บท
ตั้งค่า

บทนำ

แสงแดดอ่อนในยามบ่ายแผ่ลงมายังจวนตระกูลหยาง รังสีทองเจือสีเขียวจากต้นไม้ใหญ่ที่ล้อมรอบ จวนใหญ่แห่งนี้ถูกแบ่งออกเป็นหลายส่วน แต่ละส่วนล้วนถูกดูแลอย่างพิถีพิถัน ยกเว้นเพียงท้ายจวนซึ่งมักถูกละเลยให้เงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวา ที่นั่นมีสระบัวกว้างใหญ่ที่ซ่อนเร้นความงามไว้ แม้บัวที่ขึ้นในสระแห่งนี้จะงดงามจับตากระนั้นก็ไม่มีใครกล้าเฉียดเข้าไปใกล้มากนัก

วันนี้เหมือนเป็นวันพิเศษเมื่อเหล่าบ่าวไพร่ต่างต้องขยันขันแข็งเตรียมการต้อนรับแขกคนสำคัญที่จะมาเยือนในวันรุ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ สองสาวใช้ผู้อ่อนวัยแห่งจวนหยางจึงได้รับคำสั่งให้มาเก็บสายบัวจากสระท้ายจวนเพื่อปรุงแกงสายบัวต้อนรับแขก

“ทำไมต้องให้เราเป็นคนมาเก็บด้วย ข้างหน้าก็มีสระบัวมิใช่หรือ”

เสียงเล็กของเสี่ยวลี่ บ่นขึ้นขณะเดินตามเส้นทางแคบทอดยาวไปสู่ท้ายจวน เสี่ยวหมี่เพื่อนสาวอีกคนถอนใจแล้วเอ่ยอย่างระอา

“สระบัวข้างหน้าปีนี้บัวไม่ค่อยขึ้น หัวหน้าสาวใช้บอกว่ามีไม่พอทำแกง ขืนเรากลับมือเปล่ามีหวังโดนดุแน่ รีบเดินหน่อยเถิด ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่จนตะวันตกดินหรอก”

“ทำไมเล่า”

“เจ้าไม่เคยได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรือนท้ายจวนหรือ”

เสี่ยวหมี่ส่ายหน้า ใบหน้าดูงงงัน

“ไม่เคย ข้าเพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ไม่ถึงปี เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรกัน”

เสี่ยวลี่ทำหน้าเคร่งขรึมพร้อมลดเสียงลงจนแทบเป็นกระซิบ

“มีข่าวลือว่าเรือนท้ายจวนนั่นเป็นที่อยู่ของพระชายาเอก หยางหลินอี้ ว่ากันว่า...นางเสียสติ หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวเพราะตรอมใจจากการถูกทอดทิ้ง”

“จริงรึ” เสี่ยวหมี่เบิกตากว้าง

“ใช่ ข้าได้ยินมาว่านางกลายเป็นคนสติไม่ดีบ้าคลั่ง ชอบอาละวาดใส่คนที่เดินผ่านไปมา บางทีก็ถือไม้ไล่ตีด้วยนะ” เสี่ยวลี่พูดต่ออย่างกระตือรือร้น “ท่านติงอ๋องทอดทิ้งนางไว้ที่นี่ ไม่แม้แต่จะมาพบหน้ามาสองปีเต็ม”

เสี่ยวหมี่ฟังแล้วรู้สึกหนาวสะท้านไปทั้งตัว แม้จะพยายามบอกตัวเองว่าเป็นเพียงข่าวลือ แต่ใจลึก ๆ ก็อดระแวงไม่ได้

เมื่อมาถึงสระบัวท้ายจวน บรรยากาศรอบตัวดูน่าวังเวงเกินคำบรรยายกว่าเดิม มีหมอกขาวบาง ๆ ลอยเอื่อยอยู่เหนือผืนน้ำ ลมเย็นพัดผ่านจนกิ่งไม้แห้งกรอบกระทบกันเกิดเสียงแหลมเสียดแทง เสี่ยวลี่ขนลุกเกรียว แต่พยายามกลบเกลื่อนความกลัวด้วยการเร่งเร้าเพื่อนสาว

“รีบเก็บเถอะ ข้าล่ะไม่อยากอยู่นาน”

ทั้งสองสาวนั่งลงริมสระบัว เสียงน้ำกระเพื่อมแผ่วเบาเมื่อมือเล็ก ๆ ของเสี่ยวหมี่ล้วงลงไปในน้ำเพื่อดึงสายบัวขึ้นมา บรรยากาศรอบข้างยิ่งเงียบงัน มีเพียงเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดังคล้ายเสียงคร่ำครวญ เสี่ยวลี่หันซ้ายหันขวาอย่างระแวดระวัง ขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

“ทำไมจู่ ๆ ลมถึงแรงขึ้นขนาดนี้เนี่ย”

เสี่ยวลี่พึมพำ สีหน้าเริ่มไม่สู้ดีนัก ขณะที่เสี่ยวหมี่ซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการเก็บสายบัวไม่ได้ทันสนใจ

ทันใดนั้นเสียงดัง กรอบแกรบ ก็ดังขึ้นจากพุ่มไม้ด้านหลัง ทั้งสองหันขวับไปพร้อมกัน ใจเต้นระรัว ราวกับเสียงหัวใจจะดังกลบเสียงรอบข้าง เสี่ยวลี่กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคือง

“เสี่ยวหมี่...เจ้าว่าเรา...เราอยู่กันสองคนที่นี่จริงหรือไม่”

เสี่ยวหมี่หรี่ตาลงพยายามมองฝ่าหมอกขาวที่ค่อยๆ หนาขึ้นราวกับไหลมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ ลมหนาววูบหนึ่งพัดผ่าน เสียงหวิวหวิวคล้ายเสียงกระซิบดังแทรกมาในอากาศ

“ออกไปจากที่นี่...ออกไป...”

เสียงนั้นเยือกเย็นจับใจจนทั้งสองยืนตัวแข็งทื่อ เสี่ยวหมี่คว้าตะกร้าแน่น ในใจสั่นไหวแต่ยังพยายามทำใจดีสู้เสือ

“เสียงลมพัดน่ะ ไม่มีอะไรหรอก อย่าตื่นกลัวไปนักเลย”

“แต่ข้าได้ยินเหมือนเสียงคนพูดจริง ๆ...” เสี่ยวลี่เอ่ยทั้งน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ยังไม่ทันจะพูดต่อ

เสียงดัง พลั่ก! ก็ดังขึ้นใกล้ ๆ เหมือนบางสิ่งตกกระทบผิวน้ำอย่างแรง

“อะไรน่ะ!” เสี่ยวลี่ร้องเสียงหลง พวกนางหันมองไปทางต้นเสียง เงาร่างหนึ่งพุ่งขึ้นจากกลางสระ น้ำกระเซ็นกระจาย เผยให้เห็นสิ่งที่คล้ายร่างมนุษย์ในชุดสีขาวยาวลากน้ำ ใบหน้าซีดขาวไร้ชีวิตและมีดวงตากลวงโบ๋

“อ๊ากกก”

สาวใช้ทั้งสองกรีดร้องลั่น วิ่งหนีสุดชีวิตไปตามทางแคบที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้รกชัฏ ตะกร้าสายบัวถูกทิ้งเรี่ยราดโดยไม่มีใครหันมาสนใจอีก

“ออกไป...ออกไป...”

เมื่อเงาสองร่างของเสี่ยวลี่และเสี่ยวหมี่หายลับไปบริเวณท้ายจวนแล้ว บรรยากาศที่ชวนขนลุกกลับพลันสงบลง เงาประหลาดที่ลอยอยู่กลางสระค่อย ๆ ลอยกลับเข้าฝั่ง เผยให้เห็นว่าเป็นโครงร่างปลอมที่ถูกดัดแปลงอย่างแยบยล

ริมฝั่งสระ สตรีโฉมงามในอาภรณ์เรียบง่ายยืนหัวเราะอย่างพึงใจ หยางหลินอี้พระชายาเอกของตงอ๋องผู้ถูกทอดทิ้งยิ้มกว้างขณะหันไปหาสาวใช้คนสนิท เสี่ยวหลานสาวใช้ส่วนตัวของหญิงสาวซึ่งกำลังยืนก็หัวเราะเอามือปิดปากอยู่ข้าง ๆ เช่นกัน

“เจ้าเห็นหน้าพวกนั้นหรือไม่ ฮ่า ฮ่า ช่างน่าขันนัก”

“เห็นเพคะพระชายา นางสองคนคงขวัญหนีดีฝ่อไปอีกนาน

หลินอี้ถอนหายใจยาวอย่างอารมณ์ดี “กล้าดียังไงมาเก็บสายบัวจากเรือนข้า คนพวกนี้สมควรโดนสั่งสอนเสียบ้าง นี่คงกลับไปจับไข้หัวโกร๋นกันไปอีกหลายวันแน่”

เสี่ยวหลานพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างร่าเริง

“แล้วเราจะทำอย่างไรกับสายบัวที่พวกนางเก็บไว้ดีเจ้าคะ”

หลินอี้ปรายตามองตะกร้าสายบัวที่เหลือเกลื่อนริมสระก่อนยิ้มบาง

“เก็บมาใช้ปรุงอาหารเย็นวันนี้สิ ปล่อยไว้เดี๋ยวมีคนมาขโมยไปอีก”

“เพคะ พระชายา”

หลินอี้และเสี่ยวหลานหัวเราะเบา ๆ ขณะเก็บสายบัวที่เหลือไว้ในตะกร้าของตน ก่อนจะเดินกลับเรือนเล็กท้ายจวนทว่าสงบสุข

ในแสงสลัวของยามเย็นดวงตะวันใกล้คล้อยลาลับขอบฟ้า เงาของหลินอี้และเสี่ยวหลานค่อย ๆ เคลื่อนกลับไปยังเรือนเล็กท้ายจวนทิ้งไว้เพียงเสียงลือเล่าขานที่ยังคงกระซิบกระซาบต่าง ๆ นานา

บ้างก็ว่าพระชายาผู้ถูกทอดทิ้งตายแล้ว

บ้างก็บอกว่านางเสียสติ บ้าใบ้ไปหมด

แต่ใครเล่าจะรู้ว่าแท้จริงแล้ว หญิงสาวผู้ถูกขนานนามว่าน่าเกลียดน่ากลัวเสียสตินั้น กลับเป็นเติบโตเป็นสาวงามเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา ใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความสุขสงบตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel