ตอนที่ 10 ข้าก็เป็นจักรพรรดิได้
จักรพรรดิเหลิ่งไม่รีรอที่จะพาปิงปิงออกจากท้องพระโรง ไม่แม้แต่จะเปิดโอกาสให้ราชินีเอ่ยเตือน
พอพ้นหลังองค์จักรพรรดิ บรรดาขุนนางทั้งหลายก็พากันแสดงความดีใจจนแทบจะโห่ร้องออกมา เพราะความจริงในดินแดนจักรพรรดิทั้งห้า ต่างก็ไม่ได้รักใคร่สามัคคีกันอย่างที่เห็น เมื่อใดที่จักรพรรดิเหลิ่งตัดผ่านขั้นเซียนระดับเจ็ดไปได้ ก็จะทำให้ดินแดนแห่งนี้ขึ้นมาอยู่เหนือดินแดนทั้งสี่ทันที และจะกลายเป็นผู้นำของสี่จักรพรรดิไปโดยปริยาย ในขณะที่เหล่าขุนนางกำลังดีใจ ใบหน้าของราชินีเหยากลับแลดูไม่ค่อยดีนัก ไม่นานนางก็รีบรุดออกจากท้องพระโรงไป
ทางด้านปิงปิงถูกพามายังปราสาทใหญ่โตอีกหลังหนึ่ง ซึ่งสร้างจากผลึกสีแดงเช่นกัน แต่ปราสาทแห่งนี้ คล้ายจะเป็นที่พำนักของจักรพรรดิเหลิ่ง การจะผ่านเข้าออกนับว่ามิใช่เรื่องง่าย เพราะขนาดเดินตามเหลิ่งตี้เข้ามา ปิงปิงยังรู้สึกสับสนกับค่ายกลจนตาลาย
พอมาถึงห้อง ห้องหนึ่ง ปิงปิงก็เผลอหยุดยืนสำรวจภายใน กระทั่งจักรพรรดิเหลิ่งต้องเดินมาจับจูงนาง แต่ปิงปิงเบี่ยงตัวหลบอย่างแนบเนียน ก่อนจะเฉไฉไปถามเรื่องอื่น "ฝ่าบาทจะทรงมอบพลังให้หม่อมฉันวันนี้เลยหรือไม่เพคะ"
"หากเจ้าพร้อม เราก็ยินดี" เหลิ่งตี้ยกยิ้มอ่อนโยน มองแผ่นหลังของปิงปิงด้วยความแววตาชั่วร้าย จึงไม่ได้เห็นรอยยิ้มของเด็กสาว เพราะนางเองก็กำลังยิ้มแบบเดียวกับเหลิ่งตี้ไม่ผิดเพี้ยน
ไม่นานประตูห้องลับก็ถูกเปิดออก จักรพรรดิเหลิ่งก้าวมายืนหน้าประตู ผายมือให้ปิงปิง "การจะรับพลังจากข้า เจ้าจะต้องเข้าไปอยู่ในหม้อนั่น กลัวหรือไม่?" ปิงปิงมองไปยังหม้อใบใหญ่ขนาดแปดคนโอบตั้งอยู่บนเตาขนาดยักษ์ตามที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะส่ายหน้า "ไม่กลัวเพคะ พระองค์แค่บอกหม่อมฉันว่าต้องทำอะไรบ้างก็พอ"
"ดี! กล้าหาญดี ข้าชอบ หลังจากเสร็จพิธี ข้าจะมอบอำนาจที่ยิ่งใหญ่ให้เจ้า"
ปิงปิงยิ้มหวานชวนมองพร้อมกับยอบกายให้จักรพรรดิเหลิ่งเป็นการขอบคุณ จากนั้นทั้งร่างก็กะพริบหายเข้าไปอยู่ในหม้อใบใหญ่ ซึ่งภายในก็ไม่ได้ต่างอะไรกับหม้อทั่วไป เพียงแต่ลงอักขระยันต์เอาไว้เท่านั้นเอง
"หลับตานั่งสมาธิ ตั้งจิตให้มั่น เมื่อฝาหม้อปิดลง ข้าจะจุดไฟ และเริ่มถ่ายพลังเข้าไปในร่างเจ้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเจ้าจะต้องอดทน เข้าใจหรือไม่"
"หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ" สิ้นเสียงของปิงปิง ฝาหม้อก็เคลื่อนตัวมาปิด ความมืดมิดอยู่ได้เพียงครู่เดียว เมื่อไฟในเตาถูกจุด อักขระเหล่านั้นก็เริ่มเปล่งแสง
"ปิงเอ๋อ นั่งสมาธิรอรับพลังได้แล้ว ข้าว่าเจ้าเหลิ่งตี้นั่นคงจะถ่ายพลังของมันเข้ามาอีกเท่าตัวแน่นอน เวลานี้พลังของเจ้าเหยียบอยู่ในระดับสอง หากผ่านการหลอม คงตัดผ่านไปเกือบระดับห้าเป็นแน่"
"โอ้ ที่แท้ก็เลื่อนระดับได้เร็วเช่นนี้นี่เอง มิน่าเล่า คนชั่วพวกนี้ถึงได้ชอบใช้ทางลัด"
เสี่ยวไป๋ถึงกับสะอึกทันทีที่ได้ยิน ยิ่งพูดก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัว มันจึงเลือกที่จะเงียบ ทำให้เสี่ยวเฮ่ยแอบหัวเราะเยาะจนเหนื่อย
"สาวน้อย เจ้าพร้อมหรือยัง"
"พร้อมแล้วเพคะ"
สิ้นเสียงของปิงปิง พลังเซียนมากมายก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากอักขระ ก่อนจะพุ่งเข้ามาในร่างของเด็กสาวราวกับสายน้ำหลาก กลิ่นอายเซียนตลบอบอวล ภายในเริ่มร้อนขึ้นคล้ายหม้อกำลังเดือด
จักรพรรดิเหลิ่ง ถ่ายพลังตัวเองเข้าไปในหม้ออย่างบ้าคลั่ง โดยไม่สนใจว่าคนภายในจะต้องทนทุกข์ทรมานหรือไม่ เพราะการหลอมพลัง หากว่าร่างที่เป็นเตาหลอมมีพลังด้อยกว่า จะถูกพลังพวกนี้กัดกินไปจนถึงจิตวิญญาณ หากไม่ตายก็ต้องเสียสติ และเหลิ่งตี้ก็ไม่ได้สนใจชีวิตของเด็กสาวเหล่านี้
เวลาเริ่มเดินไปเรื่อยๆ จากวันเป็นคืน จากคืนกลับมาเป็นวันอีกครั้ง ในที่สุดพลังในร่างของเหลิ่งตี้ ก็ถูกถ่ายให้ปิงปิงจนหมด ตามธรรมดาแล้ว ป่านนี้ น่าจะได้ยินเสียงกรีดร้องของคนภายใน แต่กลับเงียบสนิท จนจักรพรรดิเหลิ่งรู้สึกแปลกใจ
ชายชราร่างกายเหี่ยวย่น ใช้ดวงตาฝ้าฟางเพ่งมองไปยังหม้อใบใหญ่ด้วยความสงสัย ด้วยความที่พลังในร่างมีเหลือเพียงแค่หล่อเลี้ยงชีวิต จึงไม่อาจเคลื่อนไหวร่างกายได้
เงียบ..... ผ่านไปพักใหญ่ เด็กสาวที่สมควรจะกรีดร้องด้วยความทรมานก็ยังเงียบสนิท
เวลานี้ภายในหม้อ ปิงปิงกำลังอยู่ในช่วงสำคัญ นั่นคือการหลอมพลังของเหลิ่งตี้ให้เป็นของตัวเอง ทักษะที่เสี่ยวไป๋สอนให้นับว่าเหนือชั้นกว่าที่คนทั่วไปใช้มากมายนัก ใช้เวลาไม่นาน ระดับพลังในร่างของปิงปิงก็เริ่มไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมฆดำเริ่มเข้ามาปกคลุมเหนือดินแดนจักรพรรดิเหลิ่ง สร้างความปลาบปลื้มยินดีให้เหล่าขุนนางและราษฎรเป็นอย่างมาก เพราะทุกคนคิดว่า นายเหนือหัวของพวกเขากำลังจะตัดผ่านระดับเจ็ด
สายฟ้าคำรามลั่นไปทั่วท้องฟ้า ด้วยความที่ทัณฑ์สายฟ้าของผู้ที่ตัดผ่านระดับเซียนหาใช่ธรรมดา ปราสาทที่จักรพรรดิเหลิ่งสร้างขึ้นหลังนี้ จึงได้มีค่ายกลพิเศษที่ใช้กลั่นสายฟ้าเอาไว้ด้วย
เปรี้ยง.. ขนาดเส้นแรกยังไม่ผ่าลงมา ยังทำให้ทั้งเมืองสั่นไหว จนทำให้เสี่ยวฮุยที่กำลังนอนหงายท้องให้ทหารนายหนึ่งเกาพุงอยู่ รีบพลิกตัวลุกขึ้นมายืนด้วยความตกใจ ดวงตาโปนของมันกลอกไปกลอกมา ก่อนจะจะวิ่งหายไปทางประตูวัง
สายฟ้าสีม่วงลั่นแปลบปลาบ คำรามก้อง ความรุนแรงของมัน ทำให้อีกสี่จักรพรรดิถึงกับนั่งไม่ติด ส่วนราชินีเหยาที่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร เวลานี้กำลังเตรียมตัวหลบหนี ห้องเก็บสมบัติล้ำค่าของเหลิ่งตี้แทบไม่มีอะไรจะเหลือ แต่ขณะที่นางกำลังจะกลับออกไป ก็เจอเข้ากับเจ้าหมาน้อยพอดี
"นะ..นี่เจ้า!"
"ข้าทำไมหรือ?"
"หะ..เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตาย?"
พอได้ยินประโยคนี้ เสี่ยวฮุยก็หรี่ตามองปีศาจจิ้งจอกสายพันธุ์ตัวต่ออย่างเอาเรื่อง "เจ้ายังไม่ตาย แล้วจะให้ข้าจะรีบตายไปทำไม"
"เฉิงป้าน เรื่องที่เกิดขึ้น ข้าถูกเทพบนสวรรค์บังคับ เจ้าอย่าได้โกรธเคืองไปเลย เอาเช่นนี้เป็นไร พวกเรามาแบ่งสมบัติกันก็ได้"
"เฮอะ! เรื่องอะไร ข้าต้องมาแบ่งกับเจ้า สมบัติพวกนั้น ยังไงเสียก็ต้องเป็นของนายหญิงอยู่แล้ว มิสู้ฆ่าเจ้าเสียเลยดีกว่า"
ราชินีเหยา กลอกตาไปมาไม่กล้าแม้แต่จะขยับตัว ในหัวพยายามหาทางออกให้ตัวเองรอด เพราะนางรู้ดี ว่าปีศาจหมาในไม่มีทางปล่อยนางไปแน่
เมื่อหลายพันปีก่อน ตอนที่เทพสวรรค์ต่อสู้กับราชามาร หนึ่งในสี่องครักษ์ของเฉิงชิวหนีรอดออกมาได้ก็จริง แต่ถูกปีศาจจิ้งจอกใช้เวทข้ามมิติ ทำให้มันไปโผล่ยังโลกที่ไม่รู้จัก มิหนำซ้ำในโลกแห่งนั้น ยังจำกัดพลังของมันจนกลายเป็นหมาน้อยธรรมดา หากไม่ได้หญิงสาวคนนั้นช่วยเหลือ มันคงสิ้นชีพไปแล้ว กว่าจะหาทางกลับมายังโลกนี้ได้ก็เล่นเอาแทบแย่
เสี่ยวฮุยย่อมไม่คิดจะปล่อยศัตรูไป และไม่รอให้ปีศาจจิ้งจอกได้เล่นเล่ห์กล ร่างที่เคยเล็กจ้อย กะพริบทีเดียวก็กลายเป็นสุนัขสามหัวตัวใหญ่ หางของมันแหลมคมคล้ายกับดาบนับหมื่นเล่ม
ราชินีเหยาเห็นเช่นนั้น ก็ผงะถอยหลังไปหลายก้าว หากต่อสู้กันซึ่งๆ หน้า นางไม่มีทางสู้ได้ และห้องสมบัติแห่งนี้ก็มีทางออกทางเดียว ปีศาจจิ้งจอกจึงไร้หนทางหลบหนีอย่างสิ้นเชิง
เปรี้ยง !!! ครืนนนนนน สายฟ้าเส้นแรก ในที่สุด ก็ผ่าลงมา แผ่นดินในดินแดนจักรพรรดิเกิดการสั่นไหว แม้แต่ห้องเก็บสมบัติที่สร้างจากผลึกแน่นหนายังเกิดรอยร้าว
อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฮ่ย ที่ไม่รู้ว่าบินออกมานอกหม้อตั้งแต่เมื่อไหร่ กำลังช่วยกันสร้างค่ายกลกลั่นสายฟ้าให้ปิงปิงอย่างขะมักเขม้น โดยไม่สนใจชายชราที่นั่งขัดสมาธิอยู่
พลังจากสายฟ้าเส้นแรกที่ผ่าลงมาในหม้อ ขนาดถูกกลั่นด้วยค่ายกลในปราสาทไปแล้วครึ่งหนึ่ง ที่เหลือยังทำให้จักรพรรดิเหลิ่งเกือบสิ้นชีพ
"พะ..พวกเจ้า นะ..นี่มันอะไรกัน" เหลิงตี้เอ่ยเสียงแหบแห้ง ในแววตาเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ตามธรรมดาแล้ว หลังจากที่ถ่ายพลังเข้าไปในร่างของหญิงสาว รอให้พลังที่ถูกส่งไปหลอมรวมเสร็จสิ้น พลังนั้นก็จะกลับเข้ามาในร่างด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้ ไม่เพียงไม่กลับ พลังเซียนขั้นหกยังถูกตัดขาดจากเจ้าของ มาถึงตอนนี้ หากเหลิ่งตี้ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอีก ก็คงโง่เต็มทน
ขนาดทัณฑ์สายฟ้าถึงกับผ่าลงมาแล้ว "ปะ..เป็นไปไม่ได้ อั่ก!" พลังชีวิตของหนึ่งในห้าจักรพรรดิกำลังจะหมดไป เหลิ่งตี้กระอักเลือดทันที หลังจากสายฟ้าเส้นที่ห้าผ่าลงมา ทั้งเสี่ยวไป๋ เสี่ยวเฮ่ย ยังไม่แม้แต่จะเหลือบมองชายชรา
สายฟ้าเริ่มยกระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเส้นที่เก้าผ่านไป แต่มันยังไม่จบแค่นั้น สิ่งปลูกสร้างในเมืองบางแห่งถึงกับพังทลาย แม้แต่บางปราสาทในวังก็ไม่เหลือ
จนกระทั่ง ผ่านไปแปดสิบเอ็ดสาย ทั้งเสี่ยวไป๋เสี่ยวเฮ่ย ก็พากันร่วงลงมานอนกองที่พื้น นอนหมดเรี่ยวหมดแรง ส่วนจักรพรรดิเหลิ่งก็ใกล้สิ้นใจเต็มที
ปิงปิงลืมตาขึ้น พร้อมกับพลังเซียนระดับหกเท่ากับจักรพรรดิทั้งสี่ ก่อนจะเรียกเสื้อผ้าชุดใหม่ในกระเป๋ามิติมาสวมใส่ ร่างบอบบางกะพริบทีเดียวก็มาปรากฏกายอยู่ด้านนอก
"จะ..เจ้าทำได้อย่างไร" เสียงแหบแห้งดังขึ้นทันทีที่นางลงมายืนที่พื้น
"เจ้าหลอมพลังหญิงสาวเหล่านั้นอย่างไร ข้าก็ทำอย่างนั้น" ปิงปิงมองชายชราด้วยสายตาเย็นชา ไม่มีความสงสารเห็นใจเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ผ่านการรับพลังจากผู้อื่นเข้ามาในร่าง ทำให้ปิงปิงรู้ว่า หญิงสาวเหล่านั้น ต้องทนทุกข์ทรมานเพียงใด
เสียงของจักรพรรดิเหลิ่งเริ่มหายเข้าไปในลำคอ ดวงตาฝ้าฟางใกล้ปิดเต็มทน ต่อให้ตายกลายเป็นผี เหลิ่งตี้ก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดี ว่าตัวเองถูกสตรีเล่นงาน
"หะ.. หาก มะ..ไม่มีข้า ดินแดนจักรพรรดิ จะวุ่นวาย" ชายชราพยายามใช้เฮือกสุดท้ายเปล่งเสียงออกมาได้ในที่สุด แต่นั่นกลับทำให้มุมปากของปิงปิงยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
"จะวุ่นวายได้อย่างไร เพราะข้าก็เป็นจักรพรรดิได้ หรือว่าไม่จริง หึหึ"
"นะ..นี่... จะ...เจ้า" และนั่นคือประโยคสุดท้ายของจักรพรรดิเหลิ่ง นับจากนี้ดินแดนเซียนจะไม่มีจักรพรรดิเหลิ่งตี้อีกต่อไป
พอเห็นชายชราสิ้นลม ปิงปิงก็เข้าไปช้อนตัวเสี่ยวไป๋ขึ้นมาไว้บนฝ่ามือ "เสี่ยวไป๋เป็นอย่างไรบ้าง"
"ข้าเหนื่อยจัง เมื่อยด้วย ปิงเอ๋อ พวกเรารีบกลับไปอาบน้ำนวดตัวกันเถิด ข้าจะแย่แล้ว"
เสี่ยวเฮ่ยได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ก่นด่าสาปแช่งบรรพบุรุษสิบแปดชั่วโคตรของราชามารเฉิงชิวในใจไม่เหลือชิ้นดี เพราะคนที่เหนื่อยจริงๆ คือมันต่างหาก ท่านจอมมารผู้นี้ได้ทำอันใดเสียที่ไหน นอกจากชี้นิ้วสั่ง
ส่วนปิงปิง ก็ยังถูกหลอกอยู่เหมือนเดิม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะราชามารมีมารยามากเกินไป หรือเพราะปิงปิงโง่งมกันแน่
