บทที่ 6 กลับบ้าน
ตอนนี้น้องภีมอายุหนึ่งขวบพอดี หนุ่มน้อยเป็นเด็กอารมณ์ดีมาก หญิงสาวเมื่อหมดเวลาลาคลอดเธอก็กลับมาปฎิบัติหน้าที่ตามเดิม เธอไม่ได้จ้างพี่เลี้ยงเพราะอยากจะให้ลูกสัมผัสรับรู้ความรักจากคนเป็นแม่ให้มากที่สุดเท่าที่จะรับรู้ได้ คุณหมอและพี่ๆพยาบาลในค่ายต่างรักใคร่และเอ็นดูเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นคนที่สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้กับทุกคน ใครว่างจากเข้าเวรก็จะวนเวียนมาเล่นเป็นเพื่อนแก้เหงากับหนุ่มน้อย
"น่ารักจังเลย มาหาน้ามิ้นหน่อยครับ"
"มาหาพี่ตามดีกว่าครับ"
"จ๊ะเอ๋ๆ มาหาพี่กวางดีกว่าครับน้องภีม"
"เอิ้กๆ" น้องภีมหัวเราะชอบใจเมื่อใครๆต่างก็อยากให้ตนไปหาใกล้
"หลานงงหมดแล้วมั้งคะเนี่ย ไม่รู้จะไปหาใครดี มองซ้ายมองขวาใหญ่เลย" คนเป็นแม่เมื่อลงเวรก็มารับลูกกลับบ้านพัก หญิงสาวตัดสินใจแล้วว่าวันเสาร์อาทิตย์นี้เธอจะกลับไปหาผู้เป็นแม่ของตน คงถึงเวลาแล้ว
"พี่ขอตัวน้องภีมก่อนนะคะ ได้เวลากลับบ้านกันแล้วค่ะ"
"หว่าา หนุ่มน้อยจะกลับซะแล้วยังเล่นไม่จุใจเลยค่ะ"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้หลานก็มา แกนี่ ดราม่าไปได้"
"พรุ่งนี้ไม่ได้มาหรอกนะคะ"
"อ้าวทำไมละคะหมอลิน" คนถามผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด
"พอดีพี่จะพาหลานไปหาคุณยายเขาน่ะค่ะ ยังไม่ได้พาไปหาเลย"
"อ่อ อย่างนี้นี่เอง เดินทางปลอดภัยนะคะ รีบกลับมาเล่นกันนะครับน้องภีม"
"ขอบคุณค่ะ"
"ติ้งๆ"
"เสียงใครมากดออดกันนะไปเปิดประตูหน่อยสิ" เสียงคุณนายทองหยอดโวยวายแต่เช้าและให้เด็กในบ้านออกไปเปิดประตูรั้ว
"ไม่ทราบว่ามาหาใครคะ"
"หาคุณนายทองหยอดค่ะ นี่คงจะมาใหม่ใช่ไหม"
"ใช่จ้ะ เข้ามาก่อนจ้า" เด็กรับใช้ในบ้านเปิดประตูรั้วให้แขกเข้ามาในบ้าน ที่เปิดให้เลยเพราะคุณนายนั้นมีคนแวะเวียนมาหาอยู่เป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติซะแล้ว
"นั่งรอในนี้คนนะจ้ะ"
"ใครกันมาหาฉัน ตะ แต่..ยัยลินลูก" คุณนายตาโตไม่คิดว่าจะเป็นลูกสาวคนเดียวของตน
"คิดถึงแม่จังเลยค่ะ" หญิงสาวโผเข้ากอดมารดา
"ไม่กลับมาหาแม่บ้างเลยนะ สงสัยแม่คงจะป่วยเราถึงจะอยู่ดูแล"
"แม่อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ลินเป็นห่วงนะคะ"
"ว่าแต่นั่นใครละ ลินไปเอาลูกใครมา" แม่ของหญิงสาวถามถึงเด็กชายหน้าตาน่ารักบนรถเข็น
"แม่คะ ลูกลินเองค่ะแม่"
"อะไรนะ นี่ลูกพูดอะไร อำแม่เล่นใช่ไหม" คุณนายไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ลูกสาวบอก
"ไม่ได้อำค่ะนี่ลูกของลินจริงๆ"
"ตายๆฉันจะเป็นลม" คุณนายซวนเซ คนรับใช้วิ่งกันวุ่นหายาดมยาหอม
"บอกแม่ทีเถอะลูกว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง พ่อของตาหนูละลูก เขาเป็นใคร"
"ลิน ลินเลิกกับเขาก่อนที่จะรู้ว่าท้องค่ะ"
"แสดงว่าพ่อตาหนูก็ไม่รู้ว่ามีลูกใช่ไหม"
"ใช่ค่ะแม่"
"ตายๆ นี่มันน่าปวดหัวซะจริง แล้วลูกจะทำยังไงต่อ"
"ลินก็จะเลี้ยงลูกของลินให้ดีที่สุดค่ะ"
"เรื่องนั้นแม่เชื่อว่าลูกทำได้ แต่ไม่คิดจะบอกพ่อของตาหนูหน่อยหรอลูก"
"ไม่ค่ะ ลินตัดสินใจแล้ว"
"แม่ขออะไรอย่างได้ไหม"
"อะไรคะ"
"ถ้าไม่อยากให้แม่เป็นกังวลไปมากกว่านี้ก็กลับมาทำงานที่บ้านเราเถอะลูก อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ในสายตา ได้ยินข่าวคราว"
"แต่งานที่ค่ายละคะแม่" หญิงสาวไม่กล้าคิดว่าถ้าเธอกลับมางานที่นู้นที่เป็นส่วนของเธอก็ต้องแบ่งให้พี่หมอคนอื่นๆ
"ขาดหนูคนหนึ่งแม่เชื่อว่าเขาก็ยังไปต่อได้ลูก เพราะแม่เชื่อว่าหมอดีๆยังมีอีกเยอะ ยังมีคนที่อยากทำเพื่อสังคมอีกมาก เชื่อแม่เถอะนะลูก ลูกควรจะทำเพื่อตัวเองบ้าง"
หญิงสาวตัดสินใจได้อยากลำบากมาก นี่เป็นการตัดสินใจที่ยากกว่าตอนที่ตัดสินใจจะเลี้ยงน้องภีมคนเดียวเสียอีก งานนี้เป็นงานที่เธอรักมากจริงๆ เธอจะทำอย่างไรดีนะเนี่ย
"เฮ้อ ก็ได้ค่ะแม่ ลินจะทำตามที่แม่ต้องการ ลินไม่อยากให้แม่เป็นกังวลไปมากกว่านี้" ในเมื่อเธอเป็นคนสร้างความกังวลให้กับผู้เป็นแม่ เธอก็ควรจะจัดการในทางที่ถูกที่ควร
"ขอบคุณนะลูกที่ยังเชื่อฟังแม่บ้าง ทั้งที่ตลอดเวลาดื้อรั้นกับแม่มาตลอด"
"แม่! โถว่ว่าลูกทำไมคะ"
"ฮ่าๆ เอาน่า ว่าแต่กินอะไรมาหรือยัง ให้แม่จัดโต๊ะเลยไหมมีแต่ของโปรดลูกทั้งนั้นเลย"
"ดีเลยค่ะ หิวอยู่เหมือนกัน"
"แล้วของหลานละ"
"เดี๋ยวให้ดื่มนมนอนค่ะ"
"อ่ะๆ เอางั้นก็ได้"
เมื่อคิดว่าความหนักอึ้งในอกมลายหายไปแล้ว เธอก็ติดต่อกลับไปยังค่ายและขอลาออกด้วยเหตุผลส่วนตัว ทุกคนต่างเสียดายหมอดีๆอย่างเธอที่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจให้กับงานเสมอ แต่อีกด้านทุกคนก็เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเธอ หญิงสาวฝากลูกไว้กับแม่ แม้จะไม่อยากห่างแต่ก็ต้องห่าง เพราะเธอต้องกลับไปเก็บข้าวของเตรียมย้ายกลับบ้านเกิดอย่างถาวรเพื่อความสบายใจของผู้เป็นแม่
"แม่คะ กลับมาแล้วค่ะ"
"เดี๋ยวหนูยกไปเก็บให้นะคะ"
"ขอบคุณจ้ะ"
"มะ มา"
"โอ้โห้ นี่หนูออกเสียงจะชัดแล้วนะลูก คิดถึงจังเลยหลานงอแงบ้างไหมคะแม่"
"ก็มีบ้างตามประสาเด็กแหละ แม่ว่าหน้าตาหลานแม่มันคุ้นๆนะ เหมือนเคยเห็นที่ไหน"
"เหมือนหนูไงคะ แม่คงจะจำสับสนแล้ว"
"ไม่ๆ แม่พูดจริงๆ เหมือน เหมือน..ตาภัทรเลยนะ"
"คะ แคกๆ" หญิงสาวตกใจสุดขีด
"อ้าวๆ ใจเย็นๆสิ เดี๋ยวก็สำลักแย่เลย"
"ขอบคุณแม่มากค่ะ เราไปหาอะไรทานกันดีกว่านะคะ"
"อืมๆ ไปลูกตาภีม" และแล้วหญิงสาวก็เบี่ยงเบนความสนใจของผู้เป็นแม่ไปเรื่องอื่นสำเร็จ
