ตอนที่ 4 แฟนคลับ (2)
ตอนที่ 4
แฟนคลับ (2)
ผมยักไหล่ส่งให้ไอ้พี่ศิลาอย่างขอไปที แม้ว่ามือจะหยิบแก้วเหล้ามากระดกเข้าปากแต่สายตาก็ยังมองออกไปข้างนอกไม่ละ ใครกันที่จะรู้ว่าผมอยู่ไทยทั้งที่ไม่มีในตารางงาน และไม่ได้ให้ผู้จัดการส่วนตัวเผยแพร่ออกไปด้วย ยิ่งเป็นที่ไทยด้วยแล้วไม่น่าจะมีคนรู้เร็วขนาดนี้
“มึงต้องไปเผลอเอาหน้าหล่อ ๆ ไปให้ใครที่ไหนเห็นแน่ ๆ ถึงได้ตามมึงมาขนาดนี้ ก่อนที่จะมาหาพวกกูวันนี้มึงไปไหนมาบ้างล่ะ”
“กูก็ไม่ได้ไปไหนนะ! กูลงเครื่องแล้วกูก็มาหาพวกมึงเลย.. ไม่สิ!”
ใช้ชีวิตแบบดาราดังอย่างผมก็น่าเบื่ออยู่ไม่น้อย ไม่ว่าจะขยับร่างกายไปทางไหนก็มีแต่เหล่าแฟนคลับห้อมล้อมจนแทบจะหายใจไม่ออก ถ้าถามว่าผมชอบไหมผมตอบเลยว่าชอบมากเพียงแต่ในบางเวลาผมก็ต้องการความเป็นส่วนตัวที่มากหน่อย แต่ผมกลับไม่เคยได้รับความรู้สึกนั้น
“ไม่? ไม่อะไรวะ”
“ก่อนมาหาพวกมึง กูไปร้านกาแฟร้านนึงแล้วเหมือนยัยพนักงานหน้าจืดนั่นจะรู้จักกูว่ะ หรือว่าเป็นยัยนั่น”
“มึงอยากรู้ก็ไปดูดิ! กระจกที่นี่มองมาจากข้างนอกไม่เห็นหรอก”
ทันทีที่ไอ้พี่ต้วนพูดมาแบบนั้น ผมก็ลุกขึ้นยืนก้าวเท้ายาว ๆ เดินไปยืนกอดอกมองออกไปยังด้านนอก และเป็นจังหวะเดียวกับที่ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นกำลังหันหลังเดินลงไปจากชั้นสองพอดี
“ใช่ไหมล่ะ”
“ไม่รู้ว่ะ มองไม่ทันลงไปแล้ว”
ผมเองก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ เมื่อเห็นว่าเรื่องวุ่นวายด้านนอกเงียบเสียงลงแล้วผมก็เดินกลับมานั่งที่ แล้วกระดกแก้วของตัวเองต่อโดยที่ไม่ได้สนใจเรื่องข้างนอกอีก
เอาจริง ๆ การที่ผมโดนตามติดแบบนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรก ตั้งแต่ผมก้าวเข้าวงการจนมีชื่อเสียงมาทุกวันนี้ ความสงบสุขราบเรียบที่ผมฝันอยากจะได้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นอีกเลย ไม่ว่าจะอยู่ที่จีนหรืออยู่ที่ไทย
“แล้วมาครั้งนี้มึงมาจะอยู่นานแค่ไหน”
“เดี๋ยวก็กลับแล้ว.. ครั้งนี้มาเซ็นสัญญาเฉย ๆ”
“อีกไม่นานเทรนทวิตเตอร์ก็จะขึ้น #ประเทศไทยมีอี้เฉินแล้ว สินะ”
ผมเหลือบสายตามองไอ้หมอหน้าหล่อด้วยสายตาเรียบนิ่ง ก่อนจะหัวเราะแห้ง ๆ ในลำคอส่งให้มัน
“ทำไมมึงหัวเราะยังงั้นวะ กูกลัวนะเว้ย”
“เหอะ ๆ”
“มึงก็จะไปแหย่ไอ้อี้มันเยอะไอ้คินน์.. แล้วนี่พักที่ไหน”
“คอนโด”
ผมตอบไอ้พี่ศิลาด้วยน้ำเสียงราบเรียบดังเดิม อาจจะเพราะว่าผมไม่ได้บอกไอ้พวกนี้ว่าก่อนมาที่นี่ผมจัดการซื้อคอนโดหรูไว้เรียบร้อยแล้วละมั้ง แต่มันก็ทำเพียงพยักหน้าส่งให้ไม่ได้คิดจะถามอะไรต่อ
///
“หงุดหงิดวุ้ย! อุตส่าห์ได้เข้าไปเกือบจะใกล้ชิดสนิทเหมือนแฟนกับสามีละ”
ฉันเดินมาที่รถเปิดประตูแล้วโยนกระเป๋าลงเบาะข้าง ยกแขนสองข้างขึ้นมากอดอกมองเข้าไปในคลับแห่งนี้อย่างไม่วางตา
ตึดึ๊ด!
‘เจอมั้ย’
‘ไม่เจอ’
‘อ่าว.. ทำไมไม่เจอวะ กูส่งโลให้ถูกละนะเว้ย’
‘กูเจอสถานที่ กูรู้ว่าคนอยู่ที่นี่! แต่แค่ไม่เจอคน’
‘งั้นไม่เกี่ยวกับกูละ บาย’
ฉันมองหน้าจอที่เป็นข้อความสุดท้ายของไอ้ไวเปอร์ด้วยสายตาที่ไม่ชอบใจนัก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบใจมันแต่หงุดหงิดทุกอย่างเกี่ยวกับที่นี่
“ถ้านั่งรอจนคลับปิดจะเจอมั้ยนะ”
“แล้วถ้าเรารออยู่ในนี้อี้เฉินไม่ได้ออกมาล่ะ”
“หรือว่าเราจะเข้าไปในฐานะนักเที่ยวดีนะ”
“ไม่ไหว ๆ เหล้าไม่เห็นจะอร่อยเลย ดูแล้วเสียงเพลงก็ดัง คนก็เยอะ ไม่ถูกใจเลยแฮะ”
ฉันยังคงนั่งกอดอกจ้องมองไปด้านในอย่างช่วยไม่ได้ รู้อยู่เต็มอกว่าพ่อรูปหล่อของฉันอยู่ในนั้น แต่กลับไม่สามารถหาทางเจอเขาได้
“เอาว่ะ!”
ฉันตัดสินใจหยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะต่อสายไปหายัยเพื่อนคนสวยอย่างปั้นแป้งทันที
‘ฮัลโหลว่าไง’
“ไอ้แป้ง~ ฉันอยากกินเหล้า~”
‘ไอ้ผิง! แกเป็นอะไร อยู่ไหน’
“อยู่ดีเอ็นดีคลับ~ มาหาหน่อย~”
‘รอแป๊บ’
ฉันทำเสียงยาน ๆ คราง ๆ เหมือนคนเมานิดหน่อยคุยกับเพื่อนสนิท ก่อนจะนั่งกอดอกมองเข้าไปด้านในตามเดิม ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งมองหน้าประตูนั้น จนรอบตัวมืดลงอย่างรวดเร็ว ไฟในร้านสว่างขึ้น เริ่มมีนักเที่ยวชายหญิงแต่งตัวสวยเดินเข้าไปในร้านอย่างคับคั่งในเวลาเพียงครู่เดียวหลังคลับเริ่มทำการ
ฉันมองผู้หญิงเหล่านั้นที่แต่งตัวสวยหรูดูดีก่อนจะปรายตามองชุดตัวเองแล้วได้แต่ถอนหายใจ เมื่อยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนแม่บ้านเข้าไปทุกที
ก๊อก! ก๊อก!
ฟืด~
“มาแล้วหรอ”
“จะเข้าไปหรอ”
ปั้นแป้งไม่ได้ตอบแต่ยิงคำถามมาที่ฉัน ก่อนจะเดินไปฝั่งข้างคนขับ เปิดประตูแล้วยัดตัวเองในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนไม่ต่างกันเข้ามาในรถ
“อือ อี้เฉินอยู่ในนั้น”
“ยังไม่เจออีกหรอ”
“ยัง เจอแต่ตัวปัญหากับสามหนุ่มหล่อปานเทพบุตร แต่สามีฉันยังไม่เจอ”
“แกทำตัวเหมือนสตอล์คเกอร์ขึ้นทุกวันนะไอ้ผิง”
ปั้นแป้งบ่นอย่างไม่ได้จริงจังนัก ก่อนจะยื่นถุงกระดาษที่มันถือมาให้ถุงหนึ่ง ฉันเอื้อมมือไปรับมาเปิดดูพบว่าด้านในมีเสื้อผ้าที่น่าจะเหมาะกับสถานที่อยู่ชุดหนึ่ง
“ไอ้แป้ง~ ฉันรักแกที่สุดเลย”
ฉันหันไปมองหน้ามันก่อนจะยิ้มหวานส่งให้อย่างคนที่ดีใจ อย่างที่บอกนั่นแหละว่าฉันกับมันสนิทกันมาตั้งแต่มหาลัย มีหรอที่ฉันกับมันจะไม่เข้าใจกันและกัน
“ว่าแต่ไอ้ผิงเราจะไปเปลี่ยนที่ไหน”
“เปลี่ยนในนี้แหละ”
ฉันยักคิ้วให้มันก่อนจะจัดการถอดเสื้อยืดออกอย่างง่ายดาย เพื่อนรักอย่างปั้นแป้งเองก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น พวกเราต่างคนต่างจัดการกับเสื้อผ้าอย่างรวดเร็วภายในเวลาที่เร่งด่วน
“ไอ้แป้ง แกแต่งหน้าหน่อยมั้ย”
“แกก็แต่งหน่อยเหอะ ว่าแต่ฉัน”
ฉันพูดอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก ก่อนจะเอื้อมไปหยิบกระเป๋าเล็กมาเปิดออก จัดการแต่งหน้าด้วยความเร็วแสง และในเวลาต่อมาก็แปลงโฉมจากมนุษย์ป้าเป็นสาวนักล่ายามราตรี
“ปะ!”
