บทที่ 3
สามวันมาแล้วที่กวินตรายังคงวุ่นวายอยู่กับงานของตัวเองจนลืมพักผ่อน เมื่อถึงเวลาพัก เธอถึงกับหงายหลังลงโซฟาในห้องรับแขกก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างเหนื่อยล้าทันทีที่กลับถึงบ้าน ไม่สนว่าใครอีกคนจะกลับมาถึงตอนไหน หรือจะมีข้าวเย็นประทังชีวิตรึเปล่า เพราะตลอดหลายวันผ่านมาเขาทิ้งให้เธอทำงานหนักอยู่คนเดียว ส่วนตัวเองก็มัวแต่ยุ่งอยู่กับเรื่องใต้ร่มผ้า ข่าวแว่วมาให้ได้รู้เป็นพักๆ ว่าคู่ขาคนล่าสุดของเขาคือลูกสาวครูใหญ่โรงเรียนดังที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ เห็นว่าสวยเด็ด นมเท่าหัวเด็กเลยทีเดียว!
แต่ก็ช่างเถอะ เขาจะไปทำอะไรกับใคร ท่าไหนมันก็เรื่องของเขา เธอไม่สนแล้ว นิสัยแบบนั้นติดโรคตายไปเลยยิ่งดี สำส่อนดีนัก!
นานร่วมชั่วโมงทีเดียวกว่าเจตรินทร์จะกลับเข้าบ้าน สิ่งแรกที่ได้เห็นทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องรับแขกคือก้อนกลมๆ ที่กำลังนอนขดเหมือนลูกหมาอยู่ที่โซฟามุมห้อง ภาพนั้นทำให้เขาต้องรีบก้าวเข้าไปหา เพราะไม่บ่อยนักที่จะมีโอกาสได้เห็นแม่ตัวดีสิ้นฤทธิ์
“ไอ้กล้วย! ทำไมมานอนอยู่ตรงนี้ ไม่เข้าไปนอนในห้องดีๆ เดี๋ยวก็ไม่สบายจนได้!” เสียงเข้มเอ่ยเรียกทันทีที่เข้าถึงตัว ทว่ากลับมีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ตอบรับ มันทำให้รู้ว่าหลายวันที่ผ่านมาเธอคนเหนื่อยไม่น้อย ที่ต้องทำอะไรต่อมิอะไรแทนเขาผู้เป็นนาย
ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ เท่าลูกแมวแรกคลอดคนนี้ จะสามารถทำงานทุกอย่างแทนเขาได้อย่างไร้ที่ติ มันทำให้เขาคิดไม่ออกจริงๆว่าถ้าวันหนึ่งไม่มีเธออยู่ด้วย ชีวิตเขาจะเป็นยังไงต่อ
แค่คิดว่าวันหนึ่งเธอต้องแต่งงานแล้วย้ายออกไปอยู่กับคนอื่น หรือมอบความห่วงใยให้ใครสักคนที่ไม่ใช่ตัวเองใจก็รู้สึกเจ็บแปลกๆ ชอบกลยอมรับว่านี่เป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากให้เธอมีใคร
เพราะบรรยากาศหรือเพราะแรงดึงดูดของโลกก็ไม่ทราบได้ มันทำให้เขาตัดสินใจก้มต่ำลงก่อนพินิจมองใบหน้าอ่อนหวานอย่างชั่งใจ ชั่ววินาทีเท่านั้นที่ใจอยากลองทำบางสิ่งที่ไม่เคยคิดจะทำมาก่อนบางสิ่งที่รู้ว่ามันอาจเปลี่ยนทุกสิ่งแต่เขาก็ยังอยากทำอยู่ดี
“นายครับ! นายลืมกระเป๋าอยู่ในรถ…”
พลที่เห็นว่าเจ้านายลืมกระเป๋าไว้ในรถเลยกะจะนำเอาเข้ามาให้ตกใจจนแทบเสียสติ เมื่อจู่ๆ ต้องเข้ามาเห็นภาพของเจ้านาย กำลังจูบคนหลับไม่ได้สติอย่างไอ้กล้วยเข้า
“มึง!” มันทำให้คนที่เผลอทำเรื่องที่ไม่ควรทำตวาดขึ้นอย่างหงุดหงิด สายตาดุดันจ้องมองลูกน้อง ราวกับต้องการจะออกคำสั่งผ่านสายตา
“ไม่เห็นอะไรครับ ผมไม่เห็นอะไรเลย!” ซึ่งอีกฝ่ายก็เหมือนจะพร้อมเข้าใจแต่โดยดีก่อนจะรีบพาตัวเองออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว และไม่ลืมบอกตัวเองว่าเขาไม่เห็นอะไรก่อนหน้านี้ทั้งนั้น
“ให้ตาย! เธอทำบ้าอะไรกับฉัน ยัยตัวแสบ…” เมื่อทั้งบ้านตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เจตรินทร์ถึงได้เอ่ยขึ้นก่อนจะตัดสินใจช้อนอุ้มคนหลับลึกแนบอก แทนที่จะพาหล่อนไปส่งที่ห้องกลับพาขึ้นไปยังห้องนอนของตัวเองเหมือนทุกที
เป็นอีกเช้าที่กวินตราต้องตื่นขึ้นมาพบว่าตัวเองกำลังนอนหลับสบายอยู่บนเตียงในห้องนอนของผู้เป็นนาย นั่นว่าทำให้ตกใจแล้วแต่ก็ยังไม่เท่าตอนที่ได้เห็นว่าตัวเองกำลังนอนก่ายเอวเขาอยู่ ซ้ำพ่อตัวดีก็วาดแขนกอดเธอไว้แน่น ซึ่งกว่าจะแงะเอาตัวเองออกมาได้ก็ทำเอาเหนื่อยใช่เล่น เมื่อลงมาก็ต้องตกใจอีกรอบเมื่อพบเข้ากับใครอีกคนที่แม้จะไม่ได้เจอหน้ามาหลายเดือน แต่ท่านก็ไม่เคยลืมโทรศัพท์มาหาบ่อยๆ
“นายแม่! คิดถึงจังเลยค่ะ มาได้ยังไงคะเนี่ย ทำไมไม่บอกก่อนกล้วยจะได้ขับรถไปรับที่สนามบิน!” เสียงร้องที่มาพร้อมอ้อมกอด ทำให้คุณเจนสุดาที่กำลังยืนทำอาหารเช้าอยู่ถึงกับสะดุ้ง
“เดี๋ยวเถอะแม่คนนี้นี่! มาไม่ให้สุ่มไม่ให้เสียง เกิดฉันหัวใจวายตายไปจะทำยังไงหึ!” แม้ปากจะดุ แต่มือกลับกอดกระชับอีกฝ่ายเอาไว้มั่นด้วยเพราะเลี้ยงดูมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะไม่ใช่เลือดในอก แต่ก็รักไม่ต่างกัน
“ก็กล้วยดีใจนี่คะ คุณปิ่นละคะได้มาด้วยไหม” ปากว่าแต่มือกลับเอื้อมมือไก่ทอด ที่กำลังส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้านมากัดคำโต
“รายนั้นติดสอบปลายภาคเลยมาด้วยไม่ได้ แล้วนี่สายโด่งจนป่านนี้ทำไมเพิ่งตื่น นี่พ่อตัวดีคงใช้งานหนักจนไม่ได้หลับได้นอนอีกแล้วละสิ ใช่ไหม” อีกฝ่ายให้คำตอบ พร้อมกับตั้งคำถามราวกับตาเห็นซึ่งมันทำให้คนที่ถูกใช้งานมาหลายวันได้ทีรีบฟ้องใหญ่
