เมื่อเขาให้เป็นแค่น้องสาว
ตอนที่1
เมื่อเขาให้เป็นแค่น้องสาว
“พี่วินเป็นอะไรคะ ทำไมถึงได้มานั่งเงียบ ๆ อยู่แบบนี้”
มิตาน้องสาวต่างสายเลือดถามพี่ชายที่เป็นเพียงแค่ลูกของสามีใหม่ของมารดาด้วยความเป็นห่วงที่เห็นชายหนุ่มหลบผู้คนมานั่งเงียบอยู่ที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน
ธาวินเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่ามีคุณสมบติครบทุกอย่างตามที่สาว ๆ ต้องการแต่ตัวเขาเองเจ็บกับคำว่าความรักมามากเขาจึง ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใคร
“ทุกครั้งที่พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็เห็นจะมีแต่น้องสาวพี่คนนี้ที่รู้ทันและตามมาถามมาห่วง ถ้าวันไหนมิตามีแฟนมีครอบครัวขึ้นมาพี่คงไม่รู้จะเล่าความทุกข์ให้ใครฟังได้เลย”
มิตาได้แต่ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอ ทั้งสองคนหย่อนเท้าลงไปในสระน้ำเตะเท้าไปมาโดยที่ยังไม่มีใครพูดอะไร
หญิงสาวไม่กล้าถามเพราะอยากให้คนที่กำลังเครียดเป็นฝ่ายเริ่มเล่าเองมากกว่า
ธาวินนั่งเงียบไปเกือบสิบนาทีก่อนที่จะเริ่มเล่าความทุกข์ของเขาในวันนี้โดยที่ไม่ได้หันหน้ามาหาผู้ฟังตามแบบที่เขาทำเสมอเวลาระบายความทุกข์ให้มิตาฟัง
“วันนี้พี่ไปที่สนามกีฬามา ตั้งใจว่าจะไปวิ่งเพราะหยุดมาหลายปีแต่พอไปถึงรู้ไหมพี่เจอใคร”
คนเล่าหยุดพูดมิตาหันหน้าไปหาเพื่อรอฟังคำตอบ ธาวินกลืนน้ำลายลงคอทำให้มิตาพอเดาได้ว่าคงเป็นแฟนเก่าของเขาแน่ ๆ
“ลุลามาวิ่งกับปราชญ์ ทั้งคู่ทำเหมือนไม่เคยรู้จักพี่มาก่อน กางเกงที่ลุลาใส่ก็เป็นกางเกงสำหรับใส่วิ่งที่พี่ซื้อให้ ”
ธาวินหยุดเล่า เขาแหงนหน้ามองฟ้าท่าทางของชายหนุ่มตอนนี้ถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าเขาเพิ่งอกหักมา ทั้งที่ความจริงลุลาแฟนสาวที่เขาคบมาตั้งแต่อายุสิบหกได้สวมเขาให้ธาวินและเลือกผู้ชายคนใหม่เมื่อถูกจับได้ ซึ่งผู้ชายคนนั้นก็ไม่ใช่คนอื่นไกลคือ เพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเขา เหตุการณ์มันผ่านมาถึงสามปีแล้วแต่ทุกครั้งที่ชายหนุ่มไปเจอทั้งคู่มา เขาจะกลับมาเศร้าแบบนี้เสมอเหมือนว่ามันเพิ่งจะเกิดขึ้น
“พี่วินคะ บางเรื่องเราก็ควรจะลืมเพราะมันไม่ได้ทำให้เรามีความสุขและทุกครั้งที่พี่มานั่งทุกข์แบบนี้ สองคนนั้นเขาก็ไม่ได้มารับรู้ด้วย พี่วินเสียคนที่ไม่ได้รักพี่ไปแต่ยังมีคนที่รักพี่อยู่รอบตัวที่พี่ลืมพวกเขาไปนะคะ”
มิตาหมายถึงเธอด้วยในหนึ่งคนที่แอบรักพี่ชายต่างสายเลือดคนนี้มานานแสนนาน แม่ของมิตาเข้ามาเป็นแม่เลี้ยงของธาวินตั้งแต่มิตาอายุได้เพียงแค่สิบปีแต่ตอนนั้นธาวินก็เริ่มเป็นหนุ่มแล้วกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย
มารดาของชายหนุ่มทิ้งเขากับอดิสรณ์ผู้เป็นพ่อไปตั้งแต่ธาวินอายุได้เพียงแค่สิบปี ด้วยเหตุผลว่าช่วงนั้นธุรกิจของพ่อเขากำลังแย่ มีหนี้สินจำนวนมากและเพื่อนสนิทของอดิสรณ์ก็แอบแทงข้างหลังมานาน จนเมื่อมารดาของธาวินทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว จึงหนีไปกับเพื่อนของสามีและทิ้งลูกชายเพียงคนเดียวไปอย่างเลือดเย็น
“พี่ก็อยากลืม ลืมทุกเรื่องทั้งเรื่องของแม่และลุลาแต่ทำไมมันยิ่งจำก็ไม่รู้”
“แม่ของมิตาเคยเล่าให้ฟังค่ะ ว่าตอนที่พ่อทิ้งแม่ไปมี เมียน้อย แม่เจ็บมากและคิดว่าชีวิตนี้จะอยู่โดยไม่มีพ่อไม่ได้ วันหนึ่งพ่อยื่นคำขาดให้เราสองคนย้ายออกจากบ้านแม่ก็ยังหาเหตุผลต่าง ๆ มาแก้ตัวแทนพ่อหลอกตัวเองไปวัน ๆ จนวันที่แม่มีพ่อของพี่วินเข้ามา แม่จึงได้รู้ว่าเราสามารถมีความรักได้หลายครั้ง ดังนั้นเราไม่ควรทนอยู่กับคนที่เขาไม่ได้รักเราแล้ว”
ธาวินหันมามองหน้ามิตาด้วยสายตาที่ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวรุ่นน้องต้องการจะบอกอะไรกับเขา
“พี่ไม่เข้าใจ ตอนนี้อย่าพูดอะไรให้พี่ต้องคิดเลย สมองมันตันไปหมดแล้ว”
“มิตาคิดว่าถ้าพี่วินเปิดใจให้กับใครสักคนเข้ามาอยู่ในหัวใจของพี่ มิตาเชื่อว่าพี่จะลืมทั้งเรื่องของแม่พี่และพี่ลุลาแน่นอนค่ะ”
ธาวินใช้ขาเตะน้ำอย่างแรงจนน้ำกระเด็นโดนคนทั้งคู่เหมือนเขากำลังอยากระบายอารมณ์บางอย่าง
“มันยังจะมีอีกเหรอผู้หญิงดี ๆ สู้เจ็บเพราะไม่ลืมดีกว่าต้องไปเจอคนใหม่มาซ้ำแผลเก่าดีกว่า มิตาพี่ว่าเธอฟังพ่อพี่มากเกินไป เจอหน้าก็เฝ้าแต่อยากจะให้พี่มีแฟน เฝ้าแต่พูดถึงแต่เรื่องที่ตระกูลวชิระบารมีจะไม่มีใครสืบทอด ไม่คิดถึงความรู้สึกของพี่บ้างเลย”
หญิงสาวนั่งเงียบเพราะคิดว่าตอนนี้ เธอพูดอะไรไปก็คงไม่มีประโยชน์เพราะอีกฝ่ายกำลังอารมณ์ร้อนอยู่
“เปลี่ยนเรื่องคุยกันดีกว่า พี่ไม่อยากได้ยินเรื่องความรักอีกแล้ว เรามาคุยเรื่องของเธอกันดีกว่า เดือนหน้าก็เรียนจบแล้วคิดหรือยังจะเรียนต่อหรือทำงานเลย”
มิตาเปลี่ยนเรื่องคิดไม่ทัน เพราะอีกฝ่ายเล่นหันมาถามเกี่ยวกับตัวเธอ
“พี่วินเปลี่ยนเรื่องเร็ว มิตาคิดไม่ทันเลยแต่ที่คิดไว้ก็คงทำงานเลยค่ะ เกรงใจคุณลุงส่งเสียมาหลายปีแล้ว”
อดิสรณ์ส่งเสียให้มิตาได้เรียนโรงเรียนที่ดีที่สุดตั้งแต่มัธยมจนถึงมหาวิทยาลัย ความใจดีและจริงใจของวิภามารดาของหญิงสาวทำให้ธาวินไม่เคยคิดรังเกียจแม่เลี้ยงของเขาเลย กลับรู้สึกว่าการเข้ามาอยู่ในครอบครัวเขาของวิภา ทำให้บ้านดูอบอุ่นขึ้นและเขายังได้มิตามาเป็นน้องสาวเพิ่มอีกหนึ่งคน
“ทำงานก่อนก็ดี เพราะพี่ว่าเราก็มีบริษัทเป็นของครอบครัวเราไม่จำเป็นต้องรีบเรียนต่อ เรียนรู้งานไปก่อนจะได้รู้ว่าจะไปเรียนต่อสาขาไหนดี เอาแบบนี้เรียนจบแล้วมาเป็นเลขาส่วนตัวของพี่แล้วกัน”
“แต่พี่วินมีเลขาอยู่แล้วนะคะ”
มิตาไม่อยากรู้สึกว่าการที่ตัวเองเป็นลูกเลี้ยงของเจ้าของบริษัทและจะสามารถทำงานตำแหน่งไหนก็ได้ทั้งที่เขามีคนเก่าทำอยู่และทำได้ดีมาก ๆ
“พี่วินมีเลขาอยู่แล้ว มิตาไม่เอานะคะไม่อยากให้คนอื่นเขามาว่าเป็นเด็กเส้น”
ธาวินยกมือหนามาเขย่าศีรษะน้องสาวอย่างเอ็นดูในความคิดของเธอ
“ใครบอก คุณดาราเธอก็เป็นเลขาของพี่เหมือนเดิม นั่นแหละ เพียงแต่พี่คิดว่าคุณดาราเขากำลังมีลูกเล็กเวลาพี่ต้อง ออกงานข้างนอกบางครั้งก็กลับดึกแถมบางทีงานเยอะเธอก็ต้องขนไปทำที่บ้านพี่เห็นแล้วสงสาร จึงอยากจะเอามิตาไปช่วยคุณดาราเธออีกที”
หญิงสาวได้ยินแบบนี้ก็ค่อยสบายใจขึ้น เพราะเธอก็เคยคิดแอบสงสารเลขาของธาวินอยู่ที่เพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่เดือน เธอกลับ ไม่ค่อยมีเวลาให้ครอบครัวเลย
“ตกลงค่ะ ค่อยสบายใจหน่อยแต่มิตาไม่ได้เรียนทางนี้มา สงสัยต้องให้คุณดาราสอนงานอีกมากกว่าจะทำเป็น”
ทั้งคู่เป็นอันว่าคุยกันสนุกขึ้นเมื่อได้เปลี่ยนเรื่องคุยแต่เมฆดำบนฟ้าก็ดันมาเป็นอุปสรรคเพราะตอนนี้ฝนเริ่มลงเม็ดแล้วทั้งคู่จึงรีบวิ่งแยกย้ายกันเข้าบ้านเพราะต่างก็กลัวเปียกและกลัวเสียงฟ้าร้องด้วย
