บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 กระท่อมรัก

4

กระท่อมรัก

หัวใจที่พองโตจนคับแน่นไปทั่วทรวงอกนั้นเป็นอย่างไร แดนดินก็เพิ่งรู้จักในตอนนี้ เวลาที่เจ้าของร่างสวยและหวานหยาดเยิ้มเอ่ยเอื้อนด้วยน้ำเสียงหวานๆ เจือสั่นสะท้าน คล้ายจะยั่วยวนชวนสวาทด้วยความไร้เดียงสา กลีบปากที่พูดเอ่ยออกมาก็หวานล้ำเหมือนคำพูด ชักชวนให้ต้องนั่งลงแล้วดึงตัวเธอขึ้นนั่งบนตัก ก่อนจะบรรจงจูบมอบรางวัลให้กับสาวน้อยที่เขาหลงใหล

ณัฐรินทร์ส่งเสียงครางออกมาเมื่อถูกจูบรุนแรงเรียกร้องเสียจนปากเธอแทบจะบวมเจ่อ ทว่าหญิงสาวกลับรู้สึกพึงพอใจ คล้องลำคอเขาด้วยสองมือเบียดกายาแนบชิดอย่างยั่วเย้า

ชายหนุ่มแทบจะคำรามออกมาชิดเรียวปากนุ่ม กิริยาอาการของเธอมันทำให้สติที่มีเหลือเพียงน้อยนิดขาดผึง แดนดินกอดรัดฟัดเหวี่ยงรุกเร้าเธอเต็มที่ หญิงสาวเองก็ไม่อิดออด แถมยังเสนอตัวด้วยการเอนแอ่นให้ร่างทอดโค้งลงกับฟูก

แดนดินไม่ถามหาความแน่ใจเพราะกลัวเธอจะเปลี่ยนใจดื้อๆ ไฟพิศวาสนั้นแผดเผาจนร่างร้อนดั่งไฟ

มือใหญ่ถลกชายเสื้อยืดของเธอจนพ้นศีรษะ ตาคมเป็นประกายยามจับจ้องเนินอกอวบใต้บราเซียสีขาว เธอสวยเหมือนที่คิดไว้ และคงหวานไปทุกตารางนิ้ว

ริมฝีปากของแดนดินจรดลงบนเนินอก ไล้เรียวลิ้นไปตามขอบเสื้อชั้นในตัวจิ๋วให้สาวเจ้าสะท้านเหมือนหนาวเหน็บ ปลายนิ้วเกี่ยวสายเสื้อชั้นในเล็กๆ ลงไปตามลาดไหล่เปลือยเปล่า ทุกวินาทีนั้นมีค่าเหมือนลมหายใจของณัฐรินทร์ที่กระเส่าร้อน

บราเซียสีขาวสะอาดหลุดออกจากเรือนร่าง ทรวงอกสวยผุดผาดกระจ่างชัดอยู่ในแววตาคม แดนดินกระแทกลมหายใจก่อนใช้สองมือประคองบีบนวด แล้วฉกปลายลิ้นเลียวนไปรอบๆ ป้านถัน

“อ๊ะ!” เสียงของณัฐรินทร์อุทานออกมาอย่างตกใจ เธอไม่เคยถูกใครทำแบบนี้ นั่นมันคือริมฝีปากไม่ใช่ฝ่ามือรสสัมผัสจึงแตกต่าง

ชายหนุ่มดูดกลืนเม็ดทับทิมสีชมพู รสชาติของมันหวานเหมือนสี มันนุ่มหยุ่นจนต้องบีบเบาๆ เขาดูดดุนจนเธอเจ็บแปลบเพราะแปลกใหม่ ปลายลิ้นช่ำชองลากความเปียกชื้นไปทั่วเนินอิ่ม บางครั้งปลายยอดก็ครูดไปกับไรฟันให้สะดุ้งเป็นครั้งคราว

เอวเล็กแอ่นโค้งบิดเร่าเหมือนต้องการอะไรบางอย่าง มันเป็นกิริยาตามธรรมชาติที่เธอปฏิเสธไม่ได้ สองมือใหญ่ลูบคลึงแผ่นท้องแบนราบ สอดมือเข้าใต้แผ่นหลังเพื่อดันหน้าอกให้สูงขึ้น

“ซี้ดดด”

ณัฐรินทร์กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ หน้าตาของเธอคงดูไม่ได้เพราะเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก กายสาวร้อนฉ่าเหมือนถูกไฟลน ไฟดวงนั้นก็คือเขานั่นเอง

แดนดินจับมือเล็กทั้งสองข้างตรึงไว้บนฟูก เลื่อนตัวลงต่ำเพื่อซุกไซ้ริมฝีปากไปบนหน้าท้องซึ่งแขม่วลงทันที เขาจูบหลุมสะดือตื้นๆ ตวัดลิ้นปลุกเร้า ก่อนจะวกขึ้นมาซุกไซ้ร่องทรวงอย่างหลงใหล

ณัฐรินทร์บิดกายเร่าร้อน ต้นขาของเธอถูกแยกออกจากกัน กำลังคิดถึงความอุ่นร้อนที่เกิดขึ้นกลางหน้าขา เต้าทรวงก็ว่างเว้นจากสัมผัสรุกเร้า ใบหน้าคมจัดกดต่ำลงผ่านขอบกางเกงขาสั้นสีน้ำตาล ต่ำลงอย่างช้าๆ กระทั่งริมฝีปากของเขาแตะเข้ากับเนินนางที่ยังไม่รู้จักสัมผัสจากชาย

“พี่แดน...” คราวนี้เธอร้องเรียกชื่อเขาเสียงกระเส่า ความอุ่นร้อนที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติผสมผสานกับไอร้อนจากริมฝีปากที่ทาบไปทั่วเนินสาว แม้จะมีกางเกงขวางกั้นก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆ

มือของเธอเกร็งกระตุกและถูกปล่อยให้เป็นอิสระจนสามารถดึงทึ้งเส้นผมของเขาได้ ส่วนมือชายนั้นวนเวียนอยู่กับขอบกางเกง ปลายนิ้วช่ำชองสะกิดกระดุมออก รูดซิปและดึงลงผ่านปลายเท้าอย่างช้าๆ ตอนนี้ณัฐรินทร์ก็กลั้นหายใจเช่นกัน

“โหนกนูนอะไรขนาดนี้”

ให้ตายเถอะ! เขาไม่เคยเจอผู้หญิงที่มีคลังสมบัติใหญ่สวยขนาดนี้มาก่อน หลังเต่าตัวน้อยแต่อุดมสมบูรณ์อวบอ้วนน่ารักน่าชัง

“อย่ามอง” เธออายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน ไม่เข้าใจนั่นคือคำชมหรืออะไร

“ของสวยๆ แบบนี้ ถ้าพี่ไม่มองก็บ้าแล้วล่ะค่ะ”

ณัฐรินทร์หลับตาพริ้มไม่กล้ามอง ไม่กล้าสบตาคมที่สว่างไสวอยู่ในความมืด แดนดินหัวเราะในลำคอกับความไร้เดียงสาอันน่ารัก เขากดใบหน้าลงเคล้นคลึงกับเนินนารี และต้องสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดเมื่อพบว่ามันหอมแค่ไหน

“อ๊า!!” ณัฐรินทร์หวีดร้องระทดระทวยเหมือนขี้ผึ้ง ทั้งปากลิ้นและปลายจมูกโด่งครูดไปมาอยู่บนความสาวที่แสนหวง เธอจะตายอยู่แล้ว ยิ่งเขาแนบชิดไอร้อนๆ บางอย่างก็ยิ่งรวยรินออกมาจากร่องสาวจนรู้สึกได้

“หอม”

แดนดินฝังใบหน้าสูดดมกลิ่นสาวและตวัดลิ้นเลียไล้นอกร่มผ้าอยู่นอน กระทั่งปลายนิ้วแหวกขอบกางเกงชั้นในเพื่อให้เห็นเนื้อแท้

“ไม่ค่ะพี่แดน...โอว์”

หญิงสาวพยายามหนีบขาเข้าหากันด้วยความอายจับจิต หากเขามองก็ต้องเห็นน้ำอุ่นๆ ที่มันรินไหลออกมา

ทว่า...

แดนดินกลับแนบปากลงบนกลีบกายสาวชุ่มฉ่ำน้ำ แล้วตวัดปลายลิ้นไปรอบๆ เลียไล้น้ำค้างที่หลั่งออกมาเป็นสาย

“อ๊ะ พี่...พี่...แดน...”

ความเสียวเสียดถาโถมเข้าหาเธออย่างบ้าคลั่ง ชนิดที่ไม่เคยรู้จัก และไม่คิดว่าจะได้เจอ กลีบกายบอบบางของรักของหวงถูกเชยชม ลิ้นชายที่ป่ายปัดไปทั่วทุกซอกหลืบกำลังฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น

“ซี้ดดดด พอ...พี่แดน...พอ...”

เธอกำลังจะทนไม่ไหว ยิ่งเขาซกซนสอดเรียวลิ้นเข้าหาร่องหลืบ ลึกเข้าไปถึงช่องแคบๆ เธอก็ยิ่งจะขาดใจ ลมหายใจติดขัด ทรวงอกกระเพื่อมโยนรุนแรง ความเสียดเสียวแผ่วงกว้างไปทั่วร่างจนเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมา

แดนดินตั้งหน้าตั้งตาดื่มด่ำน้ำหวานจากร่องสาว ดวงตาเขาเท่านั้นที่เหลือบขึ้นมองหญิงสาวซึ่งกำลังจะขาดใจ เขาเห็น แต่ไม่ยอมหยุด เหมือนจงใจจะฆ่าเธอให้ตายทั้งเป็น

ณัฐรินทร์บิดกายเร่าๆ เหมือนกิ้งกือถูกน้ำร้อนลวก และแล้วมวลปรารถนาที่ก่อขึ้นในช่องท้องก็แตกโพละ

“กรี๊ดดด” เธอส่งเสียงดังทันที สมองพร่าเลือนเบลอเบาไปหมด กายสั่นเกร็งกระตุกเป็นริ้วๆ แล้วรีบใช้มือดันศีรษะของแดนดินออกห่าง คราวนี้ชายหนุ่มยอมถอนใบหน้าออก

“มีความสุขใช่ไหมคะ”

“แฮ่กๆ” ณัฐรินทร์ทิ้งตัวลงหอบหายใจจนตัวโยน ถึงกับพูดไม่ออก สติสตังแตกกระเจิงไม่รู้ทิศทาง

แดนดินฉวยโอกาสที่หญิงสาวกำลังเหนื่อยอ่อนค่อยๆ ถอดกางเกงชั้นในตัวน้อย ณัฐรินทร์เบิกตากว้างเมื่อผ้าชิ้นน้อยหลุดจากปลายเท้า ร่างของเธอกำลังเปลือยเปล่าจริงๆ เสียแล้ว

“พี่แดน...ยังไม่พออีกหรือคะ”

“ยังค่ะ นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น”

“เริ่มต้น!!”

ณัฐรินทร์ยังโวยวายไม่จบ แดนดินก็ถอดกางเกงอวดร่างกายอย่างชัดเจนท่ามกลางแสงจันทร์ เธอจึงมองเขา มองแบบเผลอไผล มองจ้องไม่วางตา ตั้งแต่ใบหน้าต่ำลงมายังแผงอกแสนเซ็กซี่ มองไรขนที่เรียงแถวหายเข้าไปในขอบกางเกงชั้นในสีดำ

ลมหายใจเธอเริ่มจะติดขัดอีกแล้ว เมื่อสายตาเจ้ากรรมกำลังตกที่นั่งลำบาก มันไม่อาจละจากส่วนสัดที่พุ่งเหยียดมาข้างหน้า แก้มนวลแดงปลั่งรู้ดีว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่ไม่รู้ว่าพิษสงของมันจะรุนแรงร้ายกาจแค่ไหน

แดนดินทำเสียงบางอย่างในลำคอ แล้วกระตุกชั้นในชายออกจากร่าง

ณัฐรินทร์หลับตาปี๋ไม่กล้ามอง เธอได้ยินเสียงเขาหัวเราะและไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่านั้นจึงปรือตาขึ้น สิ่งที่เห็นคืองานศิลปะในยุคสมัยโรมันหรือไงกัน ทำไมพี่แดนของเธอช่างหล่อเหลาเช่นนี้

บึกบึน

มีกล้ามเป็นมัดๆ

ปกป้องเธอได้แน่ๆ

แดนดินทิ้งน้ำหนักลงทาบทับ จงใจให้เรือนร่างเสียดสีกัน เขาเห็นเธอเบิกตากว้างและทำปากห่อเล็ก เห็นความอยากรู้อยากเห็นในแววตาคู่สวย ยิ่งไปกว่านั้นมือน้อยๆ ของเธอกำลังจิกบ่ากว้างของเขาเสียแน่น

“อย่าเกร็งเด็กน้อย ไม่มีอะไรต้องกลัว ไว้ใจพี่นะคะ”

แดนดินจูบลาดไหล่นวลเปลือยเปล่าเป็นเชิงปลอบโยน ลากจูบผ่านแอ่งชีพจรสูงขึ้นไปบนเนินอก ทักทายดูดกลืนยอดถันทั้งสองข้าง เขาทำซ้ำๆ จนเธอครางโหยก่อนจะเลื่อนกายต่ำลงอย่างช้าๆ

ณัฐรินทร์สวยเหลือเกิน สวยอย่างกับนางฟ้านางสวรรค์ เขายิ่งรักยิ่งหลงใหลเธอมากขึ้นไม่ใช่เพราะเรือนร่างงามเท่านั้น แต่เพราะเธอตัดสินใจมอบสิ่งที่มีค่ามากที่สุดให้กับเขา แดนดินเคยคิดไว้ว่าตราบใดที่เธอยังไม่มีครอบครัว เขาจะเทียวไล้เทียวขื่อเหมือนน้ำหยดลงหิน สักวันเธอจะใจอ่อน นั่นคือความคิดไม่ใช่การกระทำ เหมือนตอนนี้แค่ลงมือทำตามใจปรารถนา สาวน้อยก็โอนอ่อนเข้าหาอย่างวางใจ

จูบของแดนดินวนเวียนอยู่เหนือเนินสามเหลี่ยมเกลี้ยงเกลา เต่าน้อยตัวนี้สวยงามเหลือเกิน เขาซุกไซ้ทักทายมันด้วยปลายลิ้น หญิงสาวก็ตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า จิกทึ้งฟูกนอนไปมา

“ซี้ดดด”

เขาทำอะไรเธอ ไฟอะไรที่มันร้อนฉ่าขนาดนี้ ปลายลิ้นที่เลียไล้ไปทั่วทุกตารางนิ้วนั้นทำให้เธอคลั่ง กลีบเนื้ออวบอิ่มถูกกัดงับจนเธอสะดุ้งเฮือกแล้วทิ้งตัวลงนอนแผ่หรา

แดนดินดูดติ่งเกสรให้น้ำหวานหลั่งรินก็กลืนกินมันทุกหยาดหยด ตวัดลิ้นลวนลามความกระเส่าระบายไปทั่วเรือนร่าง แทรกสอดเข้าไปในร่องรักที่คับแน่น

“อ๊ะ...อ๊า” เสียงร้องของเธอยิ่งทำให้ใจชายเต้นกระหน่ำ บั้นท้ายขาวแอ่นหยัดอย่างทรมาน มันส่ายไปมาจนต้องใช้มือประคองเพื่อดื่มด่ำความหวานแสนหอมตรงหน้า

ณัฐรินทร์มีใบหน้าบิดเบี้ยวเสียวกระสันตามอารมณ์ที่คุกรุ่น ลิ้นของเขาสากระคาย ปากของเขาดูดดุนติ่งเนื้อของเธอราวกับมันเป็นหลอด ทำให้เธอเหงื่ออาบเพราะอารมณ์ที่ฉุดขึ้นสูง

และแล้วธารปรารถนาก็แตกฮือเข้าสูงอุ้งปากชายที่รอคอยอยู่แล้ว

แดนดินดึงตัวขึ้นสูงจูบซับเรียวปากอิ่ม พุ่งลิ้นที่ติดเต็มไปด้วยรสชาติของเธอสู่อุ้งปากหวาน เขากำลังทำให้เธอหมุนคว้างเป็นลูกข่าง กายหนาที่เสียดสีนั้นเริ่มขยับหนักหน่วง ท่อนเอ็นทักทายร่องสาวจนเธอแทบจะคลั่งอีกระลอก หลังจากนั้นไม่นานกลีบปากหวานก็ถูกจูบซับพร้อมๆ กับร่องเนื้อที่ถูกท่อนเอ็นเบียดเข้าหา

“อื้อ...” เสียงของณัฐรินทร์อื้ออึงอยู่ในโพรงปากหนา กลีบเนื้อบอบบางคล้ายจะฉีกขาด ความเจ็บปวดเกิดขึ้นในทันที เธอได้แต่ร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ทว่าเสียงของเธอไม่หลุดลอดออกมาให้ใครได้ยิน

มันเกิดขึ้นอย่างเชื่องช้าแต่หนักหน่วง ในที่สุดเธอก็ห่อหุ้มความเป็นชายของเขาได้จนหมดสิ้น

“อาห์...” แดนดินคำรามในอก เธอมหัศจรรย์เหลือเกิน ทันทีที่สอดแทรกตัวตนเข้าไป เขาก็แทบระบายความอัดอั้นออกมาไม่เป็นท่า

ตาสบตา หัวใจที่พูดไม่ได้ก็ส่งสัญญาณเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน แดนดินเกลี่ยเส้นผมที่ระลงมาตามหน้าผาก ก่อนจะจูบหน้าผากเกลี้ยงๆ แล้วเริ่มขยับตัวตนไปตามครรลอง

“พี่แดน...”

ณัฐรินทร์ไม่เจ็บอีกแล้ว มีแต่ความตึง ความหน่วง และความอึดอัดแนบแน่นที่ไม่คาดคิดจะได้เจอ มันเต็มไปด้วยความรู้สึกอันหลากหลาย ความสุขสมที่ยากจะบรรยาย

ทุกจังหวะท่วงท่านั้นเน้นหนัก สะโพกที่ห่มโยกลงมาเหมือนจะตราตรึงเธอไว้กับเขา

“ที่รัก โอว์...”

ณัฐรินทร์กอดร่างหนาเท่าที่จะทำได้ ต้องการระบายความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลออกมา ความเสียดเสียวที่กำลังโจมตีอย่างบ้าคลั่งเหมือนพายุทอร์นาโดพัดกระหน่ำ

แดนดินเก็บกักทุกหยาดหยดแห่งความสุข กระทั้นเรือนกายอย่างรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ณัฐรินทร์บีบรัดตัวตนเขาแน่นมาก แน่นเสียจนเขาเกือบจะพวยพุ่งเสียตอนนี้

“พี่แดนขา ไม่ไหวแล้ว...นุ่มไม่ไหวแล้ว”

มันคือความรุนแรงที่กำลังฆ่าเธออย่างเลือดเย็น แต่ในทางตรงกันข้าม มันกลับทำให้เธอยอมตายไปพร้อมกับความสุขนั้น

“อีกนิดที่รัก พี่ขออีกนิด”

ณัฐรินทร์ถูกจับให้นอนตะแคงข้าง ก่อนที่ร่องรักจะถูกเสียบจากทางด้านหลัง เธอไม่เห็นหน้าเขาหากจะไม่เหลียวกลับไปมอง ริมฝีปากอุ่นจัดจูบปากอิ่มอย่างดูดดื่ม มือใหญ่กอบกุมเต้าทรวงสล้างและเคล้นคลึงไปมา

“ใกล้แล้ว นุ่มใกล้แล้ว”

แดนดินเร่งความเร็วเต็มที่ โจนจ้วงเข้าสู่ร่องสาวอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างที่หวังไว้ก็พบจุดจบ ชายหนุ่มหญิงสาวจูงมือกันขึ้นสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

แสงสว่างที่ส่องผ่านเข้ามาจากทางหน้าต่างปลุกให้ณัฐรินทร์ตื่นขึ้นมานั่งนิ่งอยู่บนฟูก ร่างของเธอมีเพียงผ้าห่มคลุมไว้ ยืนยันว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เธอลุกขึ้นใช้ผ้าห่มพันกายมองออกไปนอกหน้าต่าง แดนดินกำลังวิ่งจ็อกกิ้งอยู่ที่ชายหาด ณัฐรินทร์ยกมือขึ้นเสยผม เวลานี้เธอไม่ใช่ณัฐรินทร์คนเดิมอีกต่อไป

‘นุ่มจ๋า ที่รักของพี่แดน’

ถ้อยคำเว้าวอนแสนหวานยังดังอยู่ในโสตประสาทรับรู้

รอยยิ้มบางๆ ผุดขึ้นที่มุมปาก ก่อนเธอจะยกมือขึ้นโบกรับกับคนข้างนอก

สามีของเธอเอง

แดนดินเห็นณัฐรินทร์ก็วิ่งมาหา ณัฐรินทร์ออกมายืนบนระเบียงเล็กๆ ของกระท่อมและโน้มตัวลงจูบแดนดินอย่างที่เขาต้องการ เธอคือนางฟ้าที่เดินออกมาจูบเขาในยามเช้าสินะ

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ หลับสบายดีไหมคะ”

พี่แดนก็ยังพูดหวานกับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย

“สบายดีค่ะ พี่แดนล่ะคะ”

“มีความสุขมากเลยล่ะค่ะ”

แก้มสาวซับสีเลือดขึ้นมาทันที ปลายนิ้วของแดนดินเกลี่ยไปมาบนความเนียนนุ่ม หยุดลงที่เรียวปากอิ่มซึ่งเขารู้ว่ามันหวานแค่ไหน

“อยากเล่นน้ำทะเลไหมคะ”

“มาเที่ยวทะเลทั้งทีจะไม่อยากเล่นน้ำทะเลได้ยังไงล่ะคะ”

แดนดินถอยห่างไปเล็กน้อยแล้วผงกศีรษะเชิญชวนณัฐรินทร์ให้ลงไป เธอกลับเข้าไปในกระท่อมเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเดินลงจากกระท่อม

ร่างสูงลงไปแหวกว่ายอยู่ในสายน้ำอย่างมีความสุข เขาดูผ่อนคลายจนน่าอิจฉา ณัฐรินทร์ถอดเสื้อเหลือแต่บราเซียกับกางเกงขาสั้น มันไม่ใช่บราลูกไม้จึงไม่น่าอายนักหากจะใส่บราเซียลงเล่นน้ำ

“พี่แดน!!” ตะโกนเรียกชายหนุ่มสุดเสียง

ผู้ถูกเรียกได้ยินก็รีบว่ายกลับมาหา เจอเธอยืนยิ้มให้ก็เป่าปากหวือ

“เรียกซะดังลั่น ตกใจหมด”

“กลัวไม่ได้ยินนี่คะ ฮิๆ”

“หัวเราะได้แบบนี้ สบายใจขึ้นมากแล้วสินะคะ”

เขาพยายามไม่บีบบังคับเธอจนเกินไป พยายามทำให้เธอผ่อนคลายไม่ตึงเครียด แดนดินไม่อาจคาดเดาได้ว่า ณัฐรินทร์จะลืมดลชัยไปหรือยัง จึงทำทุกอย่างให้เธอจดจำเขาในแบบที่เธอต้องการ

“กลับบ้านคราวนี้ เราจะไม่เหมือนเดิมแล้วใช่มั้ยคะ”

“ขึ้นอยู่กับน้องนุ่มคนเดียวค่ะ”

“พูดอย่างกับพี่แดนจะเป็นเหมือนเดิม คือ...พี่แดนจะเป็นพี่ชายนุ่มเหมือนเดิมหรือคะ”

“ไม่มีทางเด็ดขาด น้องนุ่มเป็นเมียพี่รู้ตัวแล้วใช่มั้ยคะ น้องนุ่มไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เป็นเมียพี่แล้ว อย่าหวังว่าพี่จะปล่อยน้องนุ่มไป”

“พี่แดน...เรื่องที่เกิดขึ้น...พี่แดนไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบนะคะ”

“จำเป็นสิคะ จำเป็นมากด้วย”

กลับไปก็เจออุปสรรคมากมาย ณัฐรินทร์อยากชวนให้เขาอยู่กับเธอที่นี่ เธอยอมพักการเรียนแม้ว่าจะใกล้สอบเต็มที เธอไม่อยากกลับไปเผชิญหน้ากับคนที่ตีค่าเธอเป็นของเน่าต่ำตม ความทรงจำในครั้งนั้นมันลืมยาก เธอจะพยายามลืมแต่คงต้องขอโอกาส ขอเวลาเพื่อลืม

“ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครรังแกเมียพี่ได้อีก”

“ทุกคนจะยอมรับเราหรือคะ”

คนที่ณัฐรินทร์กลัวที่สุดไม่ใช่คุณนายถนอมศรี แต่เป็นท่านนายพลวิศรุตบิดาของแดนดินต่างหาก

“คิดมากไปหรือเปล่าคะ หรือน้องนุ่มมีอคติกับพี่จึงคิดวุ่นวายแบบนี้” คนตัวโตอดคิดมากตามไม่ได้

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ นุ่มกับแม่ เราอยู่บ้านหลังเล็กๆ ตรงข้ามคฤหาสน์หลังใหญ่ ฐานะเราต่างกันมากนะคะ พี่แดนมีอนาคตไกลแต่นุ่ม...”

“อนาคตของนุ่มก็คือเมียนายทหาร ไม่ว่าพี่จะมีอนาคตไกลแค่ไหน นุ่มก็ยังเป็นเมียนายทหารคนนี้อยู่วันยังค่ำ เลิกคิดถึงเรื่องไม่เป็นเรื่องเถอะค่ะ หัวใจพี่ พี่ไม่มีทางยอมให้ใครบงการนอกจากตัวพี่เองแน่นอน”

ณัฐรินทร์โถมตัวเข้าใส่ร่างหนาที่อ้าแขนรอรับอยู่แล้ว เธอจะฝากชีวิตเอาไว้กับผู้ชายคนนี้ได้สินะ

ภาพของดลชัยค่อยๆ เลือนหายไปโดยมีภาพของแดนดินซ้อนทับ และดูเหมือนเขาจะมีอิทธิพลต่อหัวใจดวงน้อยๆ ของเธอมากกว่าดลชัยเสียอีก เธอเงยหน้าขึ้นหมายจะจูบปลายคางแต่กลายเป็นว่าถูกเขาจูบเสียเอง ท่ามกลางสายลมแสงแดด ร่างของณัฐรินทร์ก็อุ่นจัดเช่นกัน

“แบบนี้พี่ไม่อยากลงเล่นน้ำแล้วสิคะ”

เธอช้อนนัยน์ตาขึ้นสบประกายตาซุกซนของเขา แล้วปล่อยให้มือใหญ่ลูบไปทั่วแผ่นหลัง

“ถ้าไม่อยากเล่นน้ำ แล้วจะเล่นอะไรดีล่ะคะ”

หญิงสาวจงใจยั่วยวนเขาเต็มที่ ดวงตาของเธอฉายแววเซ็กซี่น่ารัก และนั่นก็ทำให้แดนดินกระแทกลมหายใจออกมาก่อนจะดึงเธอลงไปในน้ำให้ลึกกว่านี้

มือชายสอดเข้าไปในกางเกงขาสั้นเพื่อลูบคลึงเนินนารีอย่างที่ใจคิด หญิงสาวโอบกอดลำคอหนาเผยอริมฝีปากให้เขาจุมพิตอย่างดูดดื่ม เธอปล่อยให้เขาจุ่มจ้วงปลายนิ้วเข้ากับร่องกุหลาบ เอื้ออำนวยความสะดวกให้ด้วยการแยกขากว้างๆ กางเกงตัวนี้ของเธอขาค่อนข้างบานจึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขาสักเท่าไหร่

“อาห์...ซี้ดดด” เริ่มจะมีเสียงครางเล็ดลอดออกมาจากปากอิ่ม

ภายในสายน้ำที่สาดซัดเป็นเกลียวคลื่น นิ้วแกร่งบดขยี้ติ่งกระสัน แหวกกลีบเนื้ออุ่นๆ ให้เขาสอดนิ้วเข้าสู่ภายใน ร่างสาวเกร็งขึ้น ใบหน้าแหงนเงย สะโพกกระดกแอ่นสู้มือ

“โอว์...พี่แดนขา”

เธอครวญคราง นิ้วมือของเขาทำให้ขาของเธอสั่นพั่บๆ แดนดินจึงประคองต้นขาข้างหนึ่งไว้ ให้เธอโอบรอบลำคอพยุงตัวเอง และส่งปลายนิ้วบดขยี้ติ่งกระสันอย่างต่อเนื่อง

ณัฐรินทร์ร้อนวาบไปทั้งตัว ส่วนสัดความเป็นสาวเสียวเสียดและอึดอัด เธอแขม่วหน้าท้องเกร็งร่าง ยอดถันก็ชูชันอยู่ใต้ร่มผ้าเสียดสีกับเนื้อผ้าจนมันซ่านสยิวไปเอง

เธออยากยกมือขึ้นบีบเคล้นเต้าทรวงแต่ปล่อยมือจากลำคอเขาไม่ได้ เปลือกตาของเธอหลับพริ้มสู้แสงแดด เอวของเธอส่ายวนตอบรับเรียวนิ้วซุกซนเป็นจังหวะ

แดนดินเหลือบตามองไปรอบๆ ก่อนจะก้มหน้าลงดูดกลืนเม็ดยอดที่แข็งดันเนื้อผ้าขึ้นมา เขาดูดดุน ตวัดโบกด้วยปลายลิ้น ขบเม้มอย่างหยอกเย้า ใช้ไรฟันกัดลงไปให้เธอสะท้านสะดุ้งจนอยู่ไม่สุข

“ซี้ดดด ไม่ไหวแล้วค่ะพี่แดน”

ถ้านี่จะเป็นการขอความเห็นใจก็คงไม่แปลก เพราะตอนนี้ณัฐรินทร์ใกล้จะขาดใจตายอยู่รอมร่อ

แดนดินกระทุ้งปลายนิ้วเข้าออกเหมือนกำลังขยับโยกสะโพกของตัวเอง นิ้วหัวแม่มือก็ยังบดคลึงเกสรสาว น้ำลื่นๆ ที่หลั่งออกมาปะปนกับน้ำทะเล บอกให้รู้ว่าเธอใกล้จะถึงจุดสุดยอดแล้ว

“กรี๊ดดดด” ณัฐรินทร์กรีดร้องสุดเสียง เนื้อตัวสั่นระริกเหมือนคนเป็นลมชัก ทว่าสีหน้าที่เต็มไปด้วยเลือดจนเป็นสีแดงแตกต่างจากหน้าคนใกล้จะเป็นลมเหลือเกิน

แดนดินกัดปลายคางมน ฝังหน้ากับซอกคอแล้วดูดผิวเนื้อบริเวณนั้นจนเกิดรอยแดงจ้ำ เขายิ้มนิดๆ มองผลงานของตัวเองก่อนจะถอนใบหน้าขึ้นแล้วปล่อยมือจากร่างสาว

ณัฐรินทร์มองชายหนุ่มที่กำลังว่ายน้ำหนีเธอ หญิงสาวเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันก่อนจะโผตัวว่ายน้ำตามไป ทั้งคู่ว่ายน้ำเล่นสลับกับมอบความหวานให้แก่กันละกันจนแทบลืมเวลา

“ผู้พันกินข้าวได้แล้วค่ะ” เสียงของป้าบัวลอยมาตามลม แดนดินและณัฐรินทร์จึงขึ้นจากน้ำ

คุณนายแก้วเกล้ามองประตูรั้วเล็กๆ ของบ้านตรงข้ามอย่างตัดสินใจที่จะไม่กดออดถือวิสาสะผลักประตูที่ไม่ได้ล็อกเข้าไป เจ้าของบ้านคงจะเปิดไว้รอบุตรสาวกลับมา หัวอกคนเป็นแม่ก็คงไม่แตกต่างกันสักเท่าไหร่ และที่เธอมาก็เพราะเรื่องนี้

“คุณฉวี” ผู้มีทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิมากกว่าเรียกเจ้าของบ้านซึ่งกำลังเก็บกวาดบ้านทั้งที่มันก็สะอาดอยู่แล้ว

“อ้าว! คุณนาย มีอะไรหรือเปล่าคะ”

แต่ดูท่าฉวีวรรณจะไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนที่ลูกสาวหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว

“ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ” และแม้ยศถาบรรดาศักดิ์จะไม่เท่าเทียมกัน คุณนายแก้วเกล้าก็ไม่เคยเรียกจิกหัวใครๆ เหมือนคุณนายถนอมศรี

“เรื่องอะไรคะ”

“คุณดูไม่เป็นทุกข์เป็นร้อนที่หนูนุ่มหายตัวไป” คุณนายเข้าเรื่อง

ฉวีวรรณมีสีหน้าครุ่นคิดขึ้นมาทันที

“ไม่มีแม่คนไหนไม่เป็นห่วงลูกหรอกค่ะ แต่ที่อิฉันไม่โวยวายและรอยคอยอย่างสงบก็เพราะแน่ใจว่าน้องนุ่มจะปลอดภัย”

“คุณรู้เหรอคะว่าหนูนุ่มอยู่ที่ไหน”

“ไม่ทราบหรอกค่ะ แต่อิฉันเห็นนุ่มไปกับผู้พันแดนดิน เท่านี้อิฉันก็ไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงไม่ใช่หรือคะ”

“อ้อ...ที่แท้คุณก็เห็น ถ้างั้นฉันก็ต้องขอโทษแทนลูกชายของฉันด้วย ที่พาหนูนุ่มไปค้างอ้างแรมที่อื่นโดยไม่ขออนุญาตก่อน”

“ผู้พันคงมีเหตุผลถึงทำแบบนี้ค่ะ”

ฉวีวรรณยิ้มน้อยๆ เธอดูออก ผู้พันหนุ่มรูปงามรู้สึกอย่างไรกับณัฐรินทร์ แต่ผู้พันก็รักษาระยะห่างมาโดยตลอด เป็นสุภาพบุรุษที่แม่ทุกคนคงต้องการเป็นลูกเขย ทว่าณัฐรินทร์จะเล่นด้วยหรือเปล่านั้นก็ยังไม่แน่ใจ

“มันเกิดเรื่องขึ้นที่บ้าน แล้วแดนดินก็เลยพาหนูนุ่มออกไปข้างนอก ฉันก็คิดว่าจะกลับค่ำ แต่นี่หายกันไป ติดต่อก็ไม่ได้ เกรงว่าทางคุณจะเสียหาย และคนเป็นแม่ก็คงร้อนใจที่ลูกสาวไม่กลับบ้าน”

“ถ้านุ่มไปกับผู้พัน อิฉันก็หมดห่วงค่ะ” ฉวีวรรณตอบอย่างมั่นใจ

“ฉันเป็นแม่แดนดินก็ดีใจที่ได้ยินแบบนี้ แต่ก็ยังเป็นห่วงชื่อเสียงของหนูนุ่มอยู่ดี”

“อย่าห่วงเลยค่ะคุณนาย เราไม่ได้มีชื่อเสียงเกียรติยศอะไรให้น่าห่วง”

“ถ้าตาแดนทำอะไรไม่ดีไม่งามกับหนูนุ่ม ฉันจะรับผิดชอบทุกอย่าง”

“เรื่องนี้อิฉันคิดว่าผู้พันต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องอยู่แล้วล่ะค่ะ อย่าห่วงเลยนะคะคุณนาย เมื่อวานได้ทานต้มสายบัวไป อร่อยมั้ยคะ”

คุณนายแก้วเกล้าถอนใจ ฉวีวรรณไม่รู้เรื่องอะไรจริงๆ หรือนี่

“ยังไม่ได้ทานหรอกจ้ะ มันเกิดเหตุขึ้นเสียก่อน แล้ววันนี้ทำอะไรทานล่ะจ๊ะ ให้ฉันร่วมวงด้วยได้มั้ย”

ฉวีวรรณใจกระตุกไปนิดหน่อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่แล้วเธอก็เชื้อเชิญคุณนายแก้วเกล้าให้ทานมื้อกลางวันด้วยกัน มีอาหารพื้นบ้านง่ายๆ ทำไว้ตั้งแต่เช้า หากแต่คุณนายไม่รังเกียจที่จะกินของบ้านๆ เหลือๆ ก็เชิญรับประทานด้วยกัน

คนอย่างคุณนายแก้วเกล้าเป็นเมียนายทหารยศสูงถึงนายพล แต่คุณนายก็ยังติดดินไม่เรื่องมากเหมือนคุณนายถนอมศรี รายนั้นช่างเลือก ต้องอาหารจากร้านดังๆ ราคาแพงๆ หรือไม่ก็ต้องทำเองเท่านั้น

ฉวีวรรณไพล่คิดไปถึงบุตรสาวป่านนี้จะอยู่แห่งหนใดและทำอะไรอยู่ เธอแน่ใจณัฐรินทร์ต้องสบายดี แต่ไม่แน่ใจจะสบายใจด้วยหรือเปล่า เพราะเมื่อครู่คุณนายแก้วเกล้าหลุดปากออกมาในเรื่องที่เธอไม่รู้ มันทำให้ฉวีวรรณนึกเป็นห่วงณัฐรินทร์อยู่เหมือนกัน ห่วงว่าเกิดอะไรขึ้น ผู้พันแดนดินจึงต้องพาน้องไปข้างอ้างแรมที่อื่น แน่นอนผู้พันต้องมีเหตุผลดีๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ทำอะไรแบบนี้

ฉวีวรรณลอบมองคุณนายแก้วเกล้า ลองผู้เป็นแม่มาเจรจาแบบนี้ณัฐรินทร์ก็คงไม่พ้นเป็นสะใภ้บ้านใหญ่แน่ๆ

พระอาทิตย์อัสดงส่องแสงสีส้มทองจับขอบฟ้า มองไปเบื้องหน้าลิบๆ เห็นแผ่นดินใหญ่ที่มีภูเขาเป็นลายน้ำอยู่ข้างหลัง แต่หลังทิวเขาลูกนั้นก็มีแสงสีส้มคล้อยต่ำจงกลืนหายไปหลังเขา

ณัฐรินทร์อยู่ในอ้อมแขนของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีทางพฤตินัย ส่วนนิตินัยนั้นเธอไม่คาดหวัง เธอไม่ใช่คนหัวสูง ไม่หยิ่งผยองอยากได้อยากมี เธอมีแค่หัวใจที่จะอุทิศให้ความรัก รักที่เปลี่ยนจากดลชัยมาเป็นแดนดิน หรือบางที...เธออาจจะไม่เคยรักดลชัยเลยก็เป็นได้ เพราะความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้แดนดินกลับไม่เหมือนอยู่ใกล้ดลชัยเลยสักนิด

เธอลืมตาขึ้นมองศีรษะที่ปกคลุมได้เส้นผมตัดสั้นสีดำสนิทแนบอยู่กับทรวงอกเปลือยเปล่าของตน ผู้ชายคนนี้หล่อเหลาปานเทพบุตรกรีก ผิวของเขากร้านแดดแต่ไม่ดำ เป็นผิวของชายที่ชอบตากแดดเป็นประจำ เขามีโครงหน้าเหลี่ยมคมไม่สะดุดตาเท่าดลชัย แต่มีความน่ามองชนิดที่ถอนสายตาไปได้ยาก ดวงตาของเขาเข้มจัด หน่วยตาค่อนข้างกว้างมีแพขนตาหนาตรงปกคลุม

มือน้อยยกขึ้นลูบไล้เรือนผมสีดำของเขา ปลุกให้เจ้าของขยับซุกไซ้หน้าอกหน้าใจของเธอไปมา เล่นเอาคนที่ตั้งใจลูบไล้ต้องขวยเขินและร่อนระอุขึ้นเป็นลำดับ

แดนดินเงยหน้าขึ้นเพื่อมองป้านถันประดับเชอรี่ตรงกลางอย่างชอบใจ ก่อนจะก้มลงดูดจ๊วบๆ เหมือนเด็กทารกตัวน้อยๆ เขาไม่สนใจจะเงยหน้าสบตาเธอ เพราะมีอะไรน่าสนใจกว่าเยอะ ซึ่งหญิงสาวก็ได้แต่ส่งเสียงครางกระเส่าดังขึ้นเรื่อยๆ

“อาห์...”

ณัฐรินทร์จิกทึ้งเรือนผมดำเมื่อเขากำลังทำให้เธอเสียวสยิวไปทั้งตัว มือชายนั้นลูบคลำไปทั่วร่าง แล้วแหวกกลีบกุหลาบให้แยกออกจากกัน ไม่มีการพูดคุยเจรจา ไม่ยอมให้เธอตั้งหลัก

“อ๊ะ!!”

หญิงสาวต้องแยกขากว้างเมื่อถูกผลักต้นขาออกจากกัน ก่อนที่หัวเข่าจะคุดคู้ยกขึ้นแนบลำตัวโดยมีมือใหญ่ดันตรงข้อเท้าเล็ก มันทำให้เธอรู้สึกโล่งวาบไปทั่วหน้าท้อง ลมเย็นๆ ปะทะกลีบเนื้อชุ่มฉ่ำจนเย็นวาบ เพิ่มความกระสันให้รูขุมขนเตรียมเปิดกว้าง

แดนดินเลื่อนตัวลงตวัดลิ้นเลียกลีบเนื้อนุ่ม จาบจ้วงในบางที อ่อนโยนในบางครั้ง ปลายลิ้นเกร็งแข็งเพื่อสอดเข้าไปในร่องรัก ลากไล้จากติ่งเสียวด้านหน้าไปถึงร่องสวาทด้านหลัง

“โอย...” เธอครางเหมือนเจ็บปวด ทั้งที่ความจริงแทบขาดใจ

“พี่แดนขา...”

แดนดินขานรับริมฝีปากชิดร่องเนื้อแสนหอม

“ขา...ที่รัก”

“ไม่พักสักนิดเลยหรือคะ”

แดนดินกะพริบตา ก่อนหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอ

“พักไปแล้ว” เขาค้าน และชิวหากลีบเนื้ออุ่นต่อเนื่อง

“ซี้ดดด อื้อ...แป๊บเดียวเอง”

พิษสงของเรียวลิ้นที่ปาดพิษไปทั่วซอกขา เน้นหนักที่ซอกหลืบแสนมหัศจรรย์ ไม่สนใจว่าร่างขาวจะแดดิ้นเหมือนถูกน้ำร้อนลวกขนาดไหน

“โอยยย...พี่แดน เสียว...นุ่มเสียว”

“ถ้านุ่มไม่เสียว แล้วพี่จะเลียทำไม”

ณัฐรินทร์ประท้วงเสียงแหลมเล็ก บิดกายเร่าๆ อย่างร้อนรน บั้นท้ายกระดกยกลอยขึ้นสูงอัดแน่นแนบเรียวปากหนา ร่องสวาทถูกปิดทางด้วยปลายลิ้นของยอดชาย เขาทำเธอกลั้นหายใจแล้วหอบแฮ่กๆ ทำให้ทรวงอกเธอขยายใหญ่และแฟ่บลง

แดนดินดื่มด่ำกับน้ำหวานเนิ่นนานจนเธอกระตุกเร่าๆ แผ่นหลังลอยพ้นพื้น

“อ๊า!!!”

หญิงสาวทิ้งตัวลงแนบแก้มลงกับหมอนหอบหายใจจนตัวโยน รสสวาทของเขาเร่าร้อนดั่งไฟจนเธอแทบสิ้นเรี่ยวแรงไปหมด

แดนดินฉุดมือเล็กให้ลุกขึ้นนั่งคร่อมหน้าขาเขา ความเป็นชายถูกร่องเนื้ออุ่นจัดครอบสนิท หญิงสาวผู้อ่อนเปลี้ยก็ขยับเคลื่อนตัวไปมาราวกับว่าเรี่ยวแรงนั้นคืนกลับมาอีกครั้ง

“ดีมาก...สวยมากที่รัก นมเด้งดีจังทูนหัว”

ชายหนุ่มจับจุดได้ เอ่ยชมหญิงสาวที่กำลังสะบัดเรือนร่างไปมา แน่นอนคนถูกชมต้องฮึดมีแรงสู้ต่อ ณัฐรินทร์ก็เช่นกัน เธอวางมือบนหน้าท้องแข็งๆ เพื่อยกบั้นท้ายขึ้นและกดลงราวกับติดสปริง

เรือนร่างขาวผ่องกระเด้งกระดอนเหมือนเรือเล็กที่ลอยอยู่บนเกลียวคลื่น ผมยาวสลวยนั้นสะบัดพลิ้วไหว ดวงหน้าเหยเกด้วยความเสียวซ่านรัญจวน เต้านมคู่สวยก็สะบัดโยนตามแรงโน้มถ่วงดูจะถูกใจชายหนุ่มใต้ร่างเป็นอย่างมาก ถึงขั้นส่งเสียงแหบๆ และยื่นมือบีบนวดความนุ่มหยุ่นหนักหน่วง

“อูยยยย เก่งที่สุดเลยยาหยี”

แดนดินเสริมดันให้เธอฮึกเหิมตลอดเวลา สะโพกสอบก็สะบัดเสยสอดใส่ยามที่เธออ่อนล้าแรงกำลัง

ชายหนุ่มดึงตัวขึ้นนั่งอ้าขากว้างในขณะที่หญิงสาวก็ยังควบขับไม่ยั้ง เขากอบเต้าทรวงนุ่มหยุ่นบีบขยำพร้อมกับกดริมฝีปากจูบปากอิ่มที่กำลังครางซี้ด

“ซี้ดดด อืมม์”

กว่าผู้พันหนุ่มจะหมดแรง ณัฐรินทร์ก็ร่วงผล็อยเป็นนกปีกหัก เธอถูกช้อนขึ้นมาอีกครั้งเพื่ออาบน้ำชำระร่างกาย

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel