บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2

ตอนที่ 2

“เปล่านะคะพี่ใหญ่ สวย ๆ อย่างเปรมเนี่ยนะ อกหัก ค่า...ยอมรับก็ได้ว่าอกมันเดาะนิดหน่อย” ยิ้มแหย ๆ พยักหน้ารับอย่างเสียมิได้ เมื่อเจอกับสายตาจ้องจับผิดจุดประกายสีแดงเพลิงวาววาบขึ้นมาแวบหนึ่งก่อนจะจางหายไป จะว่าไป...วันนี้พี่ชายเธอมามาดโหด น่ากลัวชะมัดเลย

“เอาน่าพี่ใหญ่ อกเดาะมันก็เรื่องธรรมดาจะตายไป ถึงจะเจ็บแปลบในใจก็...แค่นิดหน่อยเท่านั้นเอง ไม่กี่วันเปรมก็ทำใจได้แล้วละ ไม่บ้ากินเหล้าเมามาย คิดสั้นพาตัวเองไปวัดถนนตายหรอกค่ะ ชีวิตเปรมยังมีค่า ยังมีคนที่รักเปรมและเปรมก็รักเขา ต้องอยู่ดูแลเขา” เปรมมิกาอธิบายเสียยืดยาวเพื่อให้พี่ชายรู้ว่าเธอพูดจริง แม้ในอกจะเจ็บปวดรวดร้าวจนหัวใจแทบจะขาดรอน แต่เธอยังไม่บ้าพอที่จะเอาชีวิตทั้งชีวิตทุ่มลงไปเพราะอกหักจากผู้ชายห่วย ๆ ไม่จริงใจคนหนึ่งหรอกนะ

แต่เมื่อถูกตอกย้ำให้หวนคิดย้อนหลังไป ในหัวใจก็ยังเจ็บปวดเหมือนเดิม แล้วในวันนั้นวันที่ถูกบอกเลิก ใช่! มันเจ็บปวดจนสุดแสนจะทน หัวใจเหมือนกับถูกกรีดออกเป็นริ้ว ๆ จากน้ำมือคนที่คบกันมานานหลายปี คนที่บอกว่ารักเธอสุดหัวใจ ไม่มีอะไรจะแยกระหว่างเธอและเขาได้อีก แต่เขากลับบอกเลิกเธอได้หน้าตายและง่ายดายเหลือเกิน ราวกับว่าสิ่งที่เคยเกิดขึ้นเมื่ออดีต ไม่เคยมีความหมายใด ๆ เลยสักนิด

“ทำไมคะ ฉันไม่ดีตรงไหน?” ตอนนั้นเธอเอ่ยถามเสียงแหบพร่า น้ำตาไหลออกจากดวงตายังแทบจะไม่รู้สึกเลย ทั้งร่างหนาวเหน็บราวกับได้ลงไปยืนแช่อยู่ในลำธารน้ำแข็งเสียครึ่งตัว โอบแขนเรียวรัดรอบกายที่สั่นสะท้าน มองหน้าคนบอกเลิกด้วยแววตาอันเจ็บปวด ขณะขบกัดกลีบปากสั่นระสักจนฮ้อเลือด อยากรู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ทำไมเขาถึงได้บอกเลิกสั้น ๆ และง่ายดายมาก ทำราวกับไม่เคยมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน

“เปล่าเลย เปรมไม่ได้ทำผิดตรงไหน แต่ผมจำเป็นต้องทำแบบนี้” ชายหนุ่มยื่นมือมาจับมือเล็กเรียวเอา แต่ก็เหมือนกับว่าเขาไม่ได้แตะต้องเธอเลยสักนิด ความเหินห่างมาจากไหนก็ไม่รู้ มากมายเหลือคนณานับ รอบกายแม้จะมีผู้คนเดินขวักไขว่ไปมา แต่ก็เหมือนมีเพียงแค่เขานั่งอยู่เพียงลำพังกับเงาของคนที่เขาบอกว่ารักสุดหัวใจ

“เพราะ...?” เปรมมิกาดึงมือออกช้า ๆ

“เอ่อคือว่า...” คนบอกเลิกท่าทางกระอึกกระอัก มือเรียวสวยราวกับแท่งลำเทียนอย่างไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นมือของผู้ชายยกขึ้นลูบไล้ต้นคอ เมินหน้าหลบหนีดวงตากลมโตที่มีน้ำตาเอ่อล้นคลอเบ้า

ชายหนุ่มสูดลมหายใจอัดเข้าปอดเรียกความกล้า เขาเองใช่ว่าอยากจะเลิกกับเปรมมิกาเสียหน่อย เธอเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เข้าใจความรู้สึกของเขา เป็นคนคอยให้กำลังใจยามเหนื่อยล้า ฉุดให้ลุกขึ้นสู้จนทำในสิ่งที่ไม่ค่อยชอบจนสำเร็จ แต่เพราะคำสั่งแกมขอร้องด้วยน้ำตาที่ไหลอาบแก้มของแม่...ตอนนี้ครอบครัวถึงคราววิกฤติแล้ว เขาจำเป็นต้องเลือกครอบครัวและฐานะอันมีหน้ามีตาในสังคม การแต่งงานกับใครสักคน เธอคนนั้นจะต้องสิ่งเสริมให้ฐานะเขาเป็นปึกแผ่น เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมได้โดยไม่เดือดร้อน

“ไม่ใช่ว่าคุณไม่ดี คุณดี แล้วก็ดีมากด้วย แต่ผมมีความจำเป็นต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น เปรมเข้าใจผมนะที่รัก ผมรักคุณจริง ๆ นะเปรม แต่ผมจำเป็นต้องทำตามความต้องการของแม่ ครอบครัวผมกำลังเดือดร้อน แล้วผู้หญิงคนนั้นและครอบครัวเขาช่วยพวกเราได้” ทินภัทรพูดอย่างตะกุกตะกักเล็ก กลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเคืองกับสายตาเศร้าสร้อย ตัดพ้อต่อว่า ทำเอาเขาเจ็บแปลบจนอึดอัดหายใจไม่ออก ยื่นมือไปคว้ากายบอบบาง แต่หญิงสาวกลับเบี่ยงร่างหนีและผุดลุกจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ไปยืนอยู่ไกล ๆ

“ถ้าคุณไม่ว่า เราไม่เลิกกันก็ได้นะเปรม ขอแค่คุณอดทนไปสักหน่อย หลังจากผมเคลียร์ทุกอย่างลงตัวแล้ว”

ใช่...เรื่องอะไรเขาจะต้องเลิกกับเปรมมิกาละ สู้เก็บหญิงสาวไว้ข้างตัว เป็นบ้านน้อยรอคอยเขามาหา ส่งส่วยตักตวงอย่างอิ่มหนำสำราญใจ แล้วค่อยกลับไปบ้านใหญ่ กับผู้หญิงที่พยายามยกตัวเองข่มเขาให้กลายเป็นหมาคอยเดินตามก้นนายอย่างพวกผู้หญิงที่แม่เลือกนะ

เขาเลือกเก็บเปรมมิกา แต่ก็จะไม่ยอมทิ้งบ่อเงินบ่อทอง ฐานะและความมั่นคงในสังคมเป็นแน่ ทินภัทรยิ้มกริ่มเมื่อคิดได้ว่าควรจะทำเช่นไรดี

“ผมรักคุณนะเปรม” ชายหนุ่มเอ่ยขณะลุกจากที่นั่งเดินไปหาเปรมมิกา และแม้ว่าเธอจะขัดขืนเพียงใด แต่สุดท้ายก็ตกอยู่ในอ้อมกอดของเขาจนได้

“เราไม่ต้องเลิกกันก็ได้นะเปรม ผมจะหาบ้านหลังเล็ก ๆ สักหลังไว้อยู่ด้วยกัน เวลาเลิกงานผมก็จะแวะมาหาคุณ ทำอะไรกันตามประสาผัวเมีย ก่อนที่ผมจะต้องกลับไปทำหน้าที่ของลูกกตัญญูตอบแทนพระคุณแม่ด้วยการทำตามคำขอของท่าน”

ความเห็นแก่ตัวทำให้ทินภัทรเอ่ยออกไปแบบนั้น โดยไม่รู้ว่าคนที่ได้ยินกลับรู้สึกรังเกียจและสะอิดสะเอียน จนถึงกับถามตัวเองในใจว่าหลงรักผู้ชายคนนี้มาได้ยังไงตั้งนานสองนาน มีอะไรบังตาให้เห็นผิดเป็นชอบไปได้ถึงเพียงนี้ อยากตบอีกฝ่ายให้หน้าหัน ก็กลัวจะว่าจะเอามือไปเปรอะเปื้อนกับสิ่งโสโครก คงทำได้เพียงแค่ปลดแขนใหญ่ออกจากร่างและถอยไปยืนห่างๆ เท่านั้น

“พี่ใหญ่ถามเหมือนกับไม่รู้นิสัยเปรมอย่างนั้นแหละ” เปรมมิกาสลัดเรื่องราวความหลังอันเป็นความจำที่เธอเก็บบรรจุกล่องล็อคกุญแจแบบปิดตาย ด้วยการโยนลูกกุญแจทิ้งไปข้างทางตอนมืด ๆ และเลือกที่จะลืมเลือนมันให้หมดสิ้น แรก ๆ เธอก็เจ็บอยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้ความเจ็บคลายลงไปมากโขแล้ว และเมื่อมองย้อนกลับไป ไม่อยากจะว่าตัวเองนะ แต่...เธอโง่จริง ๆ ที่มองผู้ชายคนนั้นเป็นคนดี เหมาะที่จะร่วมสร้างครอบครัวที่อบอุ่นได้กัน โง่ที่หลงคบผู้ชายไม่จริงใจมาได้ตั้งนาน

“อือ เพราะรู้นะซิ เลยได้ถาม” แม้ตอนแรกเขาจะเป็นคนปกป้องให้หญิงสาวได้เกิดมาดูโลก แต่ใช่ว่าเขาจะชอบน้องสาวคนนี้มากนัก ทว่าความรับผิดชอบบวกกับความน่ารักสนใสช่างออดอ้อน ทำให้ป้อมปราการแข็งแกร่งที่สร้างไว้ปริแตก หลงเอ็นดูและรักในตัวน้องสาวคนนี้มากจนกลายเป็นเงาติดตามตัว ความใกล้ชิดและล่วงรู้ถึงนิสัยของอีกฝ่าย ทำให้เขาเชื่อด้วยความมั่นอกมั่นใจ ไม่ว่าอย่างไรเปรมมิกาก็จะไม่ทำอย่างข่าวในหนังสือพิมพ์และอินเตอร์เน็ตแน่นอน

“พี่ใหญ่รู้ข่าวจากไหนคะ” เปรมมิกาอดจะสงสัยไม่ได้ ก็ขนาดว่าคนใกล้ชิดเธออย่างมารดาก็ยังไม่รู้เรื่องเลย แล้วคนซึ่งแม้จะรักแต่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันรู้เรื่องนี้ได้ยังไง

“ข่าว”

“ข่าว!” เปรมมิกาตอบรับเสียงสูงลิ่ว แค่เธอขับรถไปชนต้นไม้นี่ถึงกับเป็นข่าวด้วยเหรอ ตากลมโตใสแจ๋วเบิกกว้างอย่างคิดไม่ถึง ก่อนผ่อนลมหายใจออกจากปอดผ่านกลีบปากอวบอิ่มที่ตอนนี้เป็นสีซีดจางด้วยความเซ็งจับจิต อาจมีใครสักคนพอรู้จักครอบครัวเธอมั่ง เลยทำให้มีข่าวออกไป

“เพราะแบบนี้เอง เปรมมิก็สงสัยอยู่แล้วเชียว ทำไมเปรมต้องย้ายโรงพยาบาล น่าเบื่อชะมัดเลย”

“ว่าแต่เราแน่ใจนะ หมดรักไอ้เจ้าหมอนั่นแล้ว ไม่ใช่ว่าวันหนึ่งพอมันมาปะเหลาะขอคือดีด้วยคำพูดหวาน ๆ เราก็จะใจอ่อนยอมยกโทษให้ง่าย ๆ หรอกนะ” การัตน์เอ่ยถามเสียงเข้ม ดวงตาคมกริบจับจ้องวงหน้าขาวไม่ถึงกับซีดมากอย่างต้องการคำตอบที่ชัดเจน ไม่อยากเดาไปเอง ถ้าผิดขึ้นมา เขาขี้เกียจที่จะรับผิดชอบในผลเสียที่จะเกิดขึ้น

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel