ใช้เงินสามี
เพราะที่ผ่านมาเธอทำงานทุกอย่างในบ้านเสิ่น ตั้งแต่จำความได้ มันไม่ใช่เรื่องที่แปลกถ้าหากว่ามือจะหยาบกระด้าง เหมือนที่สามีของเธอเอ่ยถึง
แต่ตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องราวที่สะดวกสบายมากเกินไป เพราะนอกจากอาบน้ำเองแล้ว การแต่งตัวก็มีสาวใช้ที่สามีจัดหาและมาช่วยแต่งตัว แต่งหน้า ซึ่งแน่นอนว่าทักษะด้านนี้นั้นเธอแทบไม่มีพื้นฐาน ใบหน้าที่มีเค้าความสวยอยู่เป็นทุนเดิมแล้ว หลังจากที่แต่งแต้มสีสันลงไปไม่มากมายเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินไป ที่ทำให้อีกฝ่ายนั้นถึงค่อนข้างที่จะสวยขึ้นมา
"นายหญิงมีรูปหน้าที่สวยทีเดียวค่ะ วันนี้นายหญิงหาซื้อครีมบำรุงผิวมาสักหน่อเถอะค่ะ"
สาวใช้ก็แนะนำตามความคิดของตัวเองตรง ๆ เพราะผิวของนายหญิงแห้งราวกับว่าไม่เคยได้รับการบำรุงมาเลย ซึ่งสำหรับผู้หญิงแล้วเรื่องที่ผิวไม่ได้รับการบำรุงเลย นั่นเป็นดั่งที่เรียกว่าเรื่องร้ายแรงที่สุด
"อืม"
เธอไม่ได้ตอบโต้มากกว่านั้น เพราะเห็นด้วยกับสาวใช้
"เธอชื่ออะไรหรือ"
"จางซุยค่ะ ฉันชื่อจางซุย"
"ตกลงจางซุย เธอเองก็เตรียมตัวออกไปข้างนอกกับฉันเถอะ"
"ได้ค่ะนายหญิง"
เพราะได้รับการกำชับจากผู้จ้าง ว่างานของจางซุยนั้นคือการทำตามคำสั่งของนายหญิงเท่านั้น ทั้งหมดนี้ไม่ว่านายหญิงจะต้องการอย่างไร จางซุยย่อมทำตามอย่างไม่มีปัญหาอยู่แล้ว
หลังจากที่เตรียมตัวเรียบร้อยแล้ว ต้าหลางก็เอารถออกอย่างใจเย็น วันนี้นายหญิงของเขาต้องเข้าศูนย์ความงาม ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะว่าสำหรับผู้หญิงเข้าร้านแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ผู้หญิงที่ไหนก็ทำกัน
นอกจากทำสปามือแล้ว จินเฟิงยังทำสปาทั้งตัว รู้สึกสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน ความผ่อนคลายมันเป็นแบบนี้จริง ๆ สินะ พนักงานร้านยังคงให้บริการอย่างเต็มที่ เพราะรู้มาว่าผู้หญิงคนนี้คือนายหญิงของตระกูลโจว ใครที่กล้าทำให้นายหญิงใหม่คนนี้ขัดใจ คงรู้ดีว่าเงาหัวที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดกำลังจะหายไป
ในขณะที่อบตัว จินเฟิงได้ยินเสียงพนักงานกระซิบพูดเรื่องทั่วไปกัน เธอจะไม่ใส่ใจถ้าหากว่าเรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับอ้ายหนิงน้องสาวของเธอ แม้ว่าเอาจริง ๆ เธอแทบไม่อยากจะนับญาติไปแล้วก็ตาม
"ฉันได้ข่าววงในมานะ ว่าหลังจากที่ชวดแต่งกับนายท่านโจวแล้ว ตอนนี้อ้ายหนิงกำลังปลูกต้นรักกับหนุ่มนอกวงการ แต่ยังไม่เปิดเผยตัวว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร"
"พนักงานที่กำลังพูดคุยกันนั้น ไม่รู้ว่าเธออยู่ในห้องอบสมุนไพร ไม่อย่างนั้นแล้วจะมีใครที่กล้านินทาน้องสาวในระยะกระชั้นชิดกับพี่สาวมากขนาดนี้"
เรื่องนี้ต่อให้ไม่ได้ยินพนักงานคุยกัน จินเฟิงก็รู้เรื่องนี้มาก่อนแล้ว น้องสาวที่ตาบอดมองเห็นก้อนกรวดเป็นก้อนเพชร อยากรู้เหลือเกินว่าวันที่เฟยหลงลุกขึ้นมาคิดบัญชีเรียงคน น้องสาวของเธอจะมีใบหน้าอย่างไรกัน ถึงตอนนั้นเธอคงจะมองบ้านเสิ่นอย่างสะใจเลยทีเดียว
หลังจากที่ครบเวลา จินเฟิงก็ออกมาจากห้องอบสมุนไพร เธอรู้สึกถึงระบบเผาผลาญเป็นอย่างดี นั่นมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป เธอรู้สึกร่างกายอบอุ่นขึ้นมามากขนาดนี้
"คุณต้าหลางคะ ฉันต้องการไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าต่ออีกสักหน่อย "
"ครับนายหญิง"
ห้างสรรพสินค้าที่กำลังจะไปมีร้านตัดผมที่น่าสนใจอยู่ร้านหนึ่ง ร้านนั้นส่วนมากแล้วมักจะมีเหล่าดาราที่เข้าไปใช้บริการ เรื่องฝีมือนั้นไม่ใช่เรื่องที่ต้องพูดถึงเลย เป็นระดับมืออาชีพและสามารถวางใจในการออกแบบทรงผมที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
ทันทีที่มาถึงห้างสรรพสินค้า จินเฟิงกระซิบถามสาวใช้เบา ๆ
"ฉันได้ข่าวว่าที่นี่มีร้านตัดผมเลื่องชื่อ จางซุยพอจะรู้จักหรือเปล่า" สาวใช้ดวงตากลมโตเมื่ออีกฝ่ายถามถึง มีใครในฉงหมิงบ้าที่ไม่รู้จักร้านตัดผมชื่อดัง ที่มีข่าวดารานางแบบต่างมาใช้บริการกันที่นี่ สำหรับผู้หญิงที่รักความสวยความงามแล้วล้วนอยากมาใช้บริการร้านนี้กันทั้งนั้น แต่ติดตรงที่ราคาของมันสูงเกินกว่าชนชั้นแรงงานธรรมดา จะเข้ามาใช้บริการโดยที่ไม่เสียดายเงินได้ แต่ระดับนายหญิงของตระกูลโจวแล้ว นั่นก็เรียกได้ว่าเศษเงินไม่ใช่หรือยังไง
"รู้จักสิคะ นายหญิงจะไปตัดผมใหม่หรือคะ ฉันจะพานายหญิงไปตอนนี้"
จินเฟิงสังเกตสาวใช้ที่มีนิสัยเรียบง่ายคนนี้ ถือว่าเฟยหลงเลือกคนเข้ากับงานได้เป็นอย่างดี เพราะรู้ว่า จางซุยต้องเป็นสาวใช้ส่วนตัวของเธอสินะ
"เราไปกันเถอะ"
หลังจากที่หันมองต้าหลางที่เดินตามมาเงียบ ๆ เธอก็ไม่ได้พูดอะไร ย่อมเป็นเรื่องปกติที่เธอจะมีคนติดตาม ถ้าหากว่าไม่มีคนติดตามจริง แบบนั้นถึงเรียกได้ว่าผิดวิสัยเธอหยิบบัตรไม่จำกัดวงเงินทั้งสองใบขึ้นมา ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงต้องให้เธอมาทั้งสองใบแบบนี้ แน่นอนว่าทั้งสองใบเหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยนไม่ใช่ว่าเขาจะคิดเผื่อเอาไว้ว่าถ้าหากเธอทำมันหายไป
"คุณต้าหลางจะเข้าไปรอด้านในหรือเปล่าคะ"
จางซุยเป็นคนเอ่ยถามขึ้นมา ซึ่งอีกฝ่ายเพียงแค่ส่ายหน้าและหันไปพูดกับนายหญิงของเขา
"ผมจะรอด้านนอกนะครับ นายหญิง "
"ตกลง"
เอ่ยจบจางซุยก็เดินนำเข้าไปด้านใน หลังจากที่เจ้าของร้านรู้ว่าใครที่มาใช้บริการวันนี้ พวกเธอไม่ใส่ใจคิดอะไรทั้งนั้น มีใครในฉงหมิงไม่รู้บ้างว่าตระกูลโจวนั้นเป็นใคร
"คุณอยากได้ทรงไหนดีคะ"
สาวประเภทสองเอ่ยถามขึ้นอย่างมีจริต แน่นอนว่าในตอนนี้โลกก็เปิดรับเพศที่สามบ้าง แต่ก็ยังไม่ได้เปิดรับเต็มร้อยนัก ซึ่งแน่นอนว่าจินเฟิงไม่เก็บเรื่องราวเหล่านั้นมาคิดให้ปวดสมอง ไม่ว่าจะเป็นอะไรมาจากไหน ทุกคนก็เป็นคนที่มีจิตใจมีความรู้สึกเหมือนกันทั้งนั้น
"ทรงไหนที่เข้ากับหน้าฉัน ก็เอาทรงนั้นได้เลยค่ะ"
เพราะไม่รู้ว่าจะเลือกทรงอะไร เธอถึงเลือกให้ช่างจัดการดีกว่า ด้วยประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมแล้ว จินเฟิงมั่นใจว่าทรงผมเธอต้องออกมาดีตามที่คาดหวังแน่ ๆ
เพียงไม่นานผมซอยสั้น และดัดเป็นลอนห่าง ๆ ก็เสร็จเรียบร้อย ใบหน้ารูปไข่ของเธอไม่ว่าจะทำผมทรงอะไรก็เข้ากันทั้งนั้น หลังจากที่เห็นว่าพอมีเวลา ถึงได้เลือกทำสีผมเป็นสีน้ำตาลอ่อน การเปลี่ยนสีผมในเฉดที่เข้มน้อยลง จะทำให้หน้าหวานขึ้นพอสมควร เธอทำตามคำแนะนำของช่างทำผม ที่ชวนพูดเก่งตั้งแต่เริ่มนั่งลง
มองตัวเองในกระจกอีกครั้ง ด้วยทรงผมที่โฉบเฉี่ยวและทันสมัยแล้ว แทบลืมภาพจำ ของตัวเองก่อนหน้านี้ไปในทันที ในตอนนี้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ปราดเปรียว ทันสมัยและมีความมั่นใจ แค่ทรงผมเปลี่ยนบุคลิกก็เปลี่ยนจริง ๆ
"นายหญิงสวยขึ้นมากจริง ๆ ค่ะ"
ขนาดจางซุยที่นั่งมองการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ยังอดที่จะตะลึงไม่ได้ เพียงแค่เปลี่ยนทรงผมนายหญิงก็เปลี่ยนแปลงไปราวกับเป็นคนละคนกับก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง
"ที่จริงถ้าคุณไม่ผอมเกินไป คุยก็เป็นนางแบบได้สบายทีเดียว"
เธอรู้ว่าช่างทำผมไม่ได้พูดเล่น ด้วยใบหน้าที่สวยหวานเป็นทุนเดิม ถ้าหากว่าเธอไม่ผอมเกินไปจริง ๆ ก็เป็นนางแบบได้สบาย ถ้าหากว่าสามีของเธอในตอนนี้ยินยอมให้เป็นไปแบบนั้น
"ขอบคุณมากค่ะ"
จินเฟิงยื่นบัตรเงินสดให้สาวใช้ไปจ่าย หลังจากที่รู้ว่าราคาตัดผมครั้งนี้สูงถึงร้อยหยวน ก็ได้แต่อ้าปากค้างในราคาสูงลิบ แต่เอาเถอะเธอไม่ได้ใช้เงินเธอนี่ ทุกหยวนที่ใช้ไปมากมายในวันนี้ก็ล้วนเป็นสามีที่แสนดีของเธอจ่าย
เธอรู้สึกเกรงใจต้าหลางเล็กน้อย ทว่ารายนั้นบอกว่าให้เธอตามสบาย ถ้าตามสบายจริง ๆ เธอก็ขอเข้าไปเลือกซื้อครีมบำรุงผิวสักหน่อยก็แล้วกัน เธอไม่อยากให้ทั้งผิวและมือแห้งกร้านจนสามีทักให้อับอายอีก ไม่รู้ว่าทำไมเสียของเขายังหลอกหลอนอยู่ในหูเธอไม่หายไปเสียทีเดียว ได้รับคำแนะนำจากจางซุยเหมือนเดิม นอกจากครีมบำรุงผิวแล้วยังได้เครื่องสำอางที่จำเป็นต้องใช้กลับมาชุดใหญ่
วันนี้เธอใช้เงินไป มากจนไม่อยากคำนวณเลยทีเดียวว่าใช้เงินเขาไปเท่าไหร่กันแน่ ถึงคิดไปเธอก็ใช้มันไปแล้วนี่ ก็เขาเป็นคนบอกเองว่าต้องการซื้ออะไรก็ซื้อไปเลย จินเฟิงก็แค่ทำตามที่สามีบอก เธอไม่ได้ผิด
