาก จนกระทั่งเล่าสาวใช้ทยอยกันนำอาหารเข้ามานั่นแหละสองพี่น้องจึงได้หยุดพูดคุยแล้วทานอาหารมื้อกลางวันด้วยกันอย่างเอร็ดอร่อย
เมื่อทานอาหารเสร็จเรียบร้อย สาวใช้ก็ยกน้ำขิงเข้ามาให้คุณหนูทั้งสองคนดื่มล้างคอหลังจากมื้ออาหาร
“ใช่แล้วพี่ว่าจะถามเจ้าหน่อย เมื่อยามพี่เดินเข้ามาในสวนเห็นต้นจวี๋ฮวาตั้งมากมาย ไม่รู้ว่าท่านแม่ไปซื้อต้นจวี๋ฮวาพวกนั้นมาจากที่ใดกันถึงได้สวยงามขนาดนั้นแถมยังซื้อมาตั้งมากมายเช่นนั้นอีก”
“อ่า ต้นจวี๋ฮวาพวกนั้น...” ซูเมิ่งพูดขึ้นอย่างตะกุกตะกักเล็กน้อย ร้อนไปถึงติงหยู่ที่ยืนรอท่าอยู่ใกล้ๆต้องเป็นผู้เอ่ยตอบไขข้อข้องใจให้คุณหนูใหญ่ของนางแทน
“เรียนคุณหนูใหญ่ต้นจวี๋ฮวาเหล่านั้นหาใช่ฮูหยินเป็นผู้หามา แต่เป็นคุณชายเว่ยมู่เหยียนที่เป็นผู้ส่งมาให้คุณหนูเจ้าค่ะ”
คำตอบของติงหยู่ยิ่งทำให้เหลียงซีซีมองน้องสาวตนอย่างตั้งใจหยอกล้ออีกครั้ง ที่แท้น้องสาวนางกำลังเขินอายต่อคำถามนางจึงไม่กล้าที่จะเอ่ยตอบออกมาโดยห้ามไม่ให้ตัวเองแสดงอาการออกมา
“นั้นแสดงว่าพี่มู่เหยียนดีต่อเจ้ายิ่งนัก เจ้าแต่กับเขาแน่นอนว่าต้องมีความสุขพี่กับท่านพ่อท่านแม่หายห่วงแล้ว”
นางเอ่ยออกมาอย่างจริงใจ พลางนึกไปถึงพี่มู่เหยียนที่มักจะแสดงท่าทีนิ่งเฉยกับทุกสิ่งความคิดยากจะคาดเดา ครั้งนี้ถือว่าพี่มู่เหยียนนั้นแสดงออกมาว่าใส่ใจน้องสาวของนางได้ไม่เลวทีเดียว นางรู้อยู่แล้วว่าพี่มู่เหยียนนั้นเป็นยอดบุรุษน้องสาวนางแต่งกับเขาย่อมเป็นเรื่องดีและเหมาะสมยิ่ง
