ตอนที่ 6
21:35 น.
รุ่งทิวาลากร่างกายเข้าไปในห้องพักขนาดสามคูณสี่เมตร ปิดประตูลงกลอนแน่นหนา เดินลากขาไปทิ้งตัวลงบนท็อปเปอร์สามจุดห้าฟุตอย่างหมดแรง ทั้งวันเธอได้กินเพียงขนมปังรองท้อง งานผู้ช่วยเลขา หนักกว่าที่เธอคิดไว้จริงๆ เห็นบางคนแต่งตัวสวยๆ ท่าทางสบายๆ นึกว่างานมันจะสบายซะอีก งานหนักขนาดนี้ เธอต้องเรียกเงินเดือนเพิ่มหรือเปล่า
Tru Tru
คว้าโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า มองหน้าจอก่อนจะยิ้มจางๆ กดรับแล้วยกขึ้นแนบหู ซุกหน้าเข้ากับหมอนใบโต รอให้ทางนั้นพูดออกมาก่อน
[เป็นยังไงบ้าง ทำงานเป็นผู้ช่วยวันแรก]
“อือ จะตายแล้วค่ะ”
รุ่งทิวาฟ้องคนรักที่ทำงานคนละบริษัท ปลายสายหัวเราะเบาๆ พาลให้หัวใจคนฟังรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
รุ่งทิวาคบกับวชิรามาเกือบปีแล้ว รู้จักกันโดยบังเอิญ ได้พูดคุยกันบ่อยๆ และตกลงคบกันเมื่อช่วงปลายปี ด้วยความที่ต่างคนต่างมีหน้าที่ การพูดคุยส่วนใหญ่จึงเป็นการโทรคุยมากกว่า เจอกันบ้างตอนที่มีเวลาว่างตรงกัน แต่เพียงแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็ต้องแยกย้ายกันไป เขาเป็นคนที่ค่อนข้างยุ่ง เพราะตำแหน่งงานที่เป็นถึงหัวหน้าแผนก
[ฮ่าๆ ตำแหน่งสูงขึ้น งานก็เยอะขึ้นแบบนี้แหละ อดทนหน่อยนะ]
“ค่ะ แล้วพี่ไวท์ละคะ รุ้งนึกว่าวันนี้พี่จะยุ่งซะอีก”
ปกติวันแรกของสัปดาห์วชิราจะยุ่งมาก ไม่มีเวลาโทรหา และห้ามให้เธอโทรไปกวนด้วย เพราะโทรไปเขาก็ไม่ว่างพอที่จะรับ ไม่อยากให้เธอรอเก้อ เธอเลยเลือกที่จะไม่โทรติดต่อกับเขาในวันนี้
[… ก็ยุ่งแหละ แต่คุยได้ เจ้านายไปต่างประเทศ วันพรุ่งนี้พี่ว่าง เราไปดื่มเหล้ากันไหม นานแล้วนะที่ไม่ได้ไปที่ไหนด้วยกันเลย]
รุ่งทิวาหน้าแดงก่ำ เงยหน้าขึ้นจากหมอน มองดูปฏิทินที่แขวนอยู่ข้างผนัง มันก็นานแล้วจริงๆแหละที่ไม่ได้เจอกัน เกือบเดือนแล้วมั้ง ตั้งแต่วันนั้นที่เจอกันครั้งล่าสุด
วันนั้นเธอกับเขานัดเจอกันตามปกติ เธอแต่งตัวในแบบที่เคยแต่ง ไปพบกับเขาที่เป็นขวัญใจของสาวๆในบริษัท รู้ตัวว่าแตกต่างกันมาตลอด แต่คิดว่ามันไม่ใช่อุปสรรคของความสัมพันธ์ จนกระทั่งวันนั้นที่มีคนทัก ว่าเธอเหมือนแม่บ้านของเขามากกว่าจะเป็นคนรัก วันนั้นเธอเลยหนีกลับมาทันที แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยๆเปลี่ยนตัวเอง
แม้วันนี้จะยังไม่สวยมากพอ แต่มั่นใจกว่าตอนนั้นมาก ว่าจะไม่ทำให้เขาขายหน้า รุ่งทิวาจึงตอบรับคำชวน เมื่อได้คำตอบ ทางนั้นก็ขอวางสายไป
วันต่อมา
รุ่งทิวาเปลือยหน้าสดไปทำงาน ไม่มั่นใจฝีมือการแต่งหน้าของตัวเอง จึงตั้งใจจะไปขอร้องให้พี่ริสาช่วยสอน เพราะหน้าสดไม่เข้ากับชุดเดรสสีหวานที่ใส่อยู่ เลยเลือกหยิบแว่นมาสวม เอาคอนแทคเลนส์ที่พอดีกับค่าสายตาติดกระเป๋าไปด้วย เธอเริ่มชินกับการไม่ใส่แว่นแล้ว และการใส่คอนแทคเลนส์ก็ทำงานสะดวกกว่า
ทันทีที่โผล่ใบหน้าไปถึงชั้นผู้บริหาร เลขาสาวรุ่นพี่ก็ร้องเสียงหลงทักทาย เดินเข้ามาลากเธอไปแต่งหน้าอย่างรวดเร็ว รุ่งทิวารู้สึกชื่นชมริสามาก เป็นคนที่เก่งรอบด้านจริงๆ แม้จะดุดันและจริงจังสุดๆ แต่นั่นคงเพราะต้องการเคี้ยวเข็นให้เธอเป็นคนที่เหมาะกับตำแหน่งผู้ช่วย
“วันหลังพี่จะไม่แต่งให้แล้วนะ ต้องฝึกแต่งเองบ้าง ถ้าไม่มีพี่แล้ว จะได้ทำเป็น”
แม้จะไม่มีรอยยิ้มส่งมาให้ รุ่งทิวาก็รู้สึกว่าคนตรงหน้ากำลังพูดอย่างเป็นมิตร นึกสงสัยอยู่เสมอ ว่าทำไมพี่ริสาถึงพูดแบบนั้น แต่ไม่กล้าถาม ได้แต่พยักหน้าให้
“ขอบคุณค่ะ อ่า พี่ริสาคะ วันนี้รุ้งขอกลับหนึ่งทุ่มได้ไหมคะ”
ถามอย่างเกรงใจ เธอนัดกับวชิราตอนทุ่มครึ่ง กลัวว่างานจะยุ่งจนเป็นแบบเมื่อวาน ต้องขออนุญาตก่อน หวังอยู่ในใจลึกๆ ขอให้ตัวเองไปตามนัดได้
“มีธุระเหรอ?”
“ค่ะ”
“พี่ก็ไม่รู้สิ ปกติงานเลขาก็ไม่ค่อยมีอะไรตายตัวอยู่แล้ว ช่วงนี้ยุ่งจริงๆแหละ เพราะเป็นต้นเดือน ลองไปถามท่านประธานดูนะ เพราะพี่ไม่รู้จริงๆ วันนี้พี่น่าจะได้อยู่ดึกด้วย”
ริสาโบ้ยให้รุ่งทิวาไปถามเจ้านายเอง งานเลขายุ่งจริงๆ แต่งานผู้ช่วยไม่เท่าไหร่ เจ้านายอาจจะใจดีก็ได้ ถ้าหากรุ่งทิวาไปขอด้วยตัวเอง
“ได้ค่ะ”
รุ่งทิวาสูดลมหายใจเข้าปอด เธอมาทำงานก่อนเวลากว่าสิบห้านาที แต่พี่ริสามาก่อนหน้าเธอ และท่านประธานก็ด้วย วันนี้เครื่องปรับอากาศภายในห้องใหญ่ของเจ้านายทำงานแล้ว บ่งบอกว่าตอนนี้เจ้านายอยู่ในห้องทำงาน รุ่งทิวาเคาะประตูให้สัญญานสองที ก็ผลักประตูเข้าไปข้างใน
ใบหน้าหล่อเหลามีแว่นสายตาปกปิด รุ่งทิวามองอย่างชื่นชม เจ้านายของเธอตอนเป็นหนุ่มแว่นก็ยังดูหล่อ เพราะเจ้านายไม่เงยหน้าขึ้นจากเอกสารเลย รุ่งทิวาจึงต้องขยับเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม ไม่กล้าเอ่ยปากเรียก เพราะไม่รู้ว่านั่นจะเป็นการรบกวนสมาธิของเจ้านายหรือเปล่า ปกติเข้ามาท่านจะเงยหน้ามองอยู่เสมอ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเจ้านายในมุมจริงจังกับการทำงาน
“มีอะไรคุณรุ้ง?”
ถามทั้งๆที่ไม่เงยหน้าจากเอกสาร สายตาอยู่ที่ตัวหนังสือ แต่สมองกลับจดจ่ออยู่ที่กลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ หรือไม่ก็คงเป็นกลิ่นหอมของยาสระผม กลิ่นที่ทำให้รู้ว่าเป็นรุ่งทิวา ไม่ใช่ริสา ผู้หญิงที่มีกลิ่นน้ำหอมแบรนด์ดังเป็นกลิ่นประจำตัว
“วันนี้ดิฉันขอกลับตอนหนึ่งทุ่มได้ไหมคะ”
ถามเสร็จก็ก้มหน้าลงอย่างนอบน้อม ต่างจากใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ วายุภักษ์เงยหน้าขึ้นไปมอง เมื่อเห็นใบหน้าสวยหวานชัดเต็มสองตา ก็แอบยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
ริสาทำงานดี ทำงานเก่ง รู้ใจเขาไปหมดทุกอย่าง เสียดายที่เธอกำลังจะลาออก เพื่อไปแต่งงานกับหนุ่มนักธุรกิจชาวต่างชาติ
“มีธุระเหรอ?”
ดวงตาคู่คมไล่สำรวจใบหน้าเสร็จก็เลื่อนต่ำลงช้าๆ ผ่านลำคอเรียวระหง ไหปลาร้า หยุดลงเมื่อถึงเนินเนื้ออวบอิ่ม กดสายตาลงต่ำอย่างรีบร้อน จากนั้นค่อยสำรวจชุดต่อ หัวใจเต้นผิดจังหวะไปเยอะ แต่ก็กลับมาอยู่ในการควบคุมโดยใช้เวลาเพียงไม่นาน
“ค่ะ”
“สำคัญ?”
“ค่ะ”
รุ่งทิวาเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพรายตามใบหน้า ถ้าหากบอกว่าสำคัญ มันก็สำคัญทั้งคู่ ทั้งงาน ทั้งเดต เธอเลือกไม่ได้เลยว่าอันไหนสำคัญกว่ากัน
“อืม…ผมให้กลับก่อน”
“ขอบคุณค่ะ”
รอยยิ้มดีใจฉายออกมา ทำให้บรรยากาศภายในห้องสดใสขึ้น แต่คนมองเห็นรอยยิ้มของเธอ กลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย โลกของเขามันหม่นลง เมื่อเห็นท่าทางดีใจนั้นของเธอ
เขารู้ว่ารุ่งทิวามีคนรักอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เขารู้จักดีทีเดียว แต่ไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเธอได้ สำรวจจากการแต่งตัวของเธอดูแล้ว คงไม่แคล้วไปออกเดตกับผู้ชายคนนั้น อยากจะห้ามมากกว่า แต่เขาเลือกที่ปล่อยไป ได้แต่หวังอยู่ในใจ ว่าอย่าให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นกับเธอ
