บท
ตั้งค่า

ต้องดูให้เห็นกับตา

แม่นมถิงเห็นเสี่ยวชุนแบกต้าเหนิงกลับจวนมา ก็ตกใจจนต้องรีบพานางเข้าไปสำรวจในเรือนว่าได้รับบาดเจ็บที่ใด จินเหรินเองก็ได้รู้จากบ่าวแล้วเช่นกัน ว่าเสิ่นเฉิงบาดเจ็บกลับมา

“เหตุใดถึงได้เจ็บตัวกลับมาทุกวันเลยเล่าเจ้าคะ” นางมองหัวเข่าที่เริ่มบวมช้ำของต้าเหนิงอย่างปวดใจ

“ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว ท่านหมอหลวงกู้มาตรวจอาการให้แล้ว เทียบยาก็อยู่ที่เสี่ยวชุน แม่นมให้สาวใช้ไปจัดการต้มยาให้ข้าเถิด”

“บ่าวจะไปขอร้องนายท่านให้คุณหนูเลิกไปสำนักศึกษา” แม่นมถิงทำท่าจะเดินออกไป แต่ถูกต้าเหนิงนางรั้งเอาไว้เสียก่อน

“อย่าเลยแม่นม ข้าทนได้ ต่อไปท่านพี่จะต้องเข้าสอบขุนนาง ข้าจะทำให้ความฝันของท่านพี่กับท่านพ่อพังลงได้อย่างไร”

“แต่ว่า...”

“ไม่ต้องแต่แล้ว ข้าอยากล้างตัว ท่านไปสั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำเถิด”

ตกดึกคืนนั้น ต้าเหนิงมีไข้ขึ้นสูงจนนางไม่อาจลุกขึ้นไปเรียนได้ จื่อหานจึงให้บ่าวที่จวนไปแจ้งลาหยุดที่สำนักศึกษาให้นาง

อาจารย์ฟ่านที่ได้ยินสิ่งที่บ่าวจวนเสิ่นขอลาหยุดให้กับเสิ่นเฉิง ใบหน้าของเขาก็ซีดขาวทันที ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะลงมือกับศิษย์รักหนักเกินไปเสียแล้ว อาจารย์ฟ่านได้แต่โทษตนเองที่ลืมนึกไปว่าเสิ่นเฉิงเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเมืองซีเจียงได้เพียงไม่กี่วัน อีกทั้งศิษย์ผู้นี้ยังไม่เคยทำเรื่องใดให้เขาต้องปวดหัวเช่นศิษย์คนอื่นมาก่อน เสิ่นเฉิงคงไม่มีความจำเป็นจะต้องแกล้งให้ตนเองล้มป่วยอย่างแน่นอน

สิ่งที่บ่าวจวนเสิ่นมาบอกกล่าวอาจารย์ฟ่าน สหายร่วมชั้นของต้าเหนิงนางล้วนแต่ได้ยิน ซูกวนกับอู๋หลางจึงปรึกษากันว่าวันนี้จะต้องไปเยี่ยมดูอาการที่จวนเสิ่นเสียหน่อย

เต๋อซิ่วที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าห้องเรียนก็ได้ยินเช่นเดียวกับผู้อื่น เขาหมุนกายกลับออกไปที่ประตูสำนักศึกษาอย่างรวดเร็ว

“น้องห้าเจ้าจะไปที่ใด” มู่เฉียงร้องเรียกเอาไว้อย่างร้อนใจ เห็นๆ อยู่ว่าอาจารย์มาถึงแล้ว แต่น้องชายตัวดีก็ยังจะไปที่ไหนก็ไม่รู้

“ไม่ต้องตามมา” เขาเอ่ยออกมาโดยไม่หันมามอง

มู่เฉียงได้แต่ถอนหายใจ แล้วเดินเข้าไปภายในห้องเรียน องค์ชายสี่เป็นบุตรที่เกิดจากสนมขั้นผิน เดิมนางก็เป็นนางกำนัลรับใช้ฮองเฮาที่ติดตามมาจากบ้านเดิม ภายหลังยกขึ้นถวายตัวรับใช้ฮ่องเต้ แต่ยามที่นางคลอด มู่เฉียง นางเสียชีวิตจากการคลอดบุตรลำบาก มู่เฉียงจึงถูกเลี้ยงดูอยู่ข้างกายฮองเฮา พร้อมกับองค์รัชทายาทและเต๋อซิ่ว

เต๋อซิ่วหยุดยืนมองป้ายหน้าจวนตระกูลเสิ่นอย่างลังเล ว่าควรจะเข้าไปดูหรือไม่ ตัวอักษรบนป้ายหน้าจวน เป็นลายพระหัตถ์ของเสด็จพ่อของตน ในเมืองหลวงขุนนางที่จะได้รับความเมตตาเช่นนี้มีไม่มากนัก เพียงเท่านี้ก็รู้แล้วว่าเสนาบดีเสิ่นเป็นที่เมตตาของฮ่องเต้มากเพียงใด

“คุณชายมาพบผู้ใดหรือขอรับ” บ่าวหน้าประตูเอ่ยถามออกมาอย่างแปลกใจ เมื่อเห็นบุรุษหนุ่มวัยสิบเจ็ดสิบแปดหนาว หยุดยืนมองอยู่ที่หน้าจวนนิ่ง

“เสิ่นเฉิง ข้าเป็นสหายของเขา”

“คุณชายคงมาเยี่ยมคุณชายใหญ่ใช่หรือไม่ขอรับ ตอนนี้คุณชายใหญ่ยังไม่ฟื้นเลยขอรับ” บ่าวชราถอนหายใจออกมาอย่างเห็นใจ ไม่รู้ว่าจวนเสิ่นไปเหยียบเท้าเทพองค์ใดเข้า คุณชายของตนจึงได้มีสภาพเช่นนี้

“ยังไม่ฟื้น แล้วตามหมอมาดูอาการหรือยัง”

“หมอเข้าออกจวนตั้งแต่เมื่อคืนแล้วขอรับ เมื่อเช้าก็มาแล้วหน เพิ่งจะกลับไปก่อนหน้าท่านมาได้ไม่นาน”

“ข้าจะเข้าไปดูด้านใน”

“เช่นนั้น ข้าน้อยคงต้องไปแจ้งฮูหยินเสียก่อน”

องครักษ์ข้างกายของเต๋อซิ่วเริ่มจะทนไม่ไหว บ่าวชราผู้นี้ช่างไม่กลัวตาย ปล่อยให้องค์ชายห้ายืนรออยู่ที่หน้าจวนได้อย่างไร

“เดี๋ยว ท่านผู้นี้คือองค์ชายห้า หลี่เต๋อซิ่ว เจ้าจะปล่อยให้องค์ชายรอเช่นนี้ได้หรือ”

“เสี่ยวจิ้ง ถอยไป” เต๋อซิ่วปรายตามององครักษ์อย่างตำหนิ แต่ก็แฝงไปด้วยความพอใจ ที่เขาออกหน้าให้เช่นนี้

“บะ บ่าว บ่าวมีตาหามีแววไม่ ไม่รู้ว่าพระองค์คือองค์ชายห้า” เขาคุกเข่าตัวสั่นเทาไปด้วยความหวาดกลัว

“ลุกขึ้น เจ้าไปรู้ข้าจะทำอันใดได้ จะให้เข้าไปได้หรือยัง”

“ชะ เชิญ เชิญเสด็จพ่ะย่ะค่ะ”

เสี่ยวจิ้งได้แต่ถอนหายใจ เดิมทีองค์ชายก็ต้องการให้เขาเอ่ยปากตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่รู้จะวางมาดให้ผู้ใดดู ยิ่งไม่รู้ว่าองค์ชายจะทิ้งการเรียนเพื่อมาดูสหายล้มป่วยผู้นี้เพื่ออันใด ยามนี้ฮ่องเต้ยิ่งขุ่นเคืองเรื่องการเรียนขององค์ชายห้าอยู่

พ่อบ้าน แม่นมถิงต่างเร่งฝีเท้าออกมารับเต๋อซิ่ว เมื่อรู้ว่าเขามาเยือนโดยมิได้บอกกล่าว

“องค์ชายห้า คุณชายของบ่าวยามนี้ยังไม่รู้สึกตัว แต่ท่านหมอหลวงกู้เอ่ยว่าไม่มีสิ่งใดน่ากังวล เพียงแค่มีไข้สูงกับร่างกายเหนื่อยล้าก็เท่านั้น ไว้พระองค์ค่อยมาเยี่ยมใหม่ดีหรือไม่เพคะ” แม่นมถิงจะปล่อยให้เต๋อซิ่วเข้าไปเยี่ยมต้าเหนิงในห้องนอนของนางได้อย่างไร อีกทั้งจินเหรินก็ย้ำเตือนนางไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนต้าเหนิงในจวน

ยามนี้แม้แต่ผ้ารัดหน้าอกก็ไม่อาจจะรัดไว้เช่นในยามปกติได้ หมอกู้ที่ถูกเชิญตัวมาตรวจร่างกายของต้าเหนิงตั้งแต่เมื่อคืน ก็ทะเลาะกับจื่อหานเสียใหญ่โต เรื่องที่ จื่อหานกล้าเปลี่ยนตัวบุตรชายกับบุตรสาวเช่นนี้

“อาหาน เจ้าไม่กลัวรึว่าฝ่าบาทรู้เข้าจะมีโทสะมากเพียงใด” หมอหลวงกู้เอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมา

“อาหยาง ข้าไร้สิ้นหนทางแล้ว ตอนนี้คนของตระกูลเสิ่นและตระกูลหลิว ต่างก็ออกตามหาอาเฉิงอยู่ อย่างไรข้าก็ยังเชื่อว่าบุตรชายจะต้องกลับมา”

หึ เจ้าเพียงมีอนุคลอดบุตรชายให้เจ้าสักคน มันยากเพียงนั้นเลยรึ”

“ข้าทำไม่ได้ หากไม่นับเรื่องที่สาบานกับท่านพ่อตาเอาไว้ อย่างไรข้าก็ไม่อาจทำให้เหรินเออร์นางเสียใจได้ อีกอย่าง...ข้าไม่ต้องการรับจ่างกงจู่เข้าจวนตระกูลเสิ่น” แววตาของจื่อหานหม่นหมองลง เขาสิ้นหนทางแล้วจริงๆ จึงได้กระทำเช่นนี้ออกไป

“เอาเถิด เรื่องนี้ข้าจะปิดเป็นความลับให้เจ้า แต่ข้าไม่รับปากว่าหากผู้อื่นรู้จะหุบปากสนิทได้เช่นข้าหรือไม่ เจ้าบริจาคค่าธูปเทียนให้มากเสียหน่อย เพื่อขอให้อาเฉิงเดินทางกลับมาที่เมืองหลวงในเร็ววันเถิด” สุดท้ายหมอหลวงกู้ก็ต้องยอมปกปิดเรื่องของต้าเหนิงให้จื่อหานอย่างเลี่ยงไม่ได้

“เหตุใดถึงเข้าไปดูไม่ได้ หากมิได้เห็นกับตาว่าสหายของข้าไม่เป็นอันใด ข้าก็คงมิอาจกลับไปได้อย่างวางใจ” เต๋อซิ่วยกเอาเหตุผลเรื่องที่เขากลั่นแกล้งเสิ่นเฉิงจน ต้องล้มป่วยนักมาเป็นข้ออ้างในใจ ตัวเขาไม่อาจยอมรับออกมาได้ตรงๆ ว่าคิดเป็นอื่นกับบุรุษด้วยกัน

แต่น่าแปลก เมื่อก่อนก็ไม่เคยมีความคิดที่จะสนใจเสิ่นเฉิงสักครั้ง แต่หลังจากที่สำนักศึกษาเปิดเรียนอีกครั้ง เขาอดจะยอมรับในใจไม่ได้ว่า เสิ่นเฉิงมีบางสิ่งที่ดึงดูดเขาจนไม่อาจจะละสายตาได้

“เอ่อ...หรือว่าองค์ชายรอให้นายท่านเดินทางกลับมาก่อนดีหรือไม่เพคะ” พ่อบ้านส่งบ่าวไปแจ้งจื่อหานแล้ว ว่าองค์ชายห้าเสด็จมาที่จวน

“ไม่ต้อง ข้าดูให้เห็นกับตาก็จะกลับแล้ว นำทาง"

“ช้าก่อนเพคะองค์ชายห้า มิใช่ว่าหม่อมฉันไม่อยากให้พระองค์ไปเยี่ยมอาเฉิงที่เรือนพัก แต่ว่า...อาการของอาเฉิงมิสู้ดี กลัวว่า...จะทำให้พระองค์ติดไข้เพคะ” จินเหรินเดินเข้ามาขวางเอาไว้ได้ทัน

“ข้าจะไม่เข้าใกล้คุณชายเสิ่นเด็ดขาด เพียงแค่ให้เห็นกับตาว่าไม่ได้เป็นอันใดมากข้าก็จะกลับทันที อ้อ...ข้าเองก็มีส่วนที่ทำให้คุณชายเสิ่นต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้”

เมื่อเต๋อซิ่วปิดทางปฏิเสธกับจินเหริน นางก็ได้แต่กระอักกระอ่วน ได้แต่หวังว่าสามีจะรีบเดินทางกลับมาช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทัน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel