บท
ตั้งค่า

สหายสนิทคนใหม่

6

สหายสนิทคนใหม่

ภาพตรงหน้างดงามนัก ไม่คิดเช่นกันว่าจะได้มาเห็นภาพนี้พอดี ไม่รู้ว่าต้องขอบคุณหรือโมโหเด็กสาวผู้นั้นดีที่ชอบหนีหายไปตลอด

“นั่นเพคะองค์ชาย องค์หญิงอยู่ตรงนั้น” เสี่ยวเหมยสาวใช้คนสนิทกล่าวพลางชี้ไปยังโต๊ะหินอ่อนตรงลานประลอง นางก้าวเท้าหมายจะเดินเข้าไปหาแต่ถูกชายหนุ่มผู้นั้นห้ามไว้เสียก่อน

“เดี๋ยว รอก่อน”

“เพคะ องค์ชาย” เสี่ยวเหมยตอบรับแล้วขยับไปยืนด้านหลัง ปล่อยให้องค์ชายหนิงอวี่หรือองคืชายสามยืนมองอยู่เช่นนั้น

เกือบทุกวันองค์ชายต้องออกมาตามน้องสาวกลับวังเช่นนี้ ทั้งฮ่องเต้ทั้งพระสนมต่างพากันตามใจนาง น้องสาวจึงค่อนข้างเอาแต่ใจตนเอง แม้ไม่ได้ทำให้ผู้ใดเดือดร้อนแต่นางชอบหาเรื่องให้ตนเองลำบากอยู่บ่อยครั้ง

หลังยามเว่ยหากนางไม่อยู่ในวังเขาจะรีบออกตามหา เพื่อไม่ให้นางสร้างเรื่องให้ตนเองลำบาก แต่วันนี้ดียิ่งนักนางมิได้สร้างเรื่องให้ตนเอง กลับทำเรื่องดี ๆ ให้ผู้เป็นพี่ชายเช่นเขา

หนิงอวี่ยืนมองอยู่เช่นนั้นจนการรำกระบี่จบลง เขาปรบมือเสียงดังเดินเข้าไปยังลานประลองโดยมีนางกำนัลของน้องสาวเดินตามไป

ซูเหวินมองด้วยความงุนงง หลันอันฉีลุกจากแท่นบรรเลงฉินเดินมายืนขวางบังนายหญิงของตนเองไว้ ไม่รู้ว่าผู้ที่มาคือผู้ใด แต่หน้าที่เขาคือการดูแลความปลอดภัยให้นาง

“เสด็จพี่ ท่านมาจริง ๆ ด้วย” องค์หญิงหนิงเอ๋อลุกจากโต๊ะหินวิ่งกระโดดเข้าไปกอดแขนผู้เป็นพี่ชาย ซูเหวินแตะต้นแขนอันฉีเบา ๆ เขาจึงเดินเลี่ยงไปอยู่ข้างหลังนาง พร้อมรับกระบี่บางทั้งสองมาถือเอาไว้แทน

“ซูเหวิน ถวายบังคมองค์ชายสาม” ทั้งองครักษ์และสาวใช้หงอิงพากันทำความเคารพองค์ชายสามตามผู้เป็นนาย ชายหนุ่มยิ้มบาง ๆ ก่อนจะแตะแขนน้องสาวแล้วพูดกับเจ้าของจวน

“ไม่ต้องมากพิธี เป็นข้าที่เข้ามามิได้ขออนุญาต ขออภัยด้วย ข้ามารับน้องสาวกลับเท่านั้น ลำบากพวกเจ้าดูแลนางแล้ว”

“เสด็จพี่เหตุใดจึงกล่าวเช่นนั้น หนิงเอ๋อมิได้ทำสิ่งใดเสียหน่อย เพียงอยากมาเคารพรองแม่ทัพต่งเท่านั้น” องค์ชายส่ายหัวให้กับท่าทีน้อยอกน้อยใจของน้องสาว ยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาวด้วยความเอ็นดู เขารู้ดีว่าน้องสาวตนเองชื่นชมรองแม่ทัพต่งซึ่งเป็นบุตรสาวของแม่ทัพต่ง ทั้งยังเป็นสตรีเพียงคนเดียวที่ได้ออกรบเคียงบ่าเคียงไหล่บิดาจนสิ้นชีพ

เขาเองก็เคารพแม่ทัพต่ง เมื่อได้รู้จักต่งซูเหวินตอนท่านตาและมารดายังอยู่ก็ชื่นชมนางมาตลอด แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำความรู้จักนางสักเท่าไร วันนี้เป็นวันที่ดียิ่งนัก...

“เจ้าจะแต่งกายเช่นนี้ไปเคารพรองแม่ทัพจริงหรือ” หญิงสาวมองหน้าพี่ชายเมื่อเขากล่าวจบ พลางก้มมองสภาพตนเองในอาภรณ์บุรุษเช่นนี้ จริงอย่างท่านพี่กล่าวนางควรมาด้วยสภาพที่ดีกว่านี้

“เช่นนั้น ข้ากลับก็ได้ อย่างไรข้ากับนางก็เป็นสหายกันแล้ว ไว้วันหน้าค่อยมาก็ไม่สาย” ซูเหวินยิ่งงุนงงไปใหญ่ที่องค์หญิงพูดเองอีกครั้ง แม้นางจะพูดไปเรื่อยแต่กลับน่ารักน่าเอ็นดู ไม่แปลกใจเลยที่ฮ่องเต้จะทรงรักและตามใจนางมากที่สุด

“เชิญองค์หญิงเสด็จได้ทุกเมื่อหากต้องการ หม่อมฉันจะไปส่งนะเพคะ เชิญทั้งสองพระองค์เพคะ” เจ้าของบ้านต้อนรับขับสู้ด้วยรอยยิ้มเสมอ นางผายมือเชิญสองพี่น้องเดินไปทางประตู โดยมีหลันอันฉีเดินตามไม่ห่าง

“รบกวนเจ้าแล้วจริง ๆ ที่วันนี้ยอมเล่นกับน้องสาวข้า นางไม่เคยมีสหายมาก่อน”

“ไม่รบกวนเลยเพคะ หม่อมฉันเองก็ไม่มีสหายได้พูดคุยกับองค์หญิงก็ดีไม่น้อย”

“ท่านพี่เห็นหรือไม่ ข้าไม่ได้รบกวนผู้อื่นเสียหน่อย” ผู้เป็นน้องสาวกล่าวเสียงขุ่นเคืองใบหน้าบูดบึ้ง องค์ชายส่ายหน้าด้วยความเอ็นดูอีกครั้ง จากนั้นจึงลอบมองใบหน้าของสตรีที่เดินตามมา แม้จะอยากพูดคุยกับนางให้มากกว่านี้ แต่ยามนี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะทำเช่นนั้น จึงได้แต่พาน้องสาวกลับเท่านั้น

“น้อมส่งสเด็จองค์ชาย องค์หญิง” ซูเหวินค้อมตัวพร้อมกล่าวลาทั้งสองพระองค์ที่กำลังจะเดินขึ้นรถม้า องค์หญิงเดินมาจับมือนางเอาไว้ก่อนเดินขึ้นรถม้า

“ขอบใจมากที่ช่วยข้าไว้ในวันนี้ วันหน้าข้าจะมาเล่นด้วย หากมีสิ่งใดอยากให้ช่วยมาหาข้าได้ทุกเมื่อ” ซูเหวินยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ นางไม่ได้ทำสิ่งใดมากมายเลยแต่องค์หญิงกลับพูดคุยกับนางอย่างสนิทใจเช่นนี้ แปลกนัก นางยิ้มให้องค์หญิงแต่ผู้ที่จ้องมองยิ้มนั้นเนิ่นนานกลับเป็นองค์ชายผู้สูงศักดิ์บนรถม้า

“องค์หญิงทรงอย่าทำเหมือนหม่อมฉันเป็นสัตว์เลี้ยงสิเพคะ” นางบอกกับองค์หญิง ใบหน้ายิ้มแย้มหยอกล้อ องค์หญิงก็ทรงขบขันกับคำพูดของนาง

“เช่นนั้นข้าไปล่ะ” หญิงสาวค้อมตัวส่งองค์หญิงแล้วยืนมองหญิงสาวที่อายุน้อยกว่าด้วยความเอ็นดู นางเองก็รู้สึกถูกชะตากับองค์หญิงขึ้นมาอย่างประหลาด แท้จริงนางไม่อยากยุ่งกับผู้คนในวังเพราะเท่าที่เคยเจอล้วนมีแต่คนเห็นผลประโยชน์ตนเองเป็นสำคัญ

หากจะมีสักคนที่คบหาด้วยได้ก็คงจะเป็นองค์หญิงหนิงเอ๋อนี่กระมัง นางส่งองค์หญิงองค์ชายเสร็จก็เดินกลับเข้าจวนไป

“เสด็จพี่ กำลังคิดสิ่งใดอยู่หรือเพคะ” หญิงสาวถามพี่ชายขณะนั่งอยู่ในรถม้า ตั้งแต่ขึ้นมาเขาก็เอาแต่นั่งยิ้มอยู่ลำพัง ไม่พูดไม่จาไม่ดุนางสักคำ เดิมที่ก็ดีใจอยู่แต่ต่อมาพบว่ามันแปลกไปจึงเอ่ยถามขึ้นมา

“พี่ไม่ได้คิดสิ่งใด เหตุใดจึงถามเช่นนั้น”

“ตั้งแต่ออกจากจวนต่งมาเสด็จพี่ก็นั่งยิ้มไม่หุบเลย ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่ แต่เสด็จดูมีความสุขจนหนิงเอ๋อปล่อยผ่านไปไม่ได้ คงไม่ใช่ว่าท่านพี่...”

“ไม่ใช่ จะเป็นไปได้อย่างไร พี่จะรู้สึกอะไรกับนางได้”

“เสด็จพี่ หนิงเอ๋อยังมิได้กล่าวว่าท่านชอบพอนางเลยสักคำ เหตุใดว้าวุ่นเช่นนี้” หญิงสาวว่าจบก็หัวเราะคิกคัก มองพี่ชายก็ยิ่งรู้สึกขบขัน ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพสร้างของพี่ชาย บัดนี้แดงระเรื่อราวกับผลอิงเถาก็ถือว่ากล่าวไม่ผิด

เสด็จพี่ของนางอายุก็มากพอให้แต่งงานได้แล้ว เพียงแต่นางไม่เคยเห็นพี่ชายตนเองถูกใจสตรีใดมาก่อน หากเป็นหญิงสาวตระกูลต่งนางเองก็คงไม่ขัดขวางซ้ำยังอยากเป็นแม่สื่อให้พี่ชายอีก

“เหตุใดจึงแก่แดดแก่ลมเช่นนี้”

“หากเสด็จพี่ชอบพอนางให้หนิงเอ๋อช่วยดีหรือไม่” คนที่เพิ่งกล่าวว่าน้องสาวแก่แดดแก่ลมรีบหันกลับมาฟังแทบทันที เขาเองไม่มีข้ออ้างใดให้พบเจอนาง แต่กับน้องสาวไม่เหมือนกัน ฟังนางไว้ก็ไม่เสียหายเท่าไร...

“น้องพี่ เจ้ามีความคิดใดหรือ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel