บท
ตั้งค่า

2

“เหนื่อย” เพื่อนลูกชายเศรษฐีบ่นออกมาดัง ๆ เขาทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอย่างอ่อนแรง เพราะกว่าจะทำความสะอาดห้องเสร็จก็เกือบเที่ยง

ปัทมนต์มัดถุงขยะสีดำเตรียมเอาไปทิ้งด้านล่างคอนโด โชคดีไม่เจอยาเสพติดอย่างที่คาดไว้ มีแต่เศษบุหรี่ยัดไส้กัญชาเท่านั้น

“เป็นยังไงล่ะ ผลของการต้องมาตามล้างตามเช็ดเรื่องคนอื่น คราวต่อไปเลือกคบเพื่อนหน่อยนะ ที่นิสัยไม่ดีเอาไว้ห่าง ๆ เลย”

“เห็นจะยากนะแป๋ง” ดนัยวุธยักไหล่ “บังเอิญที่เจอก็เป็นคนประเภทนี้ทั้งนั้น ชอบทำอะไรเสี่ยง ๆ วัดบารมีพ่อแม่ คนพวกนี้ฉันคบแค่ผิวเผิน เราคุยกันด้วยภาษาเงินและธุรกิจเท่านั้น”

“เรื่องนิสัย ถ้าไม่แย่จนเกินเอือมก็พอรับได้” เธอปลดผ้าเช็ดหน้าที่คาดปากออก มองเพื่อนอย่างเห็นใจ ทุกข์ของคนรวย มีเงินแต่ไม่มีเพื่อนแท้ ทุกอย่างเป็นเงินทองผลประโยชน์ไปหมดแม้กระทั่งมิตรภาพ

“เรื่องเงินเดี๋ยวโอนเข้าบัญชีเดิมนะ เที่ยงแล้วโทรสั่งพิซซามาเลี้ยงแล้วกัน”

ดนัยวุธเป็นนายจ้างที่มักมีน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ เสมอ ข้อนี้เธอนึกชมเขาในใจ

“ไม่เอาหรอก ไม่อยากกินพิซซากลัวติดคอ ยังเหนื่อย ๆ อยู่”

“แต่ฉันหิวนี่ ไส้จะขาดอยู่แล้ว ไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้า” คนบ่นที่อยู่โซฟาเริ่มบ่นเอาแต่ใจ

“งั้นก็ตามใจแก”

หญิงสาวเลี่ยงไปห้องน้ำ นึกถึงตัวเลขในบัญชีที่กำลังจะเพิ่มขึ้นแล้วอมยิ้มสุขใจ เงินเหล่านี้เป็นทุนรอนในการดำเนินชีวิตหลังผ่านพ้นรั้วมหาวิทยาลัยออกไป

“เดี๋ยวแกนั่งรถไปมหา’ลัยกับฉันนะ” เพื่อนสั่งขณะเพลิดเพลินกับพิซซาถาดใหญ่ เธอดูดน้ำอัดลมผ่านหลอดจากแก้วพลาสติกใบโต “จะไปเจออาจารย์คุยเรื่องโปรเจกต์อยู่เหมือนกัน”

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวแกปล่อยฉันลงก่อนถึงมหา’ลัยอีก”

เพราะเธอไม่สวยพอที่จะเป็นตุ๊กตาหน้ารถราคาแพงโฉบเฉี่ยวในมหาวิทยาลัยของเขาได้ จึงต้องลงที่ป้ายรถเมล์เพื่อไม่ให้เสียเกียรติประวัติหนุ่มหล่ออย่างเขา

“ฉันชอบตรงแป๋งเข้าใจเรื่องศักดิ์ศรีเดือนมหาวิทยาลัยของฉันนี่แหละ”

ดนัยวุธพล่ามเรื่องสาว ๆ ที่ได้มีโอกาสมานั่งบนรถคันโก้ของตนอีกนานจนเธอได้แต่อ่อนใจ ทุกข์ของคนรวยอีกประเภทหนึ่ง คือโรคหลงตัวเอง จะทนไม่ได้ถ้ามีสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่คู่ควรกับเขา

“ฉันขึ้นรถเมล์ไปเองดีกว่า เดี๋ยวแวะห้าง เปลี่ยนชุดนักศึกษาด้วย” เธอหยิบกระเป๋าใบโตซึ่งใส่ชุดเตรียมพร้อมขึ้นมา แม้คุ้นเคยกับดนัยวุธและห้องนี้เพียงใด แต่กระดากใจที่ต้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องของผู้ชาย

“ก็ตามใจ” เพื่อนไม่ขัด เคี้ยวพิซซาตุ้ย ๆ ต่อไป

“โปรเจกต์เป็นยังไงบ้างแป๋ง ผ่านหรือเปล่า” เชอรี่ทักทันทีที่เห็นปัทมนต์เดินมานั่งบนม้าหินภายในบริเวณมหาวิทยาลัย

“ผ่านเรียบร้อยแล้ว” เธอรายงานผล หลังจากตรงเข้าไปพบอาจารย์ที่ปรึกษา ก่อนมาเจอเพื่อน

“ดีจังเลยวะ” หลายคนที่นั่งในกลุ่มแสดงความยินดีเซ็งแซ่

เพื่อนอีกคนชื่อหมี แต่ตัวเล็กพึมพำ “ของฉันต้องแก้แล้วแก้อีก”

“เอาน่า ถ้าตั้งใจทำ เดี๋ยวก็เสร็จ” สาวสวมแว่นชื่อแก้มปลอบ

“ต่อไปจะได้อ่านหนังสือวิชาอื่นบ้าง” ปัทมนต์กล่าวอย่างโล่งอก

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็แผดดังขึ้น เธอรีบควานหาเจ้าเก่าเครื่องเก๋ากึ๊กคู่ชีพจากกระเป๋ามารับสาย

“ฮัลโหล”

[“แป๋งเหรอ นี่ฉันเองนะ”] เสียงวางอำนาจแบบนี้มีคนเดียว

“มีอะไรหรือเปล่า” เธอรีบใช้มือป้องโทรศัพท์เดินออกห่างจากกลุ่มเพื่อน ใจเต้นตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ว่าเรื่องบุหรี่ยัดไส้เมื่อเช้าจะแผลงฤทธิ์อะไรอีกหรือเปล่า

“ช่วยพิมพ์รายงานเพิ่มให้หน่อย มีค่าตอบแทนเหมือนเดิม”

คำว่า ‘ช่วยพิมพ์รายงาน’ ของดนัยวุธนั่นหมายถึง ‘ฉันจะจ้างแกทำรายงานทั้งหมด’

ดนัยวุธเป็นบ่อเงินบ่อทองของเธอมานาน นับตั้งแต่พบเขาที่ห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัยตอนปีหนึ่ง ตอนนั้นเขากำลังหัวเสียกับการพิมพ์งานในโน้ตบุ๊กราคาแพง เพราะไม่คุ้นเคย เมื่อเขาเงินถึงเธอจึงเป็นมือปืนรับจ้างในการทำงานต่าง ๆ เสมอ

‘หน้าอย่างแป๋งไม่เข้ากับรสนิยมของฉัน เป็นเพื่อนกันน่ะดีแล้ว’

ปัทมนต์ได้ฟังคำวิจารณ์เกี่ยวกับตัวเองแล้วเจ็บจี๊ด ไม่อยากบอกเลยว่าตอนปีหนึ่งเธอเคยหลงปลื้ม เพราะความหล่อของหมอนี่อยู่พักหนึ่ง พอได้สัมผัสนิสัยที่แท้จริง ความหลงใหลที่เคยมี ไม่รู้หายไปไหนหมด เหลือแต่ความเฉยชา จนบางครั้งรำคาญในความไม่รู้จักรับผิดชอบของเพื่อนคนนี้

“งั้นเจอกันที่ห้องสมุดล่ะกัน” เธอนัด คนปลายสายก็เห็นดีด้วย

ดนัยวุธเป็นหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว ทรงผมระหน้าผากสไตล์เกาหลีรับกับใบหน้าหล่อเหลา เขามักมีออปชันเสริมแสดงความเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์เสมอ ไม่ต่างหูก็สร้อยข้อมือหรือสร้อยคอ

อย่างวันนี้มาในชุดนักศึกษาที่ดูอย่างไรก็เหมือนหนุ่มเจ้าเสน่ห์อย่างไรอย่างนั้น ต่างกับหนุ่มหัวยุ่งเสื้อกล้ามที่ช่วยเธอทำความสะอาดห้องเมื่อเช้า

คนที่เดินมาพร้อมกันคือณวัตร เพื่อนของดนัยวุธ มีดีกรีความหล่อไม่แพ้กัน นิสัยดูเหมือนจะดีกว่า แต่ยังแปลกใจ ทำไมผู้หญิงเมื่อเป็นแฟนณวัตรแล้ว พอเจอกับดนัยวุธก็ทิ้งมาหาหมอนี่ทุกที

แม้จะมีเรื่องขัดกันเรื่องผู้หญิง แต่ทั้งสองคนยังคบเป็นเพื่อนกันได้ เธอไม่เข้าใจผู้ชายเลยจริง ๆ ถ้าเป็นผู้หญิงคงไม่มองหน้ากันอีกเลย

ดนัยวุธวางกระดาษเอสี่แม็กติดกันสองแผ่นลงตรงหน้า หญิงสาวรู้หน้าที่ตัวเองดี หยิบข้อมูลที่น่าจะเรียกว่าแค่หัวข้อรายงานขึ้นมาดู ขี้เกียจบ่นในความฉุกละหุกของงาน เมื่อเช้าก็ทีหนึ่งแล้ว ยังมีนี่มาอีก

“ส่งเมื่อไร” เธอถามก่อนที่สองหนุ่มจะนั่งลงตรงข้าม

“อาทิตย์หน้า”

ดีจัง เธอยังพอมีเวลา

“พรีเซนต์เมื่อไร”

นายจ้างเริ่มเหล่หญิงรอบข้างตอบ “วันที่สามหลังจากส่ง”

หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel