บท
ตั้งค่า

เหตุบังเอิญ

10

เหตุบังเอิญ

“เหตุใดพี่หญิงจึงมาช้าเช่นนี้ ข้ารออยู่นานเชียว” องค์หญิงหนิงเอ๋อถามขึ้นเมื่อเห็นหน้าผู้ที่นางรออยู่นานแล้ว ผู้ที่ถูกทักกลับมีใบหน้างุนงง องค์หญิงที่นางได้เจอเพียงสองครั้งเท่านั้นแต่กลับถูกเรียกพี่หญิง นางไม่คุ้นชินผู้ที่เรียกนางเช่นนี้มีเพียงซูหนี่ ซ้ำยังเรียกนางด้วยน้ำเสียงเสแสร้งแกล้งทำ

“พี่หญิงหรือเพคะ” ซุเหวินตอบองค์หญิงด้วยน้ำเสียงแคลงใจ จนองค์หญิงหนิงเอ๋อหัวเราะร่วน จูงมือนางให้เดินตามเข้าไปในตำหนักเพื่อพูดคุยกันเสียก่อน

“พี่หญิงอายุมากกว่าข้า เช่นนี้เรียกพี่หญิงไม่ถูกหรือ”

“แต่ทรงเป็นองค์หญิงนะเพคะ”

“องค์หญิงแล้วอย่างไร ข้าอยากรู้ว่าผู้ใดจะขัดได้หากข้าจะเรียก พี่หญิงไม่ต้องห่วง ไปเถอะท่านกินอะไรมาหรือยัง ข้าให้คนเตรียมของกินไว้ให้มากนัก” ช่างเป็นเด็กสาวที่น่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง นางไม่รู้เลยว่าเหตุใดองค์หญิงจึงไม่มีเพื่อน

องค์หญิงให้คนเตรียมของไว้ที่โต๊ะหินอ่อนหน้าตำหนักเพราะใกล้กับทางออกไปยังลานฝึกกระบี่ สตรีทั้งสองนั่งดื่มชาพูดคุยกันสักครู่จึงพากันเดินผ่านประตูข้างตำหนัก ไปยังลานฝึกกระบี่เพื่อเริ่มการเรียนรำกระบี่

ลานฝึกกระบี่กว้างแต่ภายในลานมีเพียงสตรีไม่กี่คนเท่านั้น รอบลานกระบี่มีเป้าสำหรับฝึกยิงธนู แท่นวางอาวุธมากมายวางอยู่

ซูเหวินเดินไปยังท่อนวางอาวุธเลือกหากระบี่ที่พอจะใช้ฝึกได้ แต่หาเท่าไรก็ไม่พบกระบี่ขนาดเหมาะมือ กระบี่ของนางเป็นกระบี่บางน้ำหนักเบาแต่เบื้อหน้าล้วนเป็นกระบี่ ดาบ น้ำหนักไม่น้อยจึงไม่รู้ว่าจะเลือกใช้เล่มไหน

“พี่หญิงท่านไม่ต้องหาหรอก ข้าให้คนเตรียมกระบี่ไว้แล้ว ไม่นานคงมาเป็นกระบี่บางแบบที่พี่หญิงเคยใช้ นั่นไงมาแล้ว” องค์หญิงหนิงเอ๋อกล่าวพร้อมมองไปยังนางกำนัลทั้งสองที่เดินมาพร้อมกระบี่บางในมือ

หญิงเดินยิ้มพยักหน้าเดินไปดูกระบี่บางสองเล่ม นางใช้มือลูบไปบนใบกระบี่ แผ่วเบา แม้กระบี่จะไม่บางเท่าของมารดานางแต่เมื่อเทียบดาบพวกนี้ถือว่าคุณภาพดีมากแล้ว

นางถือกระบี่ทั้งสองเล่มไว้ในมืออย่างคล่องแคล้ว สองเท้าก้าวไปเชื่องช้า ผะแผ่ว เริ่มกวัดแกว่งกระบี่ทั้งสองเล่มในมือ นางกำนัลสามสี่คนถอยไปยืนอยู่ขอบลานฝึก มองดูหญิงสาวตรงหน้ากวัดแกว่งกระบี่ร่ายรำด้วยท่วงท่า อ่อนช้อย งดงาม

“งดงามนัก เห็นกี่ครั้งข้าก็ชอบ” องค์หญิงกล่าวขณะปรบมือให้ซูเหวิน เมื่อนางร่ายรำเสร็จ องค์หญิงเดินเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้ม

“องค์หญิงชอบก็ดีแล้ว เพราะหม่อมฉันทำเป็นเท่านี้”

“น่าแปลกที่พี่หญฺงกล่าวว่าไม่เป็นวิชากระบี่”

“เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เพคะ ท่านแม่ไม่ยอมให้เรียนเกรงจะอายุสั้นเหมือนตนเอง หม่อมฉันเลยทำได้แค่รำกระบี่นี้เท่านั้น”

“ไม่เป็นไร เท่านี้ก็ดีมากแล้ว มาเถอะพี่หญิงสอนข้าที”

“เพคะองค์หญิง” นางรับคำของหญิงสาวที่เด็กกว่า ยื่นกระบี่บางสองเล่มให้นางถือเอาไว้ สอนท่าทางการยืนถือกระบี่ ใช้ปลายเท้าสองข้างในการทรงตัว มือขวาถือกระบี่ไว้สูงเหนือหัว มือซ้ายถือกระบี่อยู่ต่ำกว่าเอว ปลายกระบี่ทั้งสองเล่มชี้ไปทางด้านหลัง

สองเท้าก้าวเหยียบไปบนพื้นลานฝึกอย่างเชื่องช้า สองมือค่อย ๆ แกว่งควงกระบี่ตามที่ถูกสอนเมื่อครู่ ขณะซูเหวินกำลังยืนซ้อนอยู่ด้านหลังขององค์หญิง โอบกอดให้นางอยู่ในท่าทางถูกต้อง

เสียงปรบมือหลายครั้งหลายคราดังขึ้นจากทางประตูใหญ่ ทางเข้าลานฝึก หยิงสาวทั้งสองหันไปมอง ผละออกจากกันยื่นนิ่งมองบุรุษที่กำลังเดินเข้ามาหา

“ถวายบังคมเสด็จพี่ทั้งสอง...คารวะหลิงซือฝู” องค์หญิงหนิงเอ๋อกล่าวกับองค์ชายหนิงอวี่ องค์ชายหนิงจิน เมื่อเหลือบเห็นหลิงซื่อฝูจึงเอ่ยทักทายเขาด้วยอีกคน

ไม่รู้ว่าทั้งสามคนมาตั้งแต่เมื่อใด และยืนอยู่ตรงนั้นกันนานเพียงใด พอเห็นองค์หญิงกล่าวทักบุรุษทั้งสามคนนางจึงเอ่ยทักเขาด้วยอีกคน

“ถวายบังคมองค์ชายทั้งสอง คาระวะหลิงซือฝู”

“ถวายบังคมองค์หญิง...ท่านหญิง” หลิงซือฝูตอบกลับมา ใบหน้าหล่อเหลาไม่แสดงอารมณ์ใด เพียงแต่แววตากลับต่างออกไปจากทุกทีที่องค์หญิงเคยเจอ แววตานั้นดูคล้ายแววตาขององค์ชายหนิงอวี่ตอนนี้

“น้องพี่วันนี้มีสิ่งใดเป็นพิเศษหรือจึงออกมาลานฝึกตั้งแต่เช้าเช่นนี้” องค์ชายหนิงอวี่

“นั่นสิ ปกติเจ้าไม่ชอบตื่นเช้ามิใช่หรือ” องค์ชายหนิงจิน

“เดือนหน้าวันเกิดเสด็จแม่ หม่อมฉันอยากรำกระบี่ของรองแม่ทัพต่งให้ในวันฉลอง เลยขอให้พี่หญิงซูเหวินมาสอนให้ หนิงเอ๋ฮรบกวนพวกท่านฝึกหรือไม่ หลิงซือฝู” องค์หญิงตอบแล้วจึงเอ่ยถามต่อด้วยน้ำเสียงหวานละมุน คงเพราะอีกฝ่ายเป็นพี่ชายไม่จำเป็นต้องแข็งกร้าว ซ้ำนางยังเป็นบุตรสาวคนสุดท้ายในองค์จักรพรรดิ มีนิสัยเด็ก ๆ เช่นนี้ก็ไม่แปลกนัก

“ไม่รบกวนเป็นกระหม่อมมากกว่าที่รบกวนองค์หญิงกับท่านหญิง เอาเช่นนี้ดีหรือไม่กระหม่อมจะเปลี่ยนวิชานี้เป็นวิชากลยุทธ์การศึกแทน จะได้กลับเข้าไปเรียนในห้อง ให้พวกท่านฝึกกระบี่ไปก่อน” หลิงซือฝูตอบองค์หญิงแต่ขณะเดียวกันก็หันไปถามความเห็นองค์ชายทั้งสอง

ช่างเป็นช่วงที่หาได้ยากยิ่ง บุรุษทั้งสามในลานฝึกกระบี่ล้วนมองซูเหวินเป็นตาเดียว แต่ผู้ถูกจดจ้องอย่างนางกลับไม่รู้ตัวเพราะนางเอาแต่เหลียวหลบสายตาขององค์ชายหนิงจิน

“ไม่เป็นไร หลิงซือฝูท่านสอนท่านพี่ทั้งสองเถอะ ข้ากำลังอยากพักสักหน่อย ใช่หรือไม่พี่หญิง”

“องค์หญิงพึ่งฝึกไปเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น เหนื่อยแล้วหรือเพคะ”

“ข้าไม่เหนื่อย เพียงแต่อยากแอบดูว่าหลิงซือฝูสอนสิ่งใดแก่ท่านพี่ทั้งสองบ้างเท่านั้น นาน ๆ จะได้เห็นการสอน” หญิงสาวอายุน้อยกว่าตอบกระซิบแผ่วเบา ให้ได้ยินเพียงนางและท่านหญิงซูเหวิน

ใจจริงนางอยากมาฝึกวรยุทธ์กับหลิงซือฝูเช่นเดียวกันกับเสด็จพี่ทั้งสอง แต่ท่านพ่อทรงไม่อนุญาตเพราะหลักสูตรการเรียนนั้นเป็นหลักสูตรการสอนเพื่อเป็นไท่จื่อในอนาคต

“เช่นนั้นรบกวนองค์หญิงกับท่านหญิงแล้ว” หลิงซือฝูกล่าวจบก็เดินไปยังแท่นวางอาวุธ หยิบทวนยาวขึ้นมาถือเอาไว้ องค์ชายทั้งสองเห็นเช่นนั้นจึงละสายตาจากสาวงาม เดินไปยังแท่นวางอาวุธเช่นเดียวกัน

องค์ชายสามหยิบทวนเหมือนหลิงซือฝู องค์ชายสี่หยิบดาบ ทั้งสามยืนประจันหน้ากันอยู่กลางลานฝึก ส่วนสตรีอีกสองคนเดินไปนั่งอยู่ริมลานฝึก ที่มีตั่งไม้วางอยู่ คอยมองดูการสอนตรงหน้า

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel