บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 คนของผม

3

คนของผม

คุณนายถนอมศรีกรีดร้องโหยหวนเมื่อเห็นสภาพลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่นอนกองอยู่กับพื้น รีบเข้าไปพยุงคนที่เธอรักปานดวงใจและเลี้ยงดูตามใจมาโดยตลอด ก่อนจะตวัดตาเกรี้ยวกราดใส่แดนดินซึ่งโอบกอดณัฐรินทร์อย่างปกป้อง

“ถือดียังไงถึงทำกับลูกชายฉันอย่างนี้”

คุณนายแก้วเกล้ายังคงตกใจไม่หาย เธอไม่รู้ว่านี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่การที่เห็นแดนดินปกป้องณัฐรินทร์ขนาดนั้นก็ทำให้ต้องฉุกคิด น่าจะเกิดเรื่องร้ายแรง ขนาดทำลูกชายเธอฟิวส์ขาดได้ต้องไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อย่างแน่นอน

“แดนเกิดอะไรขึ้นลูก”

แดนดินหันไปหามารดาทั้งยังมีณัฐรินทร์อยู่ในวงแขน นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลายสบตามารดาผู้เป็นที่รัก ก่อนจะตวัดตามองร่างที่อยู่ในอ้อมแขนของเมียน้อยบิดา

“ผมไม่อยากพูดถึงมันอีก”

เพราะเขาต้องการให้ณัฐรินทร์ลืมเรื่องทั้งหมด

“ไอ้สารเลว แกทำร้ายลูกฉันแล้วยังมีหน้ามาบอกไม่อยากพูดอีกเหรอ ไอ้คนระยำ ฉันจะเอาเรื่องแกให้ถึงที่สุด”

“ผมก็จะเอาเรื่องไอ้ดลเหมือนกัน แล้วมาดูกันว่า ใครจะอยู่ในสังคมต่อไปไม่ได้”

“แดน” คุณนายแก้วเกล้าวางมือทับมือบุตรชายที่ยังโอบกอดณัฐรินทร์ไม่ปล่อย และดูเหมือนเด็กสาวก็ยังไม่พร้อมจะออกห่างจากวงแขนนั้นเช่นกัน

“คุณแม่ครับ ผมไม่มีต้องห่วง คนที่น่าห่วงคือน้องนุ่ม ต่อจากนี้ไป...น้องนุ่มคือผู้หญิงของผม ใครแตะต้องเธออีกรับรองได้ว่าตายศพไม่สวยแน่”

ว่าแล้วแดนดินก็ตวัดขาณัฐรินทร์ขึ้นอุ้ม คุณนายแก้วเกล้ามองอากัปกิริยานั้นอย่างพอจะเข้าใจ เธอดูออกว่าแดนดินหมายมั่นอยากได้ณัฐรินทร์มาครอบครอง แต่ไม่คิดว่าจะจริงจังจนถึงขณะนี้ ก็ไม่มีอะไรเป็นข้อกังขาอีกต่อไป หัวใจของแดนดินเป็นของณัฐรินทร์ไปหมดสิ้น แต่หัวใจของสาวน้อยเล่า คิดอย่างไรกับพี่ชายคนนี้

“แล้วนั่นแดนจะไปไหน”

“อย่าให้ผมต้องอยู่ร่วมบ้านกับคนพวกนี้เลยครับแม่”

“แดนจะพาลูกเต้าเขาไปไหน” เปลี่ยนคำถาม

“พาไปอยู่ในที่ที่เหมาะสมและจะแน่ใจว่าไม่มีใครทำอะไรเธอได้แน่ๆ ครับคุณแม่”

“แต่ลูกเขา...”

“แล้วผมจะไปคุยกับคุณน้าฉวีทีหลังครับ”

แดนดินตัดบทก่อนจะอุ้มณัฐรินทร์พาไปขึ้นรถ หญิงสาวยอมปล่อยมือออกจากคอยามที่ก้นติดเบาะรถ เธอสบนัยน์ตาคมซึ้งที่มองมาอย่างเป็นห่วงจับใจ การเงียบมานานทำให้เขาเป็นห่วงกลัวเธอจะช็อกจนขาดสติ แต่แล้วหญิงสาวก็จัดชายกระโปรงให้เข้าที่เป็นอันว่าเธอยังมีสติพอจะตอบคำถามของเขา

“น้องนุ่มจะไปกับพี่ไหมคะ”

ณัฐรินทร์ไม่ตอบ แต่พยักหน้ารับคำ

“อยากไปไหมคะ ถ้าไม่อยากไปพี่จะไม่พาไป”

คราวนี้แดนดินให้เวลาเธอได้ตัดสินใจ เขารอคำตอบจากเธอจนเกือบคิดไปว่าหญิงสาวปฏิเสธ และเขาคงทำได้แค่ส่งเธอข้ามฝั่งกลับไปอยู่ในบ้านของเธอเอง

ทว่า...

“น้องนุ่มอยากไปกับพี่แดนค่ะ”

แดนดินผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกแล้วขึ้นประจำที่คนขับ ก่อนจะพาเธอไปจากที่นี่ เขายังไม่มีจุดหมาย และยังไม่วางแผนอันใด เพียงแต่ไม่อยากให้หญิงสาวจมจ่อมอยู่กับภาพความทรงจำอันเลวร้าย

“อยากไปไหนบอกพี่ได้นะคะ”

“อยากไปให้พ้นๆ”

คำตอบของเธอ แดนดินต้องขมวดคิ้ว

“น้องนุ่มมีเรียนไหมคะพรุ่งนี้”

“ไม่มีค่ะ”

“งั้นเราไปเที่ยวทะเลกันดีไหมคะ พี่จำได้ว่าน้องนุ่มชอบทะเลมาก”

ณัฐรินทร์ขยับตัวเงยหน้ามองเขา

“พี่แดนจำได้หรือคะ”

แดนดินแค่นยิ้ม ดีใจที่อย่างน้อยๆ ณัฐรินทร์ก็ยอมพูดด้วย เขากลัวเหลือเกิน กลัวว่าเธอจะช็อกจนเปลี่ยนเป็นคนละคน ทว่าเห็นแบบนี้แล้วก็สบายใจขึ้นมาก

“พี่จำได้ค่ะ เราเคยไปเที่ยวด้วยกัน ตอนนั้นน้องนุ่มยังเด็กมาก เป็นเด็กตัวเล็กๆ ที่ชอบก่อปราสาททราย และพอทำพังก็เรียกให้คนช่วย”

“พี่แดนพาน้องนุ่มไปนะคะ น้องนุ่มอยากหนีไปอยู่เงียบๆ กับพี่แดนค่ะ”

ก่อนหน้านี้ณัฐรินทร์แทบจะลืมแดนดินไปสนิท เพราะมัวแต่คิดถึงภาพการร่วมเพศของดลชัยกับสาวใช้ ก็ไม่รู้ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น สัมผัสของดลชัยมันน่ารังเกียจ ไม่น่าพิศวาสเลยสักนิด แต่สัมผัสของแดนดินเธอกลับไม่นึกรังเกียจ

นัยน์ตากลมช้อนขึ้นลอบมองโชเฟอร์ที่มุ่งสมาธิในการขับรถ แก้มของเธอจากซีดเปลี่ยนเป็นแดงขึ้นมา หญิงสาวหันหน้าหนีเมื่อเขาเหลือบตามอง ยิ่งเห็นลักยิ้มเล็กๆ นั้นก็ยิ่งอยากเอาหน้าซุกเบาะรถ

แดนดินเองไม่พูดอะไร เขาขับรถไปจนถึงจุดหมายปลายทางในตอนค่ำ และแม้จะขับรถมานานหลายชั่วโมงกลับไม่รู้สึกเมื่อยล้าเลยสักนิด หัวใจของแดนดินกำลังพองโตที่ได้อยู่ใกล้ๆ สาวน้อยผู้เป็นที่รัก

สถานที่ที่แดนดินพาเธอมาพักผ่อนกายใจไม่ได้อยู่บนชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ แต่เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเลซึ่งต้องนั่งเรือมาอีกนับชั่วโมงกว่าจะถึง ทะเลรอบตัวนั้นมืดมิดน่ากลัว เสียงคลื่น เสียงเครื่องยนต์เรือรับจ้าง ทำให้เธอคิดถึงอดีตตอนเยาว์วัย

ทั้งคู่ลงจากเรือรับจ้างซึ่งกลับเข้าฝั่งไปทันที ทะเลแถบนี้สงบเงียบไม่น่ากลัว บางวัน 4 ทุ่มก็ยังมีเรือแล่นข้ามไปมาอยู่เลย

พอเท้าบางๆ เหยียบเม็ดทรายสีหน้าที่แสนเศร้าก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบางๆ

“ที่นี่ที่ไหนคะพี่แดน”

“เกาะพี่”

“หืมม์” เธอมองแขนเขาอย่างงงๆ

“ไม่ใช่ให้เกาะแขนพี่นะคะ แต่เกาะนี้คือเกาะส่วนตัวที่พี่ซื้อไว้สักระยะแล้วค่ะ”

พอได้ยินดังนั้น ณัฐรินทร์ก็มองไปรอบๆ ที่เห็นจะหนาตาคือแนวต้นมะพร้าวที่ทอดยาวเป็นแถว บางต้นตั้งตรง บางต้นก็เอนโค้ง หาดทรายสีขาวละเอียดจนต้องย่อตัวลงเพื่อสัมผัสมันด้วยฝ่ามือ

“คงแพงมาก”

“ไม่เท่าไหร่หรอกค่ะ เป็นเกาะที่ไม่ค่อยมีใครสนใจน่ะค่ะ แต่พี่ชอบ ที่นี่สงบเงียบ บรรยากาศดี”

“มีคนอยู่บนนี้ไหมคะ”

“มีค่ะ เป็นครอบครัวคนเฝ้าเกาะที่พี่จ้างมาเพื่อดูแล”

“โห...ต้องจ้างคนดูแลเลยหรือคะ”

“บางทีถ้าไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อน มันจะเหงามากเลยไม่ใช่หรือคะ พี่ก็เลยจ้างคนให้มาอยู่เป็นเพื่อนกันไงคะ” แล้วคนพูดก็หัวเราะ

“ชิ!!” ณัฐรินทร์แจกค้อนเสียวงใหญ่เพราะรู้ว่าเขาพูดเล่น

แดนดินเดินนำหญิงสาวไปยังกระท่อมไม้ขนาดไม่เล็กมากนักหลังหนึ่ง เป็นกระท่อมที่ไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากนัก นอกจากห้องน้ำในตัว ฟูกนอน หมอน ผ้าห่มและมุ้งกันยุง

“นอนได้ไหมคะ ถ้าไม่ได้พรุ่งนี้พี่จะให้ลุงใหญ่ไปซื้อที่นอนมาใหม่”

ณัฐรินทร์ส่ายหน้า

“ไม่ต้องหรอกค่ะ นุ่มนอนได้ค่ะ”

แดนดินพยักหน้า แล้วเปิดห้องน้ำเข้าไปสำรวจหาสัตว์เลื้อยคลานที่สาวๆ ไม่ชอบ ซึ่งก็ไม่มีให้เห็น เขาเดินออกมาหลังจากทำความสะอาดให้เรียบร้อย

ณัฐรินทร์ถึงกับพูดไม่ออก เรื่องง่ายๆ แค่นี้เธอทำเองได้แต่ไม่คิดว่าเขาจะทำให้ขนาดนี้

“หิวไหมคะ เดินทางมาไกล น้องนุ่มอาจจะหิว”

“นิดหน่อยค่ะ”

“งั้นรอพี่แดนอยู่ที่นี่นะคะ เดี๋ยวพี่จะไปดูลุงใหญ่กับป้าบัวว่ามีอะไรกินบ้าง เรามาไม่ได้บอกล่วงหน้าอาจจะต้องรอสักนิด”

แดนดินหมุนตัวออกจากกระท่อมไม้ ณัฐรินทร์เดินตามออกมา ชายหนุ่มเห็นก็ปล่อยให้เธอเดินตามมาเงียบๆ ได้เจอครอบครัวของลุงใหญ่และป้าบัว คุณลุงคุณป้ามีลูกชายคนหนึ่งอายุ 17 กำลังเป็นวัยรุ่นผิวเข้ม ลูกสาวอีก 2 คน อยู่ในวัยไล่เลี่ยกัน คนหนึ่งอายุ 14 อีกคนอายุ 13 เด็กๆ มีสัมมาคารวะและยิ้มให้ณัฐรินทร์ทุกคน

“ผู้พันไม่โทร.บอกก่อน จะได้เตรียมอาหารไว้ให้พร้อมนี่ครับ”

“โทษทีลุงใหญ่ ผมก็ไม่ได้วางแผนล่วงหน้า และลืมโทร.บอกลุงก่อน เอาเป็นว่ามีอะไรกินก็จัดมาง่ายๆ แล้วกัน”

ป้าบัวได้ยินดังนั้นก็กุลีกุจอเจียวไข่ และต้มยำปลากระป๋องใส่พริกแห้งเผ็ดๆ ให้กิน ตบท้ายด้วยมะพร้าวน้ำหอมคนละลูก

“ที่นี่มีสัญญาณโทรศัพท์ด้วยหรือคะพี่แดน”

“มีเป็นจังหวะค่ะ บางครั้งก็มี บางทีก็เงียบ บางทีก็ถึงขั้นต้องจุดธูปอันเชิญกันเลย”

“พี่แดนน่ะ” หญิงสาวทำหน้าบึ้งเมื่อแดนดินแกล้งอำเธอได้เรื่อยไป แต่พอเห็นสีหน้าและลักยิ้มข้างแก้มแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้

“ถ้าอยากโทร.บอกคุณน้าฉวี พรุ่งนี้พี่จะพาขึ้นฝั่งนะคะ” เขาเดาใจเธอออก

ณัฐรินทร์แค่คิดว่าป่านนี้มารดาเธอคงจะเป็นห่วงมาก ป่านนี้ท่านคงไปถามหาเธอกับคุณนายแก้วเกล้าและคงได้คำตอบที่อาจจะยิ่งทำให้เป็นห่วงมากกว่าเดิม การที่ลูกสาวหายมากับผู้ชายข้ามวันข้ามคืน ไม่ใช่เรื่องดีที่พ่อแม่ควรสนับสนุนให้เกิด แม้มารดาของเธอจะไม่ใช่คุณแม่หัวโบราณ ทว่าลึกๆ แล้วท่านก็คงเป็นห่วงเธอไม่น้อย

“แม่คงไปหากับคุณนายแก้วเกล้าแล้วล่ะค่ะ”

แดนดินแค่นยิ้ม รู้สึกแปลกๆ ทุกครั้งที่ได้ยินณัฐรินทร์เรียกมารดาของเขาแบบนี้ มันฟังดูแล้วห่างเหิน แตกต่างกันทุกอย่าง ซึ่งเขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนี้เลย

“ผู้พันต้องการอะไรเพิ่มไหมคะ เครื่องนอนหมอนมุ้งน่ะค่ะ”

ป้าบัวเป็นห่วงกลัวสาวสวยจะนอนไม่สบาย คิดไปถึงว่าเมื่อวันก่อนซักที่นอนปิกนิกเอาไว้จะได้เอาออกมาใช้

“ขอมุ้งกับหมอนสักใบก็พอป้า”

ณัฐรินทร์มองหน้าคนตอบ

“ได้ค่ะ ฝนเอ๊ย ไปเอาหมอนกับมุ้งมาให้ผู้พันเขาหน่อยซิ”

แดนดินกินข้าวกินปลาจนหมดเกลี้ยงก็ลูบท้องไปมา ในขณะที่ณัฐรินทร์นั้นอิ่มไปก่อนแล้ว และนั่งมองคนกินเพลินตา

“อยากไปเดินเล่นย่อยอาหารหน่อยไหมคะ”

“เอาไว้พรุ่งนี้เช้าดีกว่าค่ะ” เธอตอบเสียงนุ่มและช่วยป้าบัวกับลูกสาวเก็บถ้วยชามไปล้าง มีอ่างซิงค์ล้างจาน มีน้ำสะอาดที่คงเป็นน้ำบาดาลไว้ใช้สอย ทุกอย่างไม่ได้ลำบากลำบนและคนบนนี้ก็เคยชินกับชีวิตที่เรียบง่ายแบบนี้เสมอมา

“พี่สาวเป็นเมียผู้พันหรือคะ” เด็กสาวที่ชื่อฝนเป็นลูกสาวคนโตของลุงใหญ่กับป้าบัวถามเธอ ณัฐรินทร์ถึงกับอึ้งหลุบตามองมือตัวเองอย่างไม่รู้จะตอบว่าอะไร

“ถ้าไม่ใช่ผัวเมียกันก็นอนด้วยกันไม่ได้สิ มิน่าล่ะ ผู้พันถึงเอาหมอนมุ้งเพิ่ม ดีนะที่แม่แกซักเก็บไว้” เด็กสาวดูจากท่าทีอึดอัดของณัฐรินทร์ก็พอจะเข้าใจว่าทั้งคู่ไม่ใช่สามีภรรยากัน

“เอ่อ...” ณัฐรินทร์อ้ำอึ้ง “แล้ว...ถ้าไม่นอนในกระท่อมนั่นจะมีที่ไหนให้นอนอีกล่ะจ๊ะ” เธอถามเสียงอ่อย

“แคร่ไม้ไผ่หน้ากระท่อมไงพี่” เด็กสาวตอบง่ายแสนง่าย

ณัฐรินทร์มองไปยังแคร่ไม้ไผ่ ไม่มีฝา ไม่มีหลังคา แล้วจะกันอะไรได้

“แล้วพี่เป็นอะไรกับผู้พันล่ะ ถ้าไม่ใช่ผัวเมียแล้วเป็นอะไรกันเหรอ เป็นญาติกันหรือพี่”

ความช่างซักช่างถามอยากรู้อยากเห็นของเด็กสาวทำณัฐรินทร์พูดไม่ออก จะบอกเป็นพี่เป็นน้องก็ไม่ใช่เพราะเธอกับเขาเป็นเพียงเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงกันเท่านั้น แล้วจะบอกว่าเป็นอะไรกันดี

“น้องนุ่มคะ ไปนอนเถอะค่ะ ดึกแล้ว”

แดนดินมายืนฟังสองสาวคุยกันนานแล้ว และตั้งใจจะฟังคำตอบของณัฐรินทร์ ทว่าพอเห็นท่าทางอึกอักพูดไม่ออกก็นึกเห็นใจจึงเข้ามาขัดจังหวะ

หญิงสาวหันไปมองคนเรียกอย่างชั่งใจ ก่อนจะหันกลับมาพูดกับเด็กสาวเสียงนุ่ม

“พี่ไปนอนก่อนนะจ๊ะ”

“นอนหลับฝันดีนะพี่สาว”

ณัฐรินทร์ยิ้มให้เด็กสาวแล้วเดินนำแดนดินไปยังกระท่อมน้อยที่พักอาศัยสำหรับคืนนี้

“ฝันดีค่ะ”

ณัฐรินทร์ขึ้นบันได 2 ขั้นกำลังจะเปิดประตูก็ชะงักเหลียวกลับมามองเขา มองเลยไปยังแคร่ไม้ไผ่ มันพอนอนได้แต่ไม่สบายแน่นอน

“พี่แดน...เข้าไปนอนข้างในก็ได้นะคะ”

“ไม่เป็นไร พี่นอนข้างนอกดีกว่าค่ะ”

“งั้นเอาที่นอนไปปูรองก่อนดีไหมคะ”

“น้องนุ่มลืมไปแล้วคะว่าพี่เป็นทหาร นอนกลางดินกินกลางทรายมานักต่อนักแล้ว แค่นี้สบายมากค่ะ”

ร่างสูงนั่งบนแคร่ถอดเสื้อออกเหมือนจะร้อน ลมทะเลพัดผ่านเย็นสบายแบบนี้ไม่น่าร้อน แต่ยุงนี่สิน่าเป็นห่วง เขาจะเอามุ้งมากางยังไงในเมื่อไม่มีตะขอให้แขวน แต่หากเขาไม่อยากเข้าไปนอนเบียดกับเธอในกระท่อมก็คงจะเป็นเรื่องดีๆ สำหรับค่ำคืนนี้กระมัง

ณัฐรินทร์ตัดใจเข้าไปในกระท่อมทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อย และออกมาทิ้งตัวลงนอนบนฟูก ภายในมุ้งที่ถูกกางเตรียมไว้ให้พร้อมสรรพ หญิงสาวกลับนอนลืมตาโตอยู่ในนั้น รอบๆ ตัวนั้นมืดสลัวได้แสงจากตะเกียงดวงเล็กเท่านั้นที่ให้ความสว่าง

หญิงสาวไม่อาจข่มตาให้หลับได้ ไม่ใช่เพราะต่างที่ แต่เพราะความเป็นห่วงชายหนุ่มที่นอนอยู่บนแคร่ เธอตัดสินใจลุกเดินออกไปดู บนแคร่ไม่มีมุ้งกาง มีเพียงร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่บนนั้น

เธอย่องเข้าไปใกล้ ไปสำรวจจนใกล้โดยการกดหน้าลงต่ำแล้วใช้นิ้วอังจมูก อยากรู้ว่าเขาหลับจริงๆ หรือแค่หลับตา

ทว่า...

“ทำไมยังไม่นอนอีกคะ”

ณัฐรินทร์สะดุ้งสุดตัวพร้อมกับเปลือกตาหนากระพือกว้าง ดวงตาทั้งสองคู่สบกัน หญิงสาวยืดตัวขึ้นหลังจากกลั้นหายใจสักครู่หนึ่ง

“พี่แดนนอนไม่หลับหรือคะ”

“หลับแล้วค่ะ แต่พี่ได้ยินเสียงเดิน”

“ถ้าหลับแล้วทำไมยังได้ยินเสียงเดินล่ะคะ นอนไม่หลับใช่มั้ย”

“พี่หลับตั้งแต่หัวถึงหมอนแล้วค่ะ น้องนุ่มล่ะ ลุกออกมาทำไม”

หญิงสาวเมินหลบสายตาคมกริบที่ทำเธออุ่นวาบไปทั่วทั้งตัว

“นุ่มเป็นห่วง กลัวพี่แดนนอนไม่หลับก็เลยออกมาดูค่ะ”

“แสดงว่าน้องนุ่มนอนไม่หลับ” แดนดินทราบ

ณัฐรินทร์อยากบอกเหลือเกินว่าเป็นห่วงเขาแค่ไหน ถ้าเธอนอนหลับสบายปล่อยให้เขานอนตากยุงบนแคร่แข็งๆ จะเป็นยังไง เธอไม่ใช่คนใจดำที่จะไม่ดูดำดูดีคนอื่น เธอห่วงจึงออกมาดู อยากชวนเข้าไปนอนด้วยกันแต่ก็กระดากปากเหลือเกิน

“นุ่มจะขึ้นไปนอนแล้วค่ะ” เธอหันหลัง แต่แล้วข้อมือเล็กก็ถูกมือใหญ่กุมไว้

“พี่ขอเข้าไปนอนด้วยได้ไหมคะ”

ณัฐรินทร์นิ่งขึงเหมือนถูกสาป ทั้งที่มันก็คือความต้องการของตนเองเช่นกัน แต่ทำไมตอนได้ยินคำขอจากเขา หัวใจเธอจึงหวั่นไหวและมันก็สั่นเป็นกลองรัว

ถ้าเป็นดลชัย เธอคงปฏิเสธ

แต่นี่คือแดนดิน ผู้ชายที่มอบความอบอุ่นในหัวใจให้กับเธอทุกครั้ง

“ค่ะ” เธอพยักหน้าพร้อมกับตอบรับเสียงเบา

ทันทีที่ได้ยินคำตอบ แดนดินก็รีบลุกเดินตามหญิงสาวเข้าไปนอนในกระท่อม

กระท่อมหลังน้อยเมื่อมีคนมาอยู่ถึง 2 คนก็ยิ่งเล็กลงไปถนัดตา โดยเฉพาะผู้ชายตัวโตอย่างเขาไปอยู่ที่ไหนก็คงทำให้พื้นที่นั้นๆ คับแคบลงได้ ณัฐรินทร์ลอบมองแดนดินซึ่งไม่เข้าไปนอนด้วยกันในมุ้ง เธอเข้าใจ ชายชาติทหารอย่างเขานั้นเป็นสุภาพบุรุษ เธอนอนหลับตาพลางคิดว่ายังไงก็ดีกว่าการที่เขาจะออกไปนอนบนแคร่

ความเงียบเริ่มครอบคลุมอีกครั้ง เสียงคลื่นซัดสาดเป็นระลอกๆ ฟังนานๆ เข้าณัฐรินทร์ก็เคลิ้มหลับ มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เริ่มจะอึดอัด พลิกตัวไม่ได้ดั่งใจนึก

หญิงสาวลืมตามอง สิ่งที่เธอเห็นคือแผงอกกว้างมีเส้นขนเรียงรายสีเข้มตัดกับสีผิวของเขา ปลายคางบึกบึนของคนที่ไม่ต้องมองก็รู้ว่าเป็นใคร น่าแปลกที่เธอไม่รังเกียจอ้อมแขนของเขาทั้งที่แดนดินก็ฉวยโอกาสเหมือนกัน อ้อมแขนนั้นอบอุ่น ลมหายใจที่รินรดกระหม่อมเธอก็กรุ่นกลิ่นหอมสดชื่น

ณัฐรินทร์แอบซุกใบหน้ากับทรวงอกแล้วต้องนิ่งขึงเมื่อร่างนั้นขยับในทันที มีกระไอความร้อนเป่ารดเส้นผม มีน้ำหนักที่ทาบลงบนศีรษะ ก่อนที่เธอจะรู้สึกว่าลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดอยู่บนขมับ

ปลายจมูกโด่งซุกไซ้อยู่ข้างๆ กกหูของคนที่นอนตัวแข็งทื่อ เปลือกตาบางใสนั้นยังหลับพริ้มไม่กล้าเบิกกว้าง ลมหายใจของเธอก็คงกลั้นเอาไว้เหมือนร่างกายที่พยายามแข็งขืน

กลิ่นเนื้อสาวหอมจรุงใจจนแดนดินห้ามใจตัวเองไม่อยู่ จะให้มานอนนิ่งเป็นพระอิฐพระปูนอยู่นอกมุ้งมันทำยาก และเขาก็ไม่คิดจะทำตั้งแต่เข้ามาแล้วด้วย เจ้าของกลิ่นหอมและผิวเนียนนุ่มเหมือนอาบน้ำแร่แช่น้ำนมทุกวันเหมือนแม่เหล็กต่างขั้วดึงดูดให้เข้าใกล้ ความเป็นสุภาพบุรุษที่เคยมีมาตลอดก็พลันเลือนหาย

อ้อมแขนของเขาประคองกอดร่างนุ่ม ลูบไล้ไปทั่วกายสาว ปลุกเร้าคนที่นอนนิ่งให้สะดุ้งหวั่นไหว ณัฐรินทร์ลืมตามองเขา เพียงแค่เงยหน้าริมฝีปากอิ่มก็ถูกจูบ เธอไม่ส่งเสียงร้องหรือห้ามปรามใดๆ เพราะสัมผัสของแดนดินแตกต่างจากดลชัยลิบลับ เขามอบความอ่อนโยนทะนุถนอมจนเธออ่อนใจ วงแขนเล็กๆ จึงไต่ขึ้นไปโอบต้นคอหนา

หัวใจแดนดินกระพือปีกโอบกอดเธอแนบแน่น หัวใจของณัฐรินทร์ซึมซับความอบอุ่นอ่อนหวาน ทุกรอยจูบที่แนบไปทั่วหน้า ทุกสัมผัสจากฝากมือที่ไต่ไล้ไปทั่วตัว มันบอกว่าเธอจะไม่มีทางเจ็บปวด เธอจะเป็นเจ้าหญิงที่อยู่บนเตียงของเจ้าชาย และเธอจะเป็นคนที่มีค่ามากที่สุดสำหรับเขา

กลีบปากหวานเผยอรับเรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้าหา จูบนั้นกวาดต้อนดูดกลืนความหวานทุกซอกมุม ร่างของณัฐรินทร์สั่นระริกกับการเรียกร้องที่เริ่มเอาแต่ใจทีละนิด

สองมือใหญ่ประคองสองแก้มตราตรึงเธอให้รับจูบจากเขา หญิงสาวถอนใจก่อนจูบตอบกลับไปอย่างเงอะงะ เต้าทรวงอวบใหญ่ถูกประคองนวดคลึงไปมา อ่อนโยนราวกับเธอเป็นแก้วเจียระไนที่ต้องทะนุถนอมเอาไว้

“นุ่มจ๋า” เสียงทุ้มของคนตัวโตกระซิบแผ่วๆ ให้พอได้ยินกันสองคน เสียงนั้นทุ้มนุ่มนวลระคนเว้าวอนออดอ้อน

หัวใจสาวนั้นเต้นตุบๆ อยู่ในอกข้างซ้าย ณัฐรินทร์นอนหงายปล่อยให้มือชายลูบไล้ไปทั่ว เธอไม่ตอบรับเสียงอ้อนๆ นั้น แต่ส่งเสียงครางแผ่วพร่าออกมาอย่างไม่รู้ตัว

“น้องนุ่มคนดี”

เธอได้ยิน ต่อให้เขาพูดเบาแค่ไหนก็ยังได้ยิน คนอะไรออดอ้อนได้หวานถึงเพียงนี้

“อ๊ะ” มีเสียงอุทานออกมา พร้อมกับทรวงสาวกระเพื่อมขึ้นสูง ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นเบาๆ ลงน้ำหนักบ้างในบางครั้ง ปลายนิ้วสัมผัสปลายยอดที่แข็งตัวชูชัน

“น้องนุ่มคนดีของพี่แดน”

เธอไม่แน่ใจ นั่นเขาเรียกเธอหรือกำลังเพ้อละเมอหา โอย...เธอกำลังจะหายใจไม่ออก เพราะสิ่งที่ได้รับมันหนักหน่วงไปด้วยความหวานเหลือเกิน

ใบหน้าคมจัดกดต่ำกัดเม้มปลายคางมน แล้วซุกเข้าหาซอกคออุ่น ปลายลิ้นโลมเลียไปทั่วเนื้อสาวให้เธอสะดุ้ง ก่อนจะขบกัดที่ติ่งหูให้ขนบนกายสาวลุกชัน

เสื้อยืดคอกลมสีครีมเนื้อดีไม่สามารถปิดกั้นไอความร้อนจากเรียวปากที่ทาบทับไปบนยอดอก ณัฐรินทร์ห่อไหล่เข้าหากัน เธอเพียงแค่สะท้านแต่ไม่ใช่หวาดผวา รสสัมผัสที่เขาฝากไว้มันชวนให้มัวเมา

“พี่ขอได้มั้ยคะ”

ขออะไร?

เขาต้องการอะไรจากเธอ?

ณัฐรินทร์สบตาคมเจือแววเว้าวอน เขาทั้งออดอ้อนวอนขอด้วยสีหน้า แววตา และสัมผัสที่เคลื่อนไหวไปทั่วตัว เธอมองให้แน่ใจ สุภาพบุรุษอย่างเขาต้องการอะไรจากเธอ แล้วก็เข้าใจให้นาทีต่อมา

“นุ่มคงไม่อยากเห็นพี่ชักดิ้นชักงออยู่บนแคร่ใช่ไหมคะ”

หญิงสาวถอนใจเฮือก

“จะดีหรือคะพี่แดน”

“พี่จะถอย ถ้าน้องนุ่มปฏิเสธค่ะ พี่ยอมลงไปนอนเฉาตายอยู่บนแคร่ และจะไม่โกรธน้องนุ่มเลยสักนิด”

“พี่แดนมีสิทธิ์โกรธนุ่มด้วยหรือคะ” หางเสียงของคนถามมีแง่งอนนิดๆ แดนดินหัวเราะในลำคอทันที

“จริงด้วย พี่ก็เป็นคนขึ้นไปบนตัวนุ่มเอง น้องนุ่มไม่ได้ชวนพี่สักนิด”

จบคำด้วยการจูบปากอิ่มให้เต็มรัก เขาไม่คิดจะทำร้ายเธอเลย ไม่คิดจะหักหาญน้ำใจ แต่ทำทุกอย่างเป็นการเกลี้ยกล่อม ใช้ลูกล่อลูกชน ใช้ประสบการณ์ ใช้ความอ่อนโยนจนเธอโอนอ่อน และหากเธอปฏิเสธ แดนดินก็ยอมแพ้

“นะคะคนสวยของพี่แดน ให้พี่แดนนะคะ”

แต่ก่อนจะยอมแพ้ คนอย่างผู้พันแดนดินก็งัดกลเม็ดมาใช้ ถ้าเขามีเสน่ห์หลงเหลืออยู่บ้าง ณัฐรินทร์ที่รักก็คงจะใจอ่อน

แต่แล้ว...

ณัฐรินทร์ส่ายหน้า...

แดนดินต้องผิดหวังกับเสน่ห์ที่คิดว่ายังมีเหลือเฟือ เขากลิ้งตัวลงไปนอนข้างๆ เหมือนคนคิดหนัก ปล่อยให้เวลาเดินผ่านไปอย่างช้าๆ หลายนาทีต่อมาก็ลุกขึ้นนั่งอย่างตัดใจ และทำท่าจะลุกออกไปนอนบนแคร่ตามเดิม

มือใหญ่ถูกมือเล็กกระตุกไว้ในทันทีทันใด แดนดินหันกลับมามองด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม

“นอนด้วยกันนะคะพี่แดน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel