ไม่ยอมย้าย
ใบหน้าคร้ามปรายตามองสตรีตรงหน้าด้วยความดุดัน เขาไม่ค่อยพอใจเท่าใดนักที่ถูกคาดคั้นเอาคำตอบ ครั้นนึกขึ้นได้ว่านางตั้งครรภ์เขาถึงได้ผ่อนคลายลง
“ไว้สบโอกาสเมื่อใด ข้าจะรีบบอกเรื่องนี้กับอวี้เหม่ย เพราะฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกังวล จะช้าหรือเร็วเด็กคนนี้ได้ชื่อว่าเป็นคนที่ข้าให้ความสำคัญไม่ได้น้อยไปกว่าเจ้าที่เป็นแม่” ว่าพร้อมใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของหญิงสาวแผ่วเบา
ครึ่งค่อนเดือนแล้วที่นางให้สาวใช้ไปบอกกล่าวเถียนไฉ่หงเรื่องให้ย้ายออกจากเรือนเดิม แต่ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ นางอดทนอย่างใจเย็นมานานเพราะเห็นแก่หน้าบิดาสามีที่เคยดีต่อนาง หากจะยอมให้เป็นแบบนี้ต่อไปสตรีวัยชราคงได้ใจคิดคิดว่าตัวเองมีอำนาจสูงสุดในจวนเหมือนเมื่อก่อน ในเมื่อไม่ย้ายออกไปโดยดีก็ต้องทำให้หน้าชากันเสียบ้าง
“เพ่ยอิง เจ้าอยู่ข้างนอกรึไม่”
“มีอันใดจะเรียกใช้บ่าวหรือเจ้าคะ” สาวใช้เปิดประตูเข้ามาด้านใน เมื่อได้ยินนายหญิงเอ่ยเรียก
“บอกให้บ่าวรับใช้ทั้งชายหญิงสักสิบคนไปที่เรือนหลัก”
“ไปทำไมหรือเจ้าคะ นั่นเป็นเรือนของฮูหยินเถียนไม่ใช่หรือ”
“แต่ก่อนน่ะใช่ แต่นอนนี้เรือนหลังนั้นเป็นของฮูหยิน อย่างข้าแล้ว”
“ทำเช่นนี้จะดีหรือเจ้าคะ หากท่านแม่ทัพรู้เข้า”
“เรื่องนี้มีหรือที่สามีข้าจะไม่เข้าใจ เอาเถิด ข้าจะเห็นแก่หน้าท่านแม่ทัพสักครั้งก็ย่อมได้ เจ้าไปบอกนางที่เรือนทีว่าข้าให้เวลาสามวันในการขนย้ายข้าวของออกจากเรือนหลัก บอกนางด้วยว่าอยากไปอยู่ที่เรือนใดให้บอกข้า มิเช่นนั้นข้าวของของนางข้าจะให้คนขนออกจากจวนให้หมด”
“เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
เถียนไฉ่หงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่ในเรือนด้วยอย่างไม่ทุกข์ร้อน แม้ลูกสะใภ้ของตนจะสั่งให้นางย้ายออกไป แต่มีหรือที่นางจะยอมง่าย ๆ แม้สามีของนางจะตายไปแล้วถึงอย่างไรนางก็ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา มิหนำซ้ำที่จวนแห่งนี้นางยังอาวุโสที่สุด ผู้ใดเล่าจะกล้าทำอะไรนาง
“รายงานฮูหยินให้ข้าที” เสียงเพ่ยอิงบอกกับสาวใช้ที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“ฮูหยินสั่งเอาไว้ว่าไม่ให้ใครรบกวน ทางที่ดีเจ้ารีบกลับไปเถิด”
“แต่นายหญิงของข้าสั่งให้ข้ามาบอกเรื่องสำคัญแก่นาง”
“เจ้าไม่ได้ยินที่นางพูดหรือ รีบไสหัวกลับไปได้แล้ว บอกเจ้านายของเจ้าด้วยล่ะว่าอย่าเหิมเกริมให้มากนัก!” เสียงสตรีวัยชราที่เพิ่งกลับมาจากข้างนอกตวาดเสียงดัง
“ท่านเป็นแค่สาวใช้ มีสิทธิ์อะไรมาไล่ข้า!” เพ่ยอิงบอกอย่างไม่ยอม แม้คนตรงหน้าจะเป็นสาวใช้คนสนิทของเถียนไฉ่หงแต่นางไม่ได้เกรงกลัวสักนิด หากจะต้องลงไม้ลงมือกับคนแก่สติฟั่นเฟื่อนอย่างสตรีผู้นี้
“สามหาวนัก!” จื่อถงตบเข้าที่หน้าเพ่ยอิงจนเกิดเป็นรอยนิ้วมือ
“เกิดอันใดขึ้น” เถียนไฉ่หงที่อยู่ด้านในร้องถาม ทำให้จื่อถงรีบเปิดประตูเข้าไปด้านในเพื่อตอบคำถาม
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ ก็แค่สาวใช้ของฮูหยินท่านแม่ทัพมาหาก็เท่านั้น”
“นางมาทำไม”
“คงไม่พ้นเรื่องที่จะให้ท่านย้ายออกจากเรือนหลัก”
“หึ ถ้าเป็นเรื่องนี่ล่ะก็ อย่าได้หวัง!”
“ฮูหยินบอกว่าหากท่านไม่ย้ายออกจากที่นี่ภายในสามวัน ข้าวของของท่านจะถูกส่งออกไปนอกจวน ถือว่าบ่าวได้บอกท่านแล้วนะเจ้าคะ” เพ่ยอิงได้ทีเอ่ยบอกเสียงดังชัดเจน แม้ในใจจะโกรธเคืองที่ถูกตบหน้าถึงอยากจะเอาคืนสักเท่าใด ทว่าพอคิดถึงใบหน้าของผู้เป็นเจ้านายนางถึงได้ข่มอารมณ์ลงได้ นางไม่อยากทำให้เป็นเรื่องใหญ่ มิเช่นนั้นคนที่ลำบากจะกลายเป็นคุณหนูของตนแทน
อวี้เหม่ยเงยหน้าจากสมุดบัญชีพลันมองไปที่หน้าประตู เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามแล้วทำไมเพ่ยอิงถึงยังไม่กลับมาอีก
“มีใครอยู่ด้านนอกบ้าง”
“บ่าวอยู่เจ้าค่ะ”
“เพ่ยอิงกลับมารึยัง”
“พี่เพ่ยอิงเพิ่งกลับมาจากเรือนหลักเมื่อหนึ่งเค่อ ตอนนี้นางกลับเรือนนอนไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ทำไมนางถึงไม่มารายงานข้าก่อน”
