บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1 ขอซื้อต่อ

ภายในห้องสีดำทึบมีเพียงแสงจากหลอดไฟดวงเล็กส่องไปยังชายสูงใหญ่วัยกลางคนโครงหน้าสันกรามชัดจมูกโด่งหล่อเหลาเอาการทว่าตอนนี้สะบักสะบอมผมยุ่งเหยิงเสื้อผ้าสีดำคลุกฝุ่นนั่งคุกเข่าบนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบมือทั้งสองถูกไขว้หลังพันธนาการด้วยกุญแจข้อมือสีเงินและล้อมไปด้วยชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สวมเชิ้ตกางเกงขายาวคอยควบคุมไม่ให้หนี

ควันขาวโขมงอยู่ภายในห้องจากการพ่นควันบุหรี่ของชายร่างสูงใหญ่นั่งบนเก้าอี้ไม้สวมเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มพับเสื้อขึ้นถึงข้อศอกเผยรอยสักและเส้นเลือดปูดบนลำแขนแกร่งใบหน้าหล่อคมคายคิ้วเข้มผสานดวงตาคมแข็งทื่อดูทะมึนมีรังสีมืดดำบางอย่างบ่งบอกว่าอย่าได้เข้าไปใกล้หากยังอยากอยู่อย่างเป็นสุข นิ้วหนาคีบมวนบุหรี่ปลายมวนร้อนจากการเผาไหม้ก่อนจะอ้าปากคีบก้นบุหรี่สูบควันเข้าลึกแล้วพ่นออกมาอยู่ซ้ำ ๆ

“เอาไงดี” เสียงทุ้มกดต่ำเขยิบตัวออกจากเงามืดคิมหันต์โน้มวางข้อศอกลงบนขาแกร่งดวงตาคมกริบจ้องมองลูกน้องคนสนิทอย่างพิจารณา

“ผมขอโทษครับนาย” ดิลกเสียงสั่นเลือดไหลย้อยข้างปากเงยมองอ้อนวอนเจ้านายทั้งที่รู้ว่าไร้ประโยชน์

“ขโมยเงินกูแล้วพูดว่าขอโทษ มันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ” ริมฝีปากหยักกระตุกสายตาดุดันน่าเกรงขาม ดิลกกลืนน้ำลายหนืดลงคอลำบากพอจะรู้ชะตากรรม

“ผมกะว่าถ้าหากู้เงินมาได้จะเอามาคืนให้ ผมรีบเลยคิดน้อยต้องการเงินไปรักษาลูกสาวที่กำลังป่วยหนักแกยังวัยรุ่นผมอยากให้แกมีชีวิตไปนาน ๆ ”

“ทำไมไม่มาขอกูดี ๆ มึงแหกกฎแบบนี้ ถ้ากูให้โอกาสมึงกูก็เสียการปกครอง!”

“ผมขอโทษครับนาย ให้โอกาสผมเถอะนะครับผมจะไม่ทำอีกแล้ว” ดิลกหน้าบูดเบี้ยวร้องไห้อ้อนวอนขอความปรานีจากชายที่ขึ้นชื่อว่าดิบเถื่อนไร้หัวใจ

“มึงไม่มีทางทำได้อีก มือข้างไหนที่ขโมยก็ตัดออกแล้วปล่อยให้มันใช้ชีวิตพิการเห็นมือด้วน ๆ ของตัวเองไปตลอดชีวิต” เสียงทุ้มก้องกังวานทิ้งบุหรี่ลงพื้นแล้วยืนขึ้นบดเหยียบบุหรี่ด้วยรองเท้าหนังสีดำเงาราคาแพงก่อนจะหันหลังสอดสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงเดินไปยังประตูห้องแม้จะมีเสียงร้องโหยหวนของอดีตคนสนิทถูกตัดข้อมือสด ๆ ไร้ยาชาดังลั่นทั่วห้องทึบ สายตาคมกริบเรียบเฉยออกมาจากห้องมืดมองอาคารมีแสงสว่างต่างจากข้างในลิบลับ

“โทษเบาไปไหมครับนาย ผมเกรงว่าจะถูกเอาไปเป็นเยี่ยงอย่าง”

“ปล่อยข่าวไปว่ามันโดนกำจัดทิ้งแล้วไล่มันไปอยู่ไกล ๆ ไม่ให้ใครเจอ” เท้าหนักก้าวเดินสม่ำเสมอในฐานะที่ดิลกเคยเป็นคนสนิทเขาจึงไม่เอาเรื่องถึงชีวิตแค่ทำให้พิการหากเขาใจอ่อนไม่ทำอะไรเลยอีกหน่อยจะปกครองคนหมู่มากไม่ได้

คิมหันต์เดินดึงแขนเสื้อลงมาปิดรอยสักสวมเสื้อสูทสีครามทับออกมาในโซนโรงแรมตกแต่งหรูหราทันสมัยเต็มไปด้วยลูกค้าเข้ามาพักรับบริการของโรงแรมห้างและคาสิโนลับใต้ดินของประเทศเพื่อนบ้าน ลูกน้องเดินตามคุ้มกันสร้างความน่าเกรงขามให้กับผู้คนที่พบเห็นเดาได้ว่านั่นคือเจ้าของสถานที่ผู้มีอิทธิพลไม่มีใครกล้าย่างกรายเข้าใกล้ ยกเว้นพราวฟ้าหญิงสาวผู้ดีเก่าใบหน้าสวยหวานแฝงความเย่อหยิ่งเชิดเลิศอยู่ในกิริยาท่าทางและที่สำคัญคือสายตาที่มักจะปรายตามองเหยียดคนอื่นเสมอ เท้าเรียวขาวย่างกรายอยู่บนรองเท้าส้นสูงหุ้มส้นสีแดงสดสวมชุดเดรสกระโปรงกำมะหยี่สีดำขับสีผิวขาวให้ราวกับมีไฟฉายติดตัวออร่าเปล่งประกายไม่มีใครเทียบได้

“พี่คิมคะ” พราวฟ้าโบกไม้โบกมือรีบวิ่งมาหาคิมหันต์ลูกชายเพื่อนพ่อที่ยังหล่อรวยระดับมหาเศรษฐีไม่เหมือนครอบครัวผู้ดีเก่าของเธอที่กำลังเหลือแต่เปลือก

“คราวหลังอย่าปล่อยให้ยายนี่เข้ามา” คิมหันต์ชายตามองพราวฟ้าอย่างเบื่อหน่ายเดินเลี่ยงอย่างเฉยเมยทำเป็นไม่ได้เห็นแล้วสั่งเมฆาผู้ช่วยคนสนิทที่พยักหน้ารับคำสั่ง พราวฟ้าหน้าเสียรีบวิ่งตามหายใจหอบเหนื่อยยังไงวันนี้ก็ต้องได้คุยหลังจากมาดักเจออยู่เป็นอาทิตย์ ร่างระหงวิ่งตามมาใกล้ถึงแต่ถูกบอดี้การ์ดยกมือขึ้นกันไม่ให้เข้าใกล้คิมหันต์เธอเลยตะโกนคุยกับเขาน้ำเสียงเหนื่อย

“ดีใจจังที่ได้เจอ ฟ้าโทรหาพี่คิมหลายครั้งก็ไม่รับ”

“ไม่สะดวกคุย มีอะไรบอกกับผู้ช่วยไว้” เสียงทุ้มนุ่มลึกไม่แม้แต่จะมองหน้าพราวฟ้าที่ยังไม่ยอมลดละความพยายาม

“คุณย่าอยากเชิญพี่คิมไปร่วมงานทำบุญประจำปีของคุณพ่อค่ะ วันอาทิตย์นี้พี่คิมไปร่วมงานกันนะ พี่ไม่ได้ไปบ้านนานแล้ว”

“พ่อเราเป็นเพื่อนสนิทกันก็จริงแต่พวกเราไม่ได้สนิท ไม่มีความจำเป็นต้องไปร่วมอะไรด้วยทั้งนั้นหรือว่าอยากตีสนิทก็เลิกคิดไปได้เลยผมเลือกคบเพื่อนและไม่ชอบขี้หน้า.....” คิมหันต์กระแทกเสียงเบื่อหน่ายหันไปมองหวังจะดุคนวุ่นวายที่สร้างความรำคาญแต่แล้วก็ชะงักเมื่อหันไปเห็นผู้หญิงอีกคนในชุดเสื้อยืดกางเกงยีนส์เกล้าผมมัดสูงใบหน้าขาวสดใสอ่อนหวานเดินถือถุงกระดาษแบรนด์เนมเต็มสองมือถูกบอดี้การ์ดร่างใหญ่ยกแขนขึ้นกันไม่ให้เข้าใกล้แต่เธอหยุดไม่ทันทำให้ถุงกระดาษโดนขาของบอดี้การ์ด พราวฟ้าได้ยินเสียงถุงก็หันขวับไปตาขวางก้มมองถุงกระดาษแล้วรีบวิ่งไปจับอย่างเสียดาย

“เซ่อซ่าตลอด ถุงฉันยับหมด!” พราวฟ้าแผดเสียงตะคอกใส่หญิงสาวหอบถุงเธอรีบก้มหน้างุดขอโทษสีหน้าประหม่าเมื่อถูกตำหนิและอาการประหม่าของเธอนั่นแหละที่ทำให้คิมหันต์ยิ่งถูกใจความอ่อนเยาว์ไร้เดียงสาน่าเอ็นดูฟูมฟักแต่ไม่น่าทะนุถนอมบนเตียง พราวฟ้ากอดอกถอนหายใจอย่างหงุดหงิดแต่ตอนนี้เธอต้องดำเนินตามแผนอ่อยผู้รวยอย่างคิมหันต์ก่อนเลยฝืนข่มอารมณ์หันมาพูดคุยกับเขา

“เมื่อกี้พี่คิมพูดว่าอะไรนะคะ?”

“ไปจิบชากันไหม” คำพูดของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทำเอาเมฆากับบอดี้การ์ดที่ได้ยินประโยคก่อนหน้านี้กระตุกเหล่มองกันสับสน หญิงสาวหอบถุงสาวลอบมองคิมหันต์ไม่เต็มตาเพราะชายหนุ่มหล่อคมน่าเกรงขามดูดุดันจนน่ากลัว

“ไปสิคะ” พราวฟ้ายิ้มกริ่มเจ้าเล่ห์ในที่สุดเขาก็ยอมเปิดใจคุยด้วย ร่างระหงเดินเข้าไปใกล้หวังจะควงแขนแกร่งแต่เมฆายืนขวางให้เดินอยู่ข้างเขาแทน

“ไม่รู้ที่ต่ำที่สูงอยากถูกไล่ออกหรือไง”

“คุณยังไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้เจ้านาย ต้องเว้นระยะห่าง” เมฆาเลิกคิ้วขึ้นมองยียวนดูท่าผู้หญิงคนนี้จะร้ายใช่ย่อยหากเจ้านายควงเล่นล่ะก็พวกเขาคงได้ปวดหัวกันทั้งวัน บอดี้การ์ดเข้าไปช่วยหญิงสาวหอบถุงถือถุงกระดาษแล้วเดินตามเจ้านายทั้งสองขึ้นบันไดเลื่อนเห็นรอบโรงแรมยาวไปยังฝั่งของห้างสรรพสินค้าอาณาจักรกว้างใหญ่ที่ใช้เงินมหาศาลของครอบครัวกับหุ้นส่วนสีเทาและสีดำของคิมหันต์

ร้านน้ำชาจิบชายามบ่าย

กาน้ำชาแก้วคริสตัลขนาดเล็กวางลงบนโต๊ะพร้อมกับขนมหวานชิ้นเล็ก ๆ วางบนจานที่จัดอยู่ในแท่นสูงเรียงไว้สามจานใส่ขนมและเบเกอร์รี่คนละชนิด พราวฟ้าจิบชาหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยไม่หยุดปาก คิมหันต์นั่งฟังอย่างอดทนเพราะเขาไม่ได้โฟกัสที่พราวฟ้าแต่เหลือบมองหญิงสาวในชุดนักศึกษาที่นั่งอยู่ข้างกระจกหน้าร้านอยู่เป็นระยะเรียกได้ว่าทุกครั้งที่กะพริบตาเขาจะมองไปทางเธอเสมอ

“ปกติจิบชาจะเพลิดเพลินไปกับความหอมละมุนของชาและรสชาติขนมหวาน ไม่ค่อยมีใครเขาคุยกัน”

“ก็ฟ้าคิดถึงพี่คิมนี่คะ เราเคยสนิทกันตอนเด็กมาห่างกันเป็นสิบปีกว่าจะได้เจอก็ยาก” พราวฟ้ายิ้มอ่อนยังไม่รู้ตัวว่าถูกเหน็บ คิมหันต์ยกแก้วชาขึ้นมาจิบเหลือบมองไปทางผู้หญิงหอบถุงคนนั้นอีกครั้ง

“พี่คิมฟังฟ้าพูดอยู่หรือเปล่าคะ” พราวฟ้ารู้สึกได้ว่าเขาแทบไม่ได้สนใจฟังเธอเลยสักนิดแล้วยังมองไปทางหนูดีเด็กรับใช้ส่วนตัวของเธอตลอดเวลา

“ไม่ค่อยได้ฟัง เธอพูดไปเรื่อยไม่มีจุดยืนขี้เกียจฟัง”

“ไม่ใช่ว่ามัวแต่มองคนรับใช้ของฟ้าอยู่เหรอคะ”

“คนรับใช้”

“ใช่ค่ะ คุณพ่อเอาหนูดีมาเลี้ยงไว้ให้เป็นคนรับใช้ส่วนตัวของฟ้า เป็นคนรับใช้มาตั้งแต่เด็ก คราวนี้พี่คิมเลิกสนใจแค่คนรับใช้ได้หรือยังคะ” พราวฟ้ายกยิ้มเหยียดไปทางหนูดีที่ยังนั่งเฉยไม่รู้ตัวว่ากำลังถูกเหยียด

“หนูดี...” คิมหันต์เอ่ยชื่อหญิงสาวคนนั้นแผ่วเบาแล้วกระตุกยิ้ม

“ขอซื้อต่อได้ไหม?”

“พี่คิมจะขอซื้ออะไรคะ” พราวฟ้านิ่วหน้ามองสงสัยไม่เข้าใจว่าเขาจะขอซื้ออะไรจากเธอ

“ผมขอซื้อเด็กรับใช้คนนี้” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ฉายขึ้นบนใบหน้าดุดัน พราวฟ้าอ้าปากเหวอตกใจและสับสนว่าเกิดอะไรขึ้น

“คนไม่ใช่ของที่จะซื้อได้นะคะ”

“ก็แค่พูดเล่น ขอตัวก่อน” เขาแค่นหัวเราะก่อนจะเหยียดยืนขึ้นแล้วเดินสอดมือล้วงกระเป๋ากางเกงออกไปกับบอดี้การ์ดทันที

“วันอาทิตย์นี้พี่คิมจะไปร่วมงานทำบุญไหมคะ พี่คิม” พราวฟ้าลุกพรวดตะโกนถามตามหลังอย่างหงุดหงิดไม่ชอบที่เขาทำเหมือนเธอเป็นอากาศแต่จำใจทนเพราะตอนนี้เธอและทางบ้านต้องการที่พึ่งพาด้วยการหาลูกเขยรวยมาช่วยพยุงครอบครัวที่เหลือแต่เปลือกของเธอ

คิมหันต์ไม่ตอบพราวฟ้าเดินออกมาหน้าร้านชายตามองหนูดีที่เงยหน้ามองเขาเล็กน้อยแล้วรีบหลบตาลง ริมฝีปากหนากระตุกมุมปากท่าทางเหนียมอายแบบนี้มันน่าสนุกเวลาที่ถูกเขาจับกดทรมานอยู่บนเตียง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel