สี่ หมอหญิงผู้นั้นคือใครกัน?
กลางถนนสายหลักในเมืองลี่เจียงรถม้าคันหรูที่ประดับด้วยตราสัญลักษณ์ของตงอ๋องจอดนิ่งไม่เคลื่อนที่เนื่องจากทางข้างหน้าแออัดด้วยผู้คนในบริเวณนั้น มีหลายคนหลีกทางให้ด้วยความเคารพแต่กลุ่มชาวบ้านจำนวนมากกว่ากำลังมุงดูเหตุการณ์หน้าโรงหมอเซี่ยงเหอจึงทำให้รถม้าคันนี้ต้องหยุดนิ่งอย่างช่วยไม่ได้
หลี่เจา ลูกน้องคนสนิทของตงอ๋องก้าวออกมาจากรถม้าด้วยสีหน้าครุ่นคิดและเดินฝ่าฝูงชนไปยังโรงหมอเพื่อสำรวจดูว่าเหตุใดจึงมีการรวมตัวของชาวบ้านมากมายที่นี่
หลี่เจาแทรกตัวเข้าไปในฝูงชน และทันได้เห็นฉากจบของเหตุวุ่นวาย เขามองเห็นหญิงสาวในชุดเรียบง่าย สวมผ้าคลุมบางปิดบังใบหน้าครึ่งล่าง นางยืนสง่างามอยู่หน้าโรงหมอ ขณะที่กลุ่มชายจากตระกูลเจ้าเมืองลี่เจียงค่อย ๆ ถอยหลังออกไปด้วยความพ่ายแพ้
“หมอหญิงผู้นั้นคือใครกัน”
หลี่เจาพึมพำกับตัวเอง นางไม่ได้เพียงแก้ไขปัญหาแต่ยังควบคุมสถานการณ์ด้วยปัญญาและความเยือกเย็น
เมื่อฝูงชนเริ่มสลายตัว หลี่เจารีบย้อนกลับมาที่รถม้าเพื่อนำเรื่องนี้ไปรายงานแก่เจ้านายของเขา
ภายในรถม้าที่ตกแต่งอย่างวิจิตรงดงาม ตงอ๋อง หลิวเว่ยหลง นั่งอยู่ด้วยท่าทางเคร่งขรึม ดวงตาคมดุดันของเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาเหยี่ยวมองเหตุการณ์วุ่นวายเขม็ง
“เหตุใดจึงหยุดรถม้า”
“กระหม่อมรู้เรื่องแล้วพะย่ะค่ะ ชาวบ้านมุงดูเหตุการณ์หน้าโรงหมอเซี่ยงเหอทำให้ถนนติดขัดขอรับ ที่โรงหมอมีเหตุวุ่นวายจากกลุ่มคนของตระกูลเจ้าเมืองลี่เจียง พวกเขากล่าวหาโรงหมอรักษาไม่ดีจนทำให้คนป่วยอาการแย่ลง แต่กลับถูกหมอหญิงนิรนามผู้หนึ่งแก้ไขสถานการณ์อย่างเฉียบแหลม สุดท้ายฝ่ายที่ผิดหาใช่ฝ่ายโรงหมอพะย่ะค่ะ”
ตงอ๋องเลิกคิ้วเล็กน้อย “หมอหญิงนิรนาม”
“ใช่พะย่ะค่ะ หม่อมฉันได้ยินชาวบ้านบางคนพูดกันว่าหมอหญิงผู้นั้นคือ หมอหญิงเทวดา ที่มีข่าวลือในเมืองมาหลายเดือนแล้วและดูเหมือนข่าวลือนั้นอาจเป็นความจริง”
ดวงตาคมของตงอ๋องวาววับขึ้นทันที
“หมอหญิงเทวดา...” ชายหนุ่มทวนคำด้วยน้ำเสียงเรียบ “เจ้ามั่นใจหรือไม่ว่านางมีความสามารถเก่งกล้าจริง”
“หม่อมฉันเห็นด้วยตาของตัวเอง นางจัดการกลุ่มคนจากตระกูลเจ้าเมืองด้วยคำพูดและการกระทำที่แสดงถึงปัญญาและความรอบรู้ นางยังช่วยรักษาคนป่วยให้รอดพ้นจากอาการวิกฤติโดยใช้เวลาไม่นาน”
หลังจากฟังรายงาน หลิวเว่ยหลงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ ดวงหน้าหล่อเหลาของเขาเรียบนิ่ง แต่ในดวงตากลับแฝงความคิดคำนวณ
“ถ้าเช่นนั้น ข้าต้องการพบหมอหญิงผู้นี้ด้วยตัวเอง”
หลี่เจาชะงักเล็กน้อยก่อนถามย้ำเพื่อความแน่ใจ “ท่านอ๋องจะเสด็จไปหาเองหรือพะย่ะค่ะ”
“ไม่จำเป็น” ตงอ๋องตอบพลางโบกมือ “ให้เจ้าไปติดต่อและเชิญนางมาที่จวนของข้า หากนางคือหมอหญิงเทวดาที่มีข่าวลือจริง ข้าต้องการให้นางรักษาอาการป่วยของข้า”
“พะย่ะค่ะ หม่อมฉันจะไปดำเนินการทันที”
บรรยากาศในโรงหมอเซี่ยงเหอที่เพิ่งเผชิญกับความวุ่นวายกลับมาสงบอีกครั้ง หลังจากกลุ่มคนจากตระกูลเจ้าเมืองลี่เจียงล่าถอยไปพร้อมกับการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของหมอหญิงลึกลับ
ทว่าความสงบกลับถูกทำลายอีกครั้งเมื่อหลี่เจาผู้แทนจากผู้มีอิทธิพลปริศนาเดินเข้ามาเจรจา ชายหนุ่มได้รับความสนใจทันทีจากหมออาวุโสและเจ้าของโรงหมออย่างหมอเซี่ยง ทันทีที่หลี่เจาอธิบายถึงความต้องการว่าผู้ลึกลับต้องการให้หมอหญิงนิรนามเดินทางไปตรวจร่างกาย ทุกคนในที่นั้นก็ดูตื่นเต้นกันไม่น้อยเลยทีเดียว
“เจ้านายของท่านคือใครนะขอรับ”
หลี่เจาเพียงยิ้มบางอย่างสุภาพ
“ข้าได้รับคำสั่งให้มาเจรจาเท่านั้น เจ้านายของข้ายังไม่ประสงค์เปิดเผยตัวในตอนนี้”
คำตอบนั้นทำให้หมอเซี่ยงเลิกคิ้วเล็กน้อย เขาหันไปมองหยางหลินอี้ที่ยืนอยู่ใกล้ด้วยท่าทีครุ่นคิด “แม้จะไม่เอ่ยนามเจ้านาย แต่ดูจากการแต่งตัวและท่าทางของคนผู้นี้ น่าจะมาจากกลุ่มคนผู้มีอิทธิพลไม่น้อยในเมืองนี้”
“พวกท่านเชิญไปปรึกษากันก่อนเถิดข้าจะรอคำตอบอยู่ข้างนอกนี้”
ท่าทีสุภาพให้เกียรติแม้ว่าตนเองเป็นคนของผู้มีอำนาจสร้างความประทับใจไม่น้อยให้กับสมาชิกโรงหมอเซี่ยงเหอ
หมอเซี่ยงเดินกลับไปปรึกษาหมอคนอื่น ๆ ในโรงหมอทันที
“อย่าลืมว่าที่โรงหมอของเราเพิ่งถูกพวกอันธพาลบุกเข้ามาทำลายข้าวของ เราจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากเพื่อซ่อมแซม”
“แต่เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือใคร หากเป็นอันตรายเล่า?” หมอคนหนึ่งในกลุ่มแสดงความกังวล
หมอเซี่ยงหันไปมองหลินอี้ซึ่งยืนฟังอยู่ด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “ข้าแล้วแต่หมอจาง”
หมอจางหรือ จางจื่อเหยา หรือนามในโลกที่แล้วของนางนั้นถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกของหมอหญิงนิรนามของโรงหมอเซี่ยงเหอ
ในสายตาของผู้คนทั่วไป หมอเซี่ยง เจ้าของโรงหมอเซี่ยงเหอ ดูเหมือนเพียงชายชราใจดีที่คอยให้การรักษาชาวบ้านด้วยสมุนไพรและความรู้ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต แต่ในสายตาของ หยางหลินอี้ ชายชราผู้นี้คือผู้มีพระคุณ และเป็นเหมือนตาที่คอยดูแลนางในช่วงเวลาที่โลกทั้งใบทอดทิ้ง
สองปีก่อน ในวันที่หลินอี้ยังคงปรับตัวกับชีวิตใหม่ในฐานะหมอหญิงนิรนามที่ซ่อนตัวอยู่ในเรือนท้ายจวน นางได้ยินข่าวลือว่ามีชายชราเจ้าของโรงหมอเซี่ยงเหอป่วยเป็นโรคที่ไม่มีหมอคนใดรักษาได้
‘เขาอาจอยู่ได้ไม่ถึงสามวัน’ ชาวบ้านพูดกันเช่นนั้น
หลินอี้ซึ่งเริ่มออกเดินทางช่วยเหลือผู้ป่วยในคราบหมอหญิงนิรนามตัดสินใจไปที่โรงหมอเซี่ยงเหอด้วยตนเอง แม้จะไม่รู้จักหมอเซี่ยงเป็นการส่วนตัว แต่นางก็ตระหนักดีว่าหากปล่อยให้หมอผู้มีประสบการณ์เช่นนี้ต้องจากไป จะเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของชาวบ้าน
เมื่อไปถึง นางได้พบหมอเซี่ยงนอนหมดสติบนเตียง อาการของเขาหนักเกินกว่าที่หมอคนอื่นจะรับมือได้ ด้วยความรู้จากโลกอนาคต หลินอี้ตรวจพบว่าเขาป่วยเป็นโรคหัวใจที่เกิดจากลิ่มเลือดอุดตัน
อุปกรณ์จากแหวนมิติที่นางนำติดตัวมา กลายเป็นเครื่องมือช่วยชีวิตชายชราผู้นี้ได้อย่างทันท่วงที
หลังจากรอดพ้นวิกฤติ หมอเซี่ยงซึ่งเป็นคนเฉลียวฉลาดและรอบคอบก็สังเกตเห็นว่า วิธีการรักษาของหลินอี้ไม่เหมือนกับหมอคนใดที่เขาเคยพบ เขาไม่ถามถึงที่มาของนาง แต่กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
‘ข้าไม่สนว่าเจ้ามาจากไหน แต่ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นหมอที่มีความสามารถ หากเจ้ายินดี โรงหมอของข้าจะเป็นที่ทำงานของเจ้า’
คำเชิญนั้นทำให้หลินอี้รู้สึกถึงความไว้วางใจและความจริงใจที่ชายชรามอบให้ แม้ในยุคสมัยนี้ การที่สตรีจะเป็นหมอเต็มตัวและได้รับค่าตอบแทนเหมาะสมจะเป็นสิ่งที่แทบไม่เคยเกิดขึ้น แต่หมอเซี่ยงกลับไม่ลังเลที่จะจ้างหยางหลินอี้
‘เจ้าคือหมอของโรงหมอเซี่ยงเหอ ข้าจะให้เงินเดือน และหากเจ้าช่วยรักษาผู้ป่วยได้ ข้าจะแบ่งกำไรจากโรงหมอให้ด้วย’
ตลอดสองปีที่ผ่านมา หยางหลินอี้และหมอเซี่ยงทำงานร่วมกันเหมือนครอบครัวที่รู้ใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยคำพูดมากมาย
หมอชรายอมรับหลินอี้อย่างที่นางเป็น และให้โอกาสนางได้แสดงความสามารถอย่างเต็มที่
ในทางกลับกันหลินอี้ก็ตอบแทนความไว้วางใจนั้นด้วยการทุ่มเทช่วยเหลือผู้ป่วยทุกคนที่มาถึงโรงหมอ
‘เจ้าไม่ใช่แค่หมอในโรงหมอแห่งนี้ เจ้าคือส่วนหนึ่งของครอบครัวข้า’ หมอเซี่ยงกล่าวเสมอ
กลับมาที่ปัจจุบัน นางมองไปยังบุรุษที่ชื่อหลี่เจาด้วยความสงสัย
หยางหลินอี้รู้สึกคุ้นเคยบุรุษผู้นี้อย่างน่าประหลาด ทว่านึกไม่ออกว่าเคยเจอเขาจากที่ใดมาก่อน
หลังจากสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัวไปได้นางหันมองสมาชิกทุกคนในโรงหมอแห่งนี้ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“ถ้าการตอบรับงานนี้จะช่วยโรงหมอได้ ข้าก็จะไปพบเจ้านายของหลี่เจาผู้นั้นเจ้าค่ะ”
คำตอบของนางทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจ
เมื่อกลับไปหาหลี่เจาอีกครั้ง หยางหลินอี้ได้กล่าวถึงเงื่อนไขของตนเองอย่างตรงไปตรงมา
“ข้าจะไปทำหน้าที่ในฐานะหมอรักษาเท่านั้น หากมีเรื่องอื่นที่ไม่เกี่ยวกับการรักษา ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด”
หลี่เจายิ้มรับ “เจ้านายของข้าสนใจเพียงความสามารถของท่าน ไม่มีเจตนาอื่นขอรับ”
“เช่นนั้น นำข้าไปพบเจ้านายท่านท่านเถิด”
หลี่เจาพยักหน้า “เราจะส่งคนมารับท่านในอีกหนึ่งชั่วยาม ขอให้เตรียมตัวให้พร้อม”
หลังจากเตรียมย่ามและอุปกรณ์ทุกอย่างเสร็จ หลินอี้ก้าวขึ้นรถม้าที่หลี่เจาจัดมาให้ ระหว่างทางนางอดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้านายของคนกลุ่มนี้คือใคร และเหตุใดต้องการพบหมอหญิงเช่นนาง
แต่สิ่งที่หยางหลินอี้ไม่เคยคาดคิดคือ ผู้มีอิทธิพลที่ไม่ได้เอ่ยนามคนนั้นคือ ตงอ๋อง หรือหลิวเว่ยหลง พระสวามีที่นางไม่ได้พบหน้ามานานกว่าสองปีนั่นเอง
