Chapter.2 หน้าที่
“สองขีด ให้ตายสิ “นักศึกษาแพทย์สาวมือสั่นเหงื่อแตกพลั่ก ขาเปลี้ยอ่อนแรงแทบยืนไม่ไหว แท่งสีขาวในมือสั่นระริก ขีดสีแดงสองขีดคือผลตรวจยืนยันแน่ชัดว่ามีเด็กกำลังเจริญเติบโตอยู่ในท้องของเธอ
หลังจากบ่ายวันนั้นที่กลับมาถึงเธอก็รีบซื้อยาคุมฉุกเฉินกินทันที อาจจะไม่ได้ผลเพราะเกินระยะเวลา แต่ก็ไม่ได้คิดวิธีอื่นเอาไว้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป อาจจะมีสักสิบเปอร์เซ็นที่พอจะเป็นไปได้
สิบเปอร์เซ็นไม่เข้าข้างเธอเลยหรือ
หลังจากตรวจพบว่ากำลังตั้งครรภ์ รินรดาตัดสินใจจะเก็บเด็กไว้อย่างไม่คิดลังเล ช่วงบ่ายเธอเดินทางไปยื่นใบลาออกจากมหาวิทยาลัยโดยไม่ระบุเหตุผลแล้วกลับมาหมกตัวอยู่ที่บ้านหลังเก่ากับแม่แถวชานเมือง
ปล่อยเช่าคอนโดหรูที่เคยได้จากเขาให้กับเซเลปดังคนหนึ่ง สัญญาเช่าห้ามเปิดเผยที่อยู่ของเธอและเบอร์ติดต่อ แม้แต่เพื่อนสนิทของเธอก็ไม่รู้สาเหตุของการลาออกครั้งนี้ มีแต่แม่คนเดียวเท่านั้น จากนี้ไปเธอจะดูแลท่านไม่ห่างและเจ้าตัวเล็กที่อยู่ในท้องนี้ด้วย
โรงแรมห้าดาวติดแม่น้ำเจ้าพระยาสถานที่สำหรับจัดงานมงคลสมรสระหว่าง นายแพทย์อัครพล อัคราพิทักษ์กุล กับ แพทย์หญิง ปานิศรา เลิศวรกุลดิลก ทายาทโรงพยาบาลเอกชน ทั้งคู่ดูเหมาะสมราวกิ่งทองใบหยก แขกในงานชมไม่ขาดปากว่าเจ้าสวยราวกับนางฟ้าส่วนเจ้าบ่าวก็หล่อไม่เบา
ภายในงานถูกประดับตกแต่งด้วยดอกไม้สีขาวหลากหลายชนิด ธีมงานเอิร์ธโทนอบอุ่นตามความต้องการของเจ้าสาว
“ไหวมั้ยฟ้า”
“ไหวค่ะ อัครพาฟ้าไปนั่งหน่อยสิ “อัครพลประคองว่าที่ภรรยามานั่งพักที่เก้าอี้หลังจากถ่ายรูปกับแขกเหรื่อในงานจนครบทุกโต๊ะ
ว่าที่ภรรยาของเขามีอาการเหนื่อยหอบจนน่าห่วง อัครพลจำต้องรีบอุ้มเจ้าสาวเข้าพิธีสุดท้ายโดยเร็ว พ่อแม่ทั้งสองฝ่ายต่างรีบเร่งเมื่อเห็นท่าไม่ดี
“แม่ขอให้ทั้งคู่มีความสุข หนักนิดเบาหน่อยให้อภัยกันนะลูก “ฝั่งแม่เจ้าสาวอวยพรไปกอดลูกไปทั้งน้ำตา ได้เห็นรอยยิ้มน้อยๆ นั่นก็ทำให้คนเป็นแม่ชื่นหัวใจ สุขใดเล่าจะเท่าเห็นความสุขของลูก
“ขอบคุณค่ะแม่”
“อัครพ่อฝากฟ้าด้วยนะลูก “เจ้าบ่าวพยักหน้าแล้วโอบไหล่เจ้าสาวเข้ามากอดไว้แน่น ปานิศรายิ้มให้ผู้เป็นพ่อแล้วเอนศีรษะซบไหล่ว่าที่สามีด้วยความรู้สึกเหนื่อยกว่าทุกครั้ง
“ให้หนูฟ้าพักผ่อนดีกว่าค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อัครดูแลหนูฟ้าให้ดีนะลูก”
“ให้หนูฟ้าพักผ่อนดีกว่าค่ะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว อัครดูแลหนูฟ้าให้ดีนะลูก”
“ครับแม่ “อัครพลรับปากผู้เป็นแม่ของตน พลางประคองร่างเจ้าสาวค่อยๆ นอนบนเตียงนุ่ม เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างเรียบร้อยก็เดินไปปิดประตูแล้วกลับมาดูอาการว่าที่ภรรยาอีกครั้ง
อาการไม่สู้ดีนัก
“ขอบคุณนะอัคร ขอบคุณที่ทำตามสัญญาและคำขอร้องของฟ้า “ชีวิตของผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มีงานมงคลสมรสยิ่งใหญ่อย่างที่เคยวาดฝันแบบนี้ เธอไม่เคยคิดและคาดหวังว่าอัครพลจะยอมทำตามคำขอร้อง
“ฟ้าคือเพื่อนที่ดีที่สุดของอัคร ทำไมอัครจะทำเพื่อฟ้าไม่ได้”
“ทำเพื่อฟ้าแล้ว อย่าลืมทำเพื่อตัวเองบ้างนะ “ปานิศรารู้สึกตื้นตันจนพูดไม่ออก เพื่อนสนิทคนนี้คืออดีตคนรักของเธอ วันและเวลาทำให้ทั้งคู่ต้องลดสถานะลงเหลือเพียงคำว่าเพื่อนสนิท ความฝันของเธอคือสวมชุดเจ้าสาว หากเป็นไปได้ผู้ชายคนนั้นต้องเป็นเขา
ไม่คิดว่าอัครพลจะยอมทำตามคำขอของผู้หญิงป่วยใกล้ตาย หากวันใดที่เธอต้องตาย ชายหนุ่มรูปงามคนนี้ก็จะกลายเป็นพ่อหม้ายในทันที
ความตื้นตันแล่นขึ้นมาจุกที่อก ภายในงานวันนี้เธอรู้สึกว่ามีสายตาของสาวๆ หลายคนจับจ้องเธอด้วยความอิจฉา บางคนก็ชื่นชม ถ้าเป็นไปได้เธอก็ยังไม่อยากตาย อยากอยู่กับเขาไปนานๆ หากแต่ว่า...อัครพลมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว ปานิศรารู้ดีว่าชายคนนี้มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว
การแต่งงานของสองตระกูลดังยิ่งใหญ่ถูกเผยแพร่ออกข่าวทุกช่อง สร้างความตกใจและเป็นเรื่องช็อกวงการเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหมู่เพื่อนและคนวงการธุรกิจ
หนึ่งในนั้นคือหญิงสาวท้องโตที่กำลังโก่งคออาเจียนเอาน้ำขมๆ ออกจากคอ รินรดาสุดแสนจะทรมานกับอาการพวกนี้ เมื่อได้รู้ข่าวว่าอดีตคนรักแต่งงาน ยิ่งทำให้เธอหมดแรงหนักถึงขั้นยืนไม่ไหวทรุดลงไปนั่งกับพื้นปล่อยโฮเสียงดัง
มือเล็กลูบท้องเบาๆ แล้วพูดกับลูกจากนี้ไปจะมีแค่เราเท่านั้น หากแบกท้องไปเรียกร้องสิทธิ์จะเป็นการอับอายมากกว่าได้ผลประโยชน์ เธอไม่ได้ลำบากจนไม่มีกิน คอนโด เงิน รถยุโรปป้ายแดงที่เขาตั้งใจซื้อให้ก็ยังมี เธอจะใช้สิ่งเหล่านี้เลี้ยงดูเจ้าตัวเล็กและแม่ให้อยู่รอดโดยไม่ไปเรียกร้องความช่วยเหลือจากเขาเด็ดขาด
อาการป่วยของแม่ทรุดจนน่าห่วง ผู้เป็นแม่ขอร้องให้ย้ายลงใต้ไปอยู่ภูเก็ตเพราะมีที่ดินหลงเหลืออยู่ รินรดายอมตามใจย้ายจากกรุงเทพมาปักหลักอยู่ภูเก็ตและหางานทำ
พอคลอดลูกสาวได้ไม่ถึงปี แม่ก็เสียชีวิตอย่างสงบที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด รินรดาทำใจไว้อยู่แล้วว่าต้องมีวันนี้ งานศพของแม่ได้ท่านประธานของบริษัทมาเป็นเจ้าภาพ เพื่อนร่วมงานเดินทางมาฟังพระสวดแทบทุกคืนไม่ขาด โชคยังดีที่มีญาติของแม่หลงเหลือ อยู่ช่วยงานทำให้เบาแรงไปได้เยอะ
รินรดาเหนื่อยล้าจากการจัดงานมากเพราะมีลูกน้อยต้องกระเตงไว้ข้างตัวไม่ห่าง ยังดีที่ได้นิรนาทช่วยอุ้มผ่อนแรงได้บ้างเป็นครั้งคราว
“ขอบคุณมากนะคะพี่น้อย “
“เงินซองพอจ่ายค่าจัดงานรึเปล่า “หลังจบงานรินรดาก็นำซองที่ได้มาแกะแล้วเช็กยอดเพื่อนำถวายวัด
“แค่ซองคุณภาคย์ก็เกินพอแล้วค่ะ “
“มีเจ้านายดีก็แบบนี้แหละ คุณภาคย์ไม่เคยทิ้งลูกน้องอยู่แล้ว แถมยังเอ็นดูยอมให้แก้มพาลูกอินไปเลี้ยงที่ทำงานอีกด้วย “รินรดารู้สึกซาบซึ้งที่ได้เจ้านายดีและเพื่อนร่วมงานที่น่ารักเช่นนี้ กำลังใจเปี่ยมล้นทำให้ดวงหน้าหวานมีแต่รอยยิ้ม แม้จะเป็นงานสีดำของแม่ แต่รินรดาก็ยิ้มได้เพราะความมีน้ำใจของทุกคนที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
“นั่นสิคะ ถือเป็นโชคดีของลูกอินกับแก้ม จากนี้ไปแก้มจะตั้งใจทำงานอยู่ช่วยบริษัทจนกว่าคุณภาคย์จะเอ่ยปากไล่แก้มถึงจะไป”
“คงยากอยู่หรอก พี่คิดว่า “
“พี่น้อยคะ “รินรดารีบปรามเพราะรู้ว่านิรนาทกำลังจะสื่อถึงเรื่องของภาคภูมิกับเธอ บอกหลายครั้งแล้วว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้ เธอก็แค่เด็กใจแตกเรียนไม่จบแถมยังมีลูกติด ไม่เหมาะสมและคู่ควรกับผู้ชายแสนเพอร์เฟคอย่างภาคภูมิ มองยังไงก็ไม่คู่ควรสักนิด ผู้หญิงอย่างเธอไร้ค่าตั้งแต่ยอมพลีกายเพื่อเงินไปแล้ว ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่าขายตัว แค่ไม่มีใครรู้ เธอตั้งใจจะเก็บความลับนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ใช่อับอายแค่ไม่อยากให้เขาคนนั้นเสียชื่อเพราะได้เธอเป็นเมียต่างหาก
นี่ก็ปีกว่าที่เธอใช้ชีวิตอยู่กับลูก บางครั้งก็แอบคิดถึงแม่ที่จากไปบ้างบางครา พัฒนาการของลูกสาวทำให้แม่อย่างรินรดารู้สึกทึ้งทุกวัน พี่ๆ ที่บริษัทเอ็นดูลูกอินมาก เวลามีคนเดินผ่านโต๊ะทำงานของเธอจะต้องมีถุงสีขาววางทิ้งไว้ทุกครั้ง ใครไปใครมาก็ต้องทำแบบนั้นประจำ
“หม่ำๆ “
“รู้หรือเปล่าว่ามันคืออะไร หม่ำอย่างเดียวไม่ได้นะลูก “ใครนะช่างซื้อของเล่นพัฒนาการมาให้ ลงทุนขนาดนี้เชียวหรือ ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ลูกอินไปโปรยเสน่ห์ใส่พี่ๆ คนไหนถึงได้หน้ามืดซื้อของแพงแบบนี้มาให้
“ลุง”
“หือ “รินลดาขมวดคิ้วสงสัยแล้วหมุนตัวไปมองด้านหลัง
“เรียกลุงได้แล้วหรือ แบบนี้สิค่อยคุ้มกับของเล่นหน่อย “
“ของคุณภาคย์เองหรือคะ “สาวน้อยในชุดกระโปรงสีชมพูรีบวิ่งอ้าแขนไปหาภาคภูมิด้วยความดีใจ รินรดาอ้าปากหวอไม่คิดว่าลูกอินจะยอมให้เจ้านายหนุ่มยอมอุ้มถึงขั้นวิ่งไปหาเองเช่นนี้
ภาคภูมิยิ้มแย้มและกอดเจ้าตัวเล็กแน่น ไม่คิดเหมือนกันว่าจะทำให้เด็กวิ่งเข้าหาได้
“เสริมพัฒนาการน่ะ แรกๆ ก็สอนเขาก่อน อย่าเพิ่งให้เขาจริงจังจนเกินเหตุ “รินรดาพยักหน้าเข้าใจ แอบเกรงใจเสียด้วยซ้ำที่เจ้านายเสียเงินซื้อของพวกนี้มาให้
“ลูกอินมาหาแม่ดีกว่าคุณภาคย์จะไปทำงานแล้ว มาลูกมา “
“ไม่ๆ “ลูกสาวหมุนตัวกลับโอบรอบคอของภาคภูมิไว้แน่น สร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้เจ้านายหนุ่มเป็นอย่างมาก
“เอาเถอะ ผมว่างพอดี ห้องผมก็กว้างพอที่จะให้ลูกอินวิ่งเล่น คุณทำงานไปเถอะ ผมดูแลลูกอินให้เอง “
“แต่แก้มเกรงใจนี่คะ แค่นี้ก็มากเกินพอแล้ว “เรื่องเลี้ยงลูกในที่ทำงานคงไม่มีบริษัทไหนยอมขนาดนี้ รินรดาได้เจ้านายดีชีวิตเธอกับลูกก็เลยไม่ลำบาก หากต้องจ้างพี่เลี้ยง เธอก็ต้องเจียดเงินเดือนอันน้อยนิดที่มีจ่ายค่าจ้างนั่นไป แลกกับความเสี่ยงบางทีอาจไม่คุ้ม อีกเรื่องเธอไม่ไว้ใจใครทั้งสิ้นนอกจากตัวเองและรุ่นพี่อย่านิรนาท
ส่วนตอนนี้มีเพิ่มมาอีกหนึ่ง
“โอเค แม่แก้มยอมใจอ่อนแล้ว ไปเล่นห้องลุงดีกว่า บ๊ายบายคุณแม่ก่อนเร็ว “
“บาย “รินรดาแอบยิ้มให้ร่างสูงที่เดินหายเข้าไปในลิฟต์ ไม่อยากเชื่อสายตาว่าภาคภูมิสามารถเข้ากับลูกอินได้ดี ยังยืนยันว่าสถานะของเธอกับภาคภูมิจะเป็นแค่นายจ้างกับลูกน้องเหมือนเดิม ไม่มีเปลี่ยนแปลง เพราะในใจของเธอตอนนี้รักใครไม่ได้อีกแล้ว
เขายังเป็นที่หนึ่งในใจของเธอเสมอ แม้จะไม่มีวันได้เขามาครอบครอง เธอก็ยังเก็บเขาเอาไว้ในใจแต่เพียงผู้เดียว
--
