บท
ตั้งค่า

ถูกลงโทษ

ตึง “ทะ ท่านอาจารย์” ต้าเหนิงคุกเข่าลงกับพื้นเสียงดัง มู่เฉียงเบ้หน้าเจ็บปวดแทนนางทันที

“ยังดีที่เจ้ายังรู้ว่าข้าเป็นอาจารย์ งานของเจ้าเล่าอยู่ที่ใด”

ต้าเหนิงอยากจะกรีดร้องออกมา นางลืมนำงานไปส่งก่อนเดินเข้ามาในห้องเรียนหรือเนี่ย

“นี่ขอรับ ข้าน้อยลืมเอาไปส่งที่ห้องทำงานของอาจารย์” นางเอ่ยตอบเสียงเบา ก่อนจะยื่นงานที่ทำเสร็จแล้วให้อาจารย์ฟ่าน นางอุตส่าห์ลุกขึ้นมาทำ จนนางต้องมีสภาพเช่นที่พวกเขาหยอกล้อนางอยู่ในตอนนี้

“หลังเลิกเรียนวันนี้เจ้าอยู่กวาดถูห้องเรียนด้วย แยกย้ายไปนั่งที่ได้แล้ว”

มือทั้งสองข้างของนางทิ้งอยู่ข้างลำตัวอย่างไร้เรี่ยวแรง เป็นเช่นที่ท่านพ่อว่า นางต้องหลีกเลี่ยงตัวสร้างปัญหาพวกนี้เสียให้หมด

เต๋อซิ่วเดิมทีก็นั่งอยู่ด้านหลังของห้องเรียน แต่วันนี้เขาย้ายมานั่งอยู่ด้านหลังของต้าเหนิง ทั้งยังก่อกวนนางตลอดทั้งสองชั่วยามไม่เลิก หากไม่ใช้ด้ามพู่กันเขียนหลังนาง ก็ขยำกระดาษขว้างปาใส่นางเล่นโดยไม่สนใจสิ่งที่ท่านอาจารย์ฟ่านกำลังสอน

เป็นนางที่ทำพลาดไปเสียทุกที ตอนที่ต้าเหนิงกำลังจะปากระดาษกลับคืนเขาไป อาจารย์ฟ่านก็หันมาพอดี

“อาเฉิง!!! เดี๋ยวนี้เจ้าเป็นอันใด หากคิดว่ามีความรู้มากแล้ว ไม่ต้องการเรียน เจ้าออกไปคุกเข่ารออยู่ด้านนอก อย่าทำให้บัณฑิตผู้อื่นเสียการเรียน”

ต้าเหนิงเม้มปากแน่นอย่างไม่ยินยอม ดวงตาทั้งสองข้างของนางแดงก่ำเมื่อต้องอดกลั้นข่มโทสะเอาไว้ ซูกวนกับอู๋หลางที่จะอ้าปากแก้ต่างแทนนางก็ถูกสายตาข่มขู่ของเต๋อซิ่วตวัดมองเอาไว้

“ขอรับ” นางก้มหน้าเดินออกไป โดยไม่คิดจะแก้ต่างสิ่งใดให้ตัวเอง หากนางเงยหน้าขึ้นมาจะเห็นแววตาของสหายทั้งสองที่มองมาอย่างปวดใจ

คนอื่นที่อยู่ในห้องแม้จะรู้ว่าต้าเหนิงไม่ได้รับความเป็นธรรม พอเป็นฝีมือของเต๋อซิ่วผู้ใดจะกล้าออกหน้าแทนนาง เว่ยซีหมิ่นคู่แค้นของเสิ่นเฉิงได้แต่ยกยิ้มมองนางอย่างสะใจ

พอต้าเหนิงเดินผ่านโต๊ะเรียนของเขา เว่ยซีหมิ่นก็ยื่นขาออกมาขวางเอาไว้จนต้าเหนิงที่โกรธแค้นจนไม่ได้สนใจท่าทางของคนอื่น สะดุดล้มไปกองอยู่ที่พื้น สร้างความอับอายให้นางเพิ่มขึ้นอีกหลายส่วน

“คุณชายเสิ่น เจ้าเดินเช่นใดกันถึงได้ล้มหน้าทิ่มพื้นเช่นนี้”

เสียงหัวเราะของกลุ่มเว่ยซีหมิ่นดังขึ้นไปทั่วทั้งชั้นเรียน

“เงียบ!!! ห้องเรียนใช้สถานที่ ที่พวกเจ้าเล่นสนุกกันได้รึ”

ต้าเหนิงลุกขึ้นตบฝุ่นที่ไม่มีอยู่จริงบนชุดออก นางหันไปมองเว่ยซีหมิ่นอย่างโกรธแค้น ก่อนจะเดินออกไปนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องเรียน

ยังเหลือเวลาอีกเกือบชั่วยาม แต่นางต้องทนนั่งคุกเข่าที่ไม่เคยได้นั่งนานเช่นนี้มาก่อน น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เมื่อครู่กลับทรยศนาง มันไหลออกมาโดยที่นางก็บังคับไม่ได้ นางจำต้องเช็ดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ แล้วนั่งคุกเข่านิ่งๆ

หัวเข่าเดิมที่ล้มกระแทกเมื่อครู่ก็เจ็บจนเกินจะทนไหว ยังต้องมานั่งคุกเข่าบนพื้นไม้แข็งๆ เย็นๆ อีก สร้างความทรมานให้ต้าเหนิงไม่น้อยเลย

กว่าชั้นเรียนจะเลิก ร่างกายของต้าเหนิงก็แทบทนรับความทรมานไม่ไหวแล้ว พออาจารย์ฟ่านเอ่ยให้นางลุกขึ้น แข้งขาของนางก็ไม่มีแรงจนเกือบจะล้มไปกองกับพื้น ยังดีที่อู๋หลางเข้ามาช่วยประคองเอาไว้ได้ทัน

“อาเฉิง เจ้าไม่เคยทำตัวเช่นนี้ ต่อไปอย่าได้กระทำอีกเล่า อาจารย์มิอยากจะลงโทษเจ้าเลย” อาจารย์ฟ่านส่ายหัวเล็กน้อย หากไม่ลงโทษเสิ่นเฉิงศิษย์รัก จะทำให้บัณฑิตร่วมชั้นคนอื่นที่เขาลงโทษมาโดยตลอด คิดว่าอาจารย์เช่นเขาไร้คุณธรรม

“ขอบคุณอาจารย์ที่สั่งสอน ข้าจะจำเอาไว้ขอรับ” ตลอดเวลานางไม่คิดจะเงยหน้าขึ้นมาเลย

พออาจารย์ฟ่านเดินห่างออกไปแล้ว กลุ่มของเว่ยซีหมิ่นที่กำลังจะเดินเข้ามาเยาะเย้ย อยู่ ๆ เขาก็ล้มกลิ้งกับพื้นเสียงดังลั่นไปทั่วห้องเรียน จนต้าเหนิงที่ก้มหน้าอยู่ในตอนแรกต้องเงยหน้าขึ้นไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

นางเห็นเต๋อซิ่วเพิ่งจะชักเท้าของเขากลับคืนมา พร้อมทั้งมองมาที่นางด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย

“หึหึ คุณชายเว่ย ขาเจ้าเป็นอันใดไป เหตุใดถึงได้อ่อนแรงเช่นนี้ ต้องเรียกหมอหลวงมาดูอาการเจ้าหรือไม่” มู่เฉียงโบกพัดอยู่ด้านข้างของเว่ยซีหมิ่น แม้ปากจะเอ่ยถามออกมาอย่างเป็นห่วง แต่ดวงตาของเขากลับมองมาที่ร่างบนพื้นอย่างเย้ยหยัน

“มะ ไม่ พ่ะย่ะค่ะ” เว่ยซีหมิ่นจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของผู้ใด แต่ตนจะมีปัญญาไปโต้ตอบเต๋อซิ่วหรือ

ต้าเหนิง รู้ว่าเต๋อซิ่วแก้แค้นเว่ยซีหมิ่นให้นาง แต่นางก็ไม่รู้สึกขอบคุณเขาสักนิด เรื่องทั้งหมดเป็นเขาที่ทำให้นางต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ นางก้มหน้าเดินกลับเข้าไปในห้องเรียน ขาของนางสั่นจนผู้อื่นสังเกตได้ แต่นางก็ยังฝืนเดินไปถึงที่นั่งของนาง เพื่อเก็บของแล้วจะได้ทำความสะอาดชั้นเรียนต่อ

“ไปหาหมอหลวงก่อน” เต๋อซิ่วดึงแขนของนางเอาไว้

“ขอบพระทัยความเมตตาขององค์ชายห้า แต่ข้าน้อยคงรับเอาไว้ไม่ไหว” นางดึงมือของเขาออกจากแขนของนาง

“อาเฉิง หัวเข่าของเจ้าเลือดออก ทำตามที่น้องห้าว่าดีหรือไม่” มู่เฉียงเอ่ยขึ้นมาอีกคน ทั้งหมดเป็นความผิดของน้องห้าของเขา หากไม่ออกหน้าด้วยเห็นจะน่าละอายเกินไป

ต้าเหนิงก้มลงมองหัวเข่าของตนเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาราวกับว่านางไม่ได้เจ็บปวดเช่นที่พวกเขาคิด

“กระหม่อมมิได้เจ็บปวดเพียงนั้น ขอบพระทัยองค์ชายสี่พ่ะย่ะค่ะ” นางดึงแขนเต๋อซิ่วจนหลุดออก ก่อนจะเดินไปเก็บของที่โต๊ะของนาง

เมื่อเห็นว่าต้าเหนิงไม่ยอมรับน้ำใจของตน เต๋อซิ่วก็เดินออกไปจากห้องเรียนอย่างหัวเสีย พวกอู๋หลางจึงได้เข้ามาดูนางด้านในแทน

"อาเฉิงให้พวกข้าอยู่ช่วยดีหรือไม่ เจ้าจะทำความสะอาดผู้เดียวได้อย่างไร” อู๋หลางร้องถามอย่างเป็นกังวล

“ข้าทำได้ พวกเจ้ารีบไปกินมื้อเที่ยงเถิด ประเดี๋ยวต้องเข้าเรียนอีกหน”

“หากเจ้าทำผู้เดียว เจ้าจะเอาเวลาที่ใดไปกินข้าวเล่า วันนี้มีเรียนขี่ม้า เจ้าจะขึ้นม้าไหวหรือ” ซูกวนร้องออกมาอย่างร้อนใจ

“เชื่อข้า พวกเจ้าไปเถิด หากอาจารย์ฟ่านรู้เข้าว่าพวกเจ้าช่วยข้า ข้าคงได้ทำความสะอาดเพิ่มอีกหลายวัน”

ซูกวนกับอู๋หลางเห็นด้วยกับคำพูดของต้าเหนิง ทั้งสองจำต้องออกไปพร้อมกับคนอื่น ตอนนี้ภายในห้องจึงเหลือนางเพียงลำพัง ความอดกลั้นของต้าเหนิงพังทลายลงทันที นางก้มหน้าลงกับโต๊ะก่อนจะสะอื้นออกมาเบาๆ

เหตุใดเรื่องบ้าๆ ทั้งหมดถึงถูกโยนเข้ามาใส่หัวของนางได้ นางต้องทนทรมานสวมใส่ชุดบุรุษที่ต้องรัดหน้าอกเอาไว้เสียจนแทบจะหายใจไม่ออก ยังต้องเรียนรู้สิ่งที่นางไม่ชื่นชอบมากมาย บาดแผลที่หัวเข่าที่เจ็บปวด ไหนจะความคิดถึงเป็นกังวลเรื่องพี่ชายอีก

“คุณชาย” เสี่ยวชุนยื่นผ้าเช็ดหน้าส่งให้ต้าเหนิง

เสี่ยวชุนเห็นตั้งแต่ที่ต้าเหนิงนางถูกลงโทษแล้ว แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในห้องเรียนเขาไม่เห็น และไม่อาจยื่นมือเข้ามายุ่งได้ แต่นอกห้องไม่ใช่

“เสี่ยวชุน ข้าไม่ยุ่งกับผู้ใดแล้ว เหตุใดข้าถึงต้องถูกกระทำด้วยเล่า เมื่อก่อนท่านพี่ก็โดนเช่นนี้ใช่หรือไม่” นางอดนึกถึงพี่ชายของนางไม่ได้ เขามีความสุขที่ได้เรียนในสำนักศึกษา แต่นางมองไม่เห็นเลยว่ามีตรงใดที่มีความสุขกัน

“อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ขอรับ” เสี่ยวชุนมองเตือนนาง เพื่อไม่ให้นางเอ่ยเรื่องเสิ่นเฉิงขึ้นมาอีก

ต้าเหนิงได้แต่เม้มปากแน่น นางรับผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาออก ก่อนจะรีบลงมือทำความสะอาด หากช้ากว่านี้นางจะกินข้าวกลางวันไม่ทันไปเข้าเรียน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel