บท
ตั้งค่า

1 ฝันร้ายที่ตามหลอกหลอน

“เสี่ยวเชียน แก้มนายนุ่มนิ่มดีจังเลย” เด็กชายตัวน้อยวัยห้าหกขวบพูดกับเด็กวัยเดียวกัน ซึ่งในขณะที่พูดนั้นสองมือน้อยๆ ก็ประคองแก้มอวบอิ่มทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไว้แล้วคลึงเล่นเบาๆ ด้วยท่าทีมันเขี้ยว ก่อนจะก้มลงหอมแก้มนุ่มนิ่มนั่นอย่างอดใจไม่ไหว “อา…หอมด้วย”

พลางสูดหายใจเข้าปอดลึกด้วยความพึงพอใจ สีหน้าเคลิบเคลิ้ม ชอบอกชอบใจเป็นอย่างมาก “ทั้งนุ่มทั้งหอมเลย”

“คะ คุณชายรอง” เจ้าของแก้มนุ่มนิ่มพูดอย่างตื่นตะลึง ก่อนจะก้มหน้าน้อยๆ ของตัวเอง หลบหนีสายตาของคนตรงหน้าด้วยความเขินอาย

"อูว์...ว้าว...แก้มนายเปลี่ยนสีได้ด้วย" คุณชายรองร้องด้วยความตื่นเต้น เมื่อจู่ๆ แก้มนุ่มนิ่มที่ตัวเองประคองอยู่ ก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ ยิ่งทำให้ดูน่ารักมากขึ้นไปอีก จึงยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มนุ่มนิ่มนั่นอีกครั้งอย่างถูกใจและชอบใจยิ่งกว่าเดิม

.............

“แม่ครับ คุณชายรองบอกว่า โตขึ้นจะแต่งงานกับผมด้วย” เด็กชายตัวอวบอ้วนพูดกับคนเป็นแม่ด้วยความเขินอาย ในขณะที่อีกฝ่ายกำลังติดกระดุมชุดนักเรียนให้ตัวเองอยู่

ได้ยินอย่างนั้น มือที่ติดกระดุมอยู่ของคนเป็นแม่ก็ชะงักไปด้วยความตกใจไม่คาดคิด แต่เพียงครู่เดียวก็เคลื่อนไหวต่อ คล้ายไม่ได้ติดใจในสิ่งที่ลูกชายเล่าให้ฟัง ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับติดขัด ทั้งแหบแห้งเป็นอย่างมาก “ยะ อย่างนั้นเหรอ”

พลางส่งยิ้มฝืดฝืนให้ลูกชายด้วย อย่างกลัวว่าจะทำลายความสุขของคนตรงหน้า

“ครับ” เด็กน้อยพยักหน้าจริงจัง พลางตอบรับอย่างแข็งขัน ว่าที่พูดไปเป็นเรื่องจริง ก่อนจะแย้มยิ้มเบิกบานใจให้คนเป็นแม่ได้ดูด้วยเช่นกัน

เมื่อคนเป็นแม่เห็นสีหน้ามีความสุขของลูกชาย ก็เกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่ได้รังเกียจรักร่วมเพศ แต่เธอก็หวัง อยากให้ลูกชายเดินในทางที่ถูกต้องอยู่ดี จึงรู้สึกกระสับกระส่ายขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ แล้วพึมพำออกมาด้วยความร้อนใจ

“ไม่ ลูกจะรักผู้ชายไม่ได้ ห้ามรักคุณชายรองเด็ดขาด ห้ามรักเข้าใจไหม ห้ามรักได้ยินหรือเปล่า”

ยิ่งพูด เสียงของคนเป็นแม่ก็ยิ่งดังขึ้น ด้วยอารมณ์หวาดหวั่น ไม่อยากให้ลูกชายชอบเพศเดียวกัน และขณะที่กำลังกระสับกระส่ายด้วยความร้อนใจอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงสดใสร้องเรียกดังขึ้น

“คุณยายครับ คุณยาย คิดเงินด้วยครับ”

เมื่อลืมตาขึ้นมา จึงเห็นเด็กชายวัยเจ็ดแปดขวบ กำลังยืนมองเธอตาไม่กะพริบอยู่ จึงพึมพำออกมาด้วยความโล่งใจ

“ที่แท้ก็ฝันไปนี่เอง”

หลังจากคิดเงินให้เด็กน้อยแล้ว หญิงวัยเกือบห้าสิบ ก็นั่งนึกถึงความฝันของตัวเองเมื่อสักครู่ต่อ อันที่จริงจะเรียกว่าเป็นความฝันก็ไม่ถูก เพราะมันคือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ที่ฝังใจเธอมานาน ตั้งแต่ตอนที่ลูกชายของเธอยังเป็นเด็กอยู่

ในตอนนั้น เธอที่เพิ่งจะคลอดลูกชายและสูญเสียสามีไปในเวลาไล่เลี่ยกัน ก็ได้รับการติดต่อว่าจ้างให้ไปเป็นแม่นม ให้กับลูกชายฝาแฝด ของผู้มีเงินตระกูลดังตระกูลหนึ่ง และเพื่อให้นมคุณชายทั้งสองได้สะดวก เธอจึงต้องพาลูกชายวัยแรกเกิด เข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย เด็กทั้งสามซึ่งเป็นลูกชายของเจ้านาย และลูกชายของเธอ จึงถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันตั้งแต่นั้น

เด็กๆ ทั้งสามสนิทสนมกันมาก ทว่า แม้จะสนิทสนมกันมากเพียงใด เธอก็มักจะรู้สึกว่า ลูกชายคนรองของบ้านนี้ จะชอบเอาอกเอาใจลูกชายของเธอเป็นพิเศษ แตกต่างจากแฝดอีกคน

แต่เพราะความสนิทสนม เธอจึงไม่ได้เอะใจอะไร แม้จะเห็นว่า คุณชายรองจะชอบกอดคอโอบไหล่ลูกชายเธออยู่บ่อยๆ เธอก็ไม่ได้สงสัยหรือคิดมาก ด้วยคิดว่าอย่างไรเด็กๆ ก็กำลังเล่นกันอยู่

แต่วันหนึ่ง พี่เลี้ยงของคุณชายทั้งสอง ก็มาเล่าให้ฟังว่า คุณชายรองมาจับแก้มและหอมแก้มลูกชายของเธอ ด้วยสีหน้าเคลิบเคลิ้มพึงพอใจเป็นอย่างมาก นั่นจึงทำให้เธอระแวงและหวาดหวั่นขึ้นมา

ยิ่งเมื่อได้ฟังลูกชายผู้ไร้เดียงสาเล่าว่า คุณชายรองจะแต่งงานด้วยเมื่อโตขึ้น มันยิ่งทำให้เธอวิตกและตระหนักว่า ลูกชายคนรองของบ้านนี้ อาจจะเป็นเช่นเดียวกันกับผู้เป็นพ่อของเขา ที่เป็นรักร่วมเพศก็เป็นได้

ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม เธอจึงลาออกจากการเป็นแม่นมของคุณชายทั้งสอง

แม้ว่าการลาออกจากบ้านหลังนี้ มันจะทำให้เธอกับลูกชายลำบากในภายภาคหน้า ก็ไม่เป็นไร แม้ว่าเจ้านายทั้งสองจะไม่เห็นด้วยอย่างไร เธอก็ไม่ยินยอมที่จะอยู่ต่อ และแม้จะปวดใจที่เห็นลูกชายและคุณชายน้อยทั้งสอง ที่เลี้ยงดูมา ร้องไห้ด้วยความเสียใจ เธอก็ไม่เปลี่ยนใจ ด้วยหวังอยากให้ลูกชายเดินในทางที่ถูกต้อง และเพื่อตัดขาดจากบ้านหลังนั้น เธอจึงพาลูกชายมาอยู่ที่เมือง S นี้ เมืองที่ห่างไกลจากครอบครัวนั้น

“จะว่าไป ก็ไม่ได้ฝันอย่างนี้มานานมากแล้ว ทำไมอยู่ดีๆ ก็มาฝันแบบนี้ได้นะ”

อดที่จะพึมพำกับตัวเองด้วยความประหลาดใจไม่ได้ เพราะช่วงก่อนที่จะออกจากบ้านหลังนั้น เธอก็ถูกฝันนี้คอยตามหลอกหลอน จนทำให้นิ่งเฉยไม่ไหว จึงตัดสินใจลาออกมา ซึ่งหลังจากที่อยู่ห่างจากบ้านนั้นมาได้สักพัก เธอก็เริ่มฝันน้อยลงและหายไปในที่สุด จนกระทั่งวันนี้ถึงได้กลับมาฝันอีกครั้ง

ยังดีที่ฝันในครั้งนี้ เธอไม่ได้ตกใจและกลุ้มใจ เหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ หน้านั้นแล้ว เพราะลูกชายของเธอในตอนนี้นั้น ได้เดินบนทางที่ถูกต้องแล้ว โดยกำลังคบหากับหญิงสาวที่เธอหาให้ อย่างมีความสุขแล้วนั่นเอง

แต่แม้จะเป็นอย่างนี้หญิงวัยสี่สิบปลายๆ ก็ไม่วางใจอยู่ดี เพราะทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน อีกทั้งลูกชายเธอนั้น ก็ถูกหญิงสาวบอกเลิกมาสี่คนติดแล้ว จึงรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ กลัวว่าจะถูกบอกเลิกอีก จึงหยิบมือถือที่วางอยู่ข้างตัว ขึ้นมาโทรหาคนเป็นลูกด้วยความร้อนใจ เพื่อถามไถ่ถึงเรื่องราวความรักของอีกฝ่าย

หลังจากรอสายสักพัก ปลายสายถึงส่งเสียงตอบกลับมา

(แม่มีอะไรหรือเปล่าครับ ไม่สบายหรือเปล่า) น้ำเสียงนุ่มนวลของลูกชายเอ่ยถามผู้เป็นแม่ด้วยความห่วงใย ด้วยกลัวว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เนื่องจากอีกฝ่ายอยู่เฝ้าร้านขายของชำเพียงลำพัง เพราะตั้งแต่พ่อของเขาตายไป แม่ก็ไม่คิดจะมีสามีใหม่อีกเลย ด้วยเหตุผลที่ว่า กลัวผู้ชายที่เข้ามาในชีวิตจะไม่รักเขานั่นเอง ดังนั้นเขาจึงรักแม่มาก จนยอมทำตามใจคนเป็นแม่ทุกอย่าง แม้ว่าเรื่องนั้นจะฝืนความรู้สึกของเขาก็ตามที

“ไม่มีจ้ะ อยู่ๆ แม่ก็นึกถึงเรื่องลูกกับแฟนขึ้นมา เลยอดจะกังวลไม่ได้"

"โธ่...แม่ครับ ไม่ต้องกังวลหรอกครับ ผมกับเพ่ยหนิงเรายังคบกันดีอยู่" ผู้เป็นลูกชายปลอบใจ ด้วยรู้ว่าคนเป็นแม่นั้นคิดอย่างไร รู้สึกอย่างไร เพราะตัวเขาอายุยี่สิบห้าจะเข้ายี่สิบหกแล้ว เพิ่งจะมาคบหาหญิงสาวจริงจังตามที่ท่านร้องขอ เมื่อไม่นานมานี่เอง

ทว่า ตั้งแต่เริ่มต้นคบหาหญิงสาวมาได้ระยะเวลาหนึ่ง เขากลับถูกอีกฝ่ายบอกเลิกไปอย่างกะทันหันถึงสี่คน นี่จึงทำให้แม่ของเขาวิตกกังวลจริงๆ กลัวว่าจะถูกบอกเลิกอีก ถึงได้คอยถามไถ่เป็นระยะๆ อย่างนี้ จึงเอ่ยถึงนัดของตัวเองกับแฟนสาวให้ผู้เป็นแม่ฟังอีกครั้ง หลังจากเมื่อเช้าได้บอกไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนก่อนจะออกจากบ้าน "แม่ลืมไปแล้วเหรอครับ ว่าเย็นนี้ผมกับเพ่ยหนิงมีนัดกันอยู่"

"จริงด้วย แม่ลืมเสียสนิทเลย" คนเป็นแม่ตอบรับอย่างนึกขึ้นได้ เมื่อโดนเตือนความจำ พลางคิดโทษฝันนั้นไปด้วย ที่ทำให้หวั่นใจ จนทำให้ลืมเรื่องที่ลูกชายบอกไปเสียสนิท ก่อนจะออกความคิดเห็นให้ลูกชาย ด้วยกลัวว่าอีกฝ่ายจะพาแฟนไปกินข้าวแล้วรีบกลับมาบ้าน "ยังไงพรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุด วันนี้ไม่ต้องรีบกลับบ้านหรอก พาเพ่ยหนิงไปดูหนังสักเรื่องสองเรื่องก่อนก็ได้นะลูก"

หรือจะไปทั้งคืนก็ได้นะลูก...คนเป็นแม่คิดบอกในใจ อยากให้ลูกชายก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น

"ครับ" คนเป็นลูกชายตอบรับอย่างพร้อมจะทำตามคำเสนอแนะอย่างว่าง่าย

"งั้นลูกทำงานต่อเถอะ แม่ไม่กวนแล้ว” ผู้เป็นแม่บอกอย่างสบายใจขึ้นมาแล้ว เมื่อลูกชายรับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะนั่งเฝ้าร้านขายของชำเล็กๆ ของตัวเองต่อไป ด้วยหัวใจที่อิ่มเอม มีความสุข ทั้งวาดหวังถึงวันที่จะได้อุ้มหลานเร็วๆ แล้ว

..........

บ้านอื่นหอบลูกหนีผัว บ้านนี้หอบลูกหนีว่าที่ลูกเขย555 ขอฝากแม่ยายใจร้ายไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ มีดราม่าแน่นอน แต่ไม่มีนอกกายนอกใจเด็ดขาด เพราะทุกอย่างเฉลยอยู่ในตอนต่อไปค้าบ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel