Ep.1. คนในความลับ
กาลเวลาเลื่อนผ่านมาจนตอนนี้หล่อนเรียนจบ มีการมีงานทำและถึงแม้จะทำงานกับฮัฟแต่ก็ไม่ได้เจอกันกับเขาถึงเจอเธอก็ไร้ตัวตนในสายตาของชายหนุ่ม และตั้งแต่เหตุการณ์ในครั้งนั้นเธอก็ไม่ได้เข้าหาหรือได้พบกับฮัฟอีก และเขาเองก็ไม่ต้องการเห็นหน้าเธอเหมือนกัน เมื่อเขารู้ความจริงว่าหล่อนคือหลานสาวของเขา และยิ่งไปกว่านั้นหลังจากนั้นหล่อนก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก่อตัวขึ้น ด้วยความหวาดกลัวเมณิษาจึงขอย้ายออกไปอยู่ข้างนอก และคุณยายก็ใจดีให้หล่อนไปอยู่ข้างนอก เธอไม่ต้องการให้ใครรู้ว่าตัวเธอเองกำลังมีลูกของชายหนุ่มติดตามมาด้วย แต่ก็ไม่สามารถปิดบังมาเรียคุณยายได้ ท่านช่วยเหลือเธอตลอดจนคลอดลูกชาย เจสันถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นตา ปาก คิ้ว จมูก รูปปากที่เหมือนกัน ดูแล้วเหมือนฮัฟย่อส่วน แต่แปลกหล่อนกลับไม่คิดว่ามันคือความผิดพลาดหรือเสียใจ กลับดีใจด้วยซ้ำที่หล่อนมีครอบครัวไม่ได้มีตัวคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน
“เมื่อไหร่หนูจะกลับบ้านไปอยู่กับยายลูก แล้วพาหลานไปอยู่ด้วยกัน เนี่ยก็หลายปีแล้วนะ หนูไม่คิดจะให้ฮัฟรู้เลยเหรอว่าเขาเป็นพ่อคนแล้ว” มาเรียเอ่ยถามหลานสาวที่เป็นแม่ของหลานชายของตนเอง ตอนนี้หนูน้อยก็อายุได้ 5 ขวบแล้ว และเมณิษาก็ไม่ใช่เด็กสาวอีกต่อไป หล่อนอายุได้ 24 ปีแล้ว เรียนจบและตอนนี้ก็มีการมีงานทำ หล่อนทำหน้าที่เป็นเลขาส่วนตัวของฮัฟ แม้จะเป็นเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มแต่เขาก็ไม่เคยคิดจะมองหน้าหล่อนเลยสักครั้ง เพราะตอนนี้เขามีหญิงอื่นเคียงกายอยู่แล้ว
“คุณยายอย่าให้หนูกลับไปเลยค่ะ คุณฮัฟมีคู่หมั้นแล้ว หนูไม่อยากไปยุ่ง อีกอย่างเจสันก็ไม่เคยถามถึงพ่อ หนูเลย...” เมณิษาเงียบไปดื้อๆ เมื่อไม่รู้จะพูดคำไหนออกมา
“เนี่ยไง ยายอยากอยู่กับหลานทุกวัน ไม่อยากเทียวไปเทียวมาแบบนี้ ยายแก่แล้วนะลูก” นางเอ่ยเสียงเนิบนาบตามวัย
“หนูขอคิดดูก่อนนะคะคุณยายว่าจะกลับไปอยู่บ้านไหม”
“ยายหวังว่าเราจะกลับไปนะ ยายอยากให้หนูไปอยู่ด้วย ถ้าเรื่องตาฮัฟหนูไม่ต้องสนใจ เพราะรายนั้นไม่ค่อยอยู่ติดบ้านอยู่แล้ว” นางบอกพร้อมกับมองดูหลานชายวิ่งเล่นไปมาในสวนสาธารณะ
“ค่ะคุณยาย หนูขอคิดดูก่อนนะคะ เนี่ยหนูไปทำงานก็ฝากเจสันไว้กับพี่เลี้ยง เจสันโตขึ้นทุกวันหนูกลัวว่าพี่เลี้ยงจะตบตีทำร้ายเขา”
“ยายถึงอยากให้หนูย้ายกลับไปอยู่ด้วยกันไง และเจสันก็จะเข้าโรงเรียนได้แล้ว”
“ค่ะ หนูขอเวลาคิดก่อนนะคะ ส่วนเรื่องโรงเรียนหนูก็กำลังดูอยู่ค่ะ”
“อืม ยายหวังว่าหนูจะพาเจสันไปอยู่กับยายนะ เจสันลูกมาหาย่าหน่อยสิลูก มาให้ย่ากอดหน่อยย่าจะกลับแล้ว” เมื่อมองดูนาฬิกาแล้วก็ถึงเวลาที่นางต้องกลับบ้านแล้ว อีกไม่นานก็มืดค่ำ อีกอย่างอยากให้เมณิษาพาลูกกลับบ้านเช่นกัน
“ครับคุณย่า....” น้ำเสียงสดใสของหนูน้อยวัยห้าขวบวิ่งเข้ามาหาผู้เป็นย่าพร้อมโถมตัวเขากอดและหอมแก้มท่าน
“มาหาเจสันใหม่นะครับคุณย่า” หนูน้อยผละออกมาจากอ้อมแขนของคุณย่าแล้วเอ่ย
“ครับ เจสันก็ไปหาย่าที่บ้านบ้างนะ หรือจะย้ายไปอยู่กับย่าก็ได้นะเจสัน”
“ย้ายไปอยู่ แม่ครับเราย้ายไปอยู่กับคุณย่าได้ไหมครับ” เจสันเป็นเด็กฉลาดกว่าเด็กวัยเดียวกัน จึงทำให้เข้าใจอะไรได้ง่ายๆ
เมณิษาทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ ให้ลูกชายก่อนจะลุกขึ้นประคองคุณยายลุกขึ้นยืนแล้วพาท่านไปส่งที่รถยนต์คันหรูที่มีคนขับรถติดเครื่องรอท่าอยู่ก่อนหน้า
“ยายหวังว่าจะได้รับคำตอบที่ดีเร็วๆ นี้นะลูก”
เมณิษายิ้มตอบ ส่วนหนูน้อยนั้นตอบแทนผู้เป็นแม่
“แล้วเจอกันที่บ้านนะครับคุณย่า” หนูน้อยบอกพร้อมโบกมือลาแล้วประตูรถก็ปิดสนิทพร้อมกับรถแล่นออกไปทันที และเมื่อเหลือสองคนกับลูกเมณิษาก็ย่อตัวลงถามลูกชาย
“เจสันอยากย้ายไปอยู่กับคุณย่าไหมครับ”
“อยากครับ เจสันอยากไปอยู่กับคุณย่า”
“ขอแม่คิดดูก่อนนะครับ”
“ครับ ผมเชื่อแม่นะครับ รักแม่นะครับ”
“แม่ก็รักลูกครับ” แล้วสองแม่ลูกก็เดินจูงมือกันกลับอพาร์ทเม้นท์ที่อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก
มาเรียกลับมาถึงบ้านก็เห็นลูกชายที่กลับมาถึงบ้านไวกว่าทุกวัน นางเดินไปหาลูกชายที่นั่งอ่านหนังสือในห้องนั่งเล่นของบ้านหลังใหญ่ ซึ่งปกติแล้วฮัฟจะไม่ค่อยมานั่งเท่าไร นางแปลกใจอยู่ดีๆ ลูกชายก็มานั่งเหมือนมานั่งอ่านหนังสือรอนางยังไงก็ไม่รู้
“ฮัฟกลับมานานแล้วเหรอลูก”
“สักครู่ใหญ่ๆ แล้วครับ” พูดพร้อมกับปิดหนังสือ หยิบซองเอกสารสีน้ำตาลวางข้างๆ ยื่นให้ผู้เป็นแม่ดู
“อะไรลูก”
“ก็ดูสิครับ”
มาเรียรับมาเปิดดูของข้างในซอง แล้วนางก็ไล่ดู แต่ละแผ่นเป็นรูปของนางกับเมณิษาและเจสันทั้งนั้น
“ลูกให้คนตามแม่”
“ใช่ครับ ผมอยากรู้ว่าแม่ออกไปไหน ออกไปแทบทุกวันผมเลยให้คนตามแม่และถ่ายรูปมา เมณิษา เด็ก แม่อธิบายให้ผมเข้าใจทีว่าเมณิษามีลูกตั้งแต่เมื่อไหร่” เขาเห็นหล่อนที่ทำงานทุกวันแต่ไม่เคยรู้ว่าหญิงสาวมีลูก
“แม่ว่าแม่ไม่ต้องอธิบายก็ได้หรอกมั้ง ฮัฟคงรู้หมดแล้วว่าเด็กคือใครและใครเป็นพ่อ”
“ทำไมแม่กับเด็กนั่นต้องปิดบังผม ผมมีสิทธิ์รู้เพราะนั่นลูกชายของผม” เขาบอกท่านเสียงเรียบแล้วลุกขึ้นเต็มความสูง
“นั่นลูกจะไปไหน”
“ไปพาลูกกลับมาอยู่ด้วย”
“ไม่ได้นะฮัฟ ลูกทำแบบนั้นกับลูกไม่ได้ อีกอย่างหนูจินนี่ก็ไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบ ลูกมีคู่หมั้นแล้ว ลูกจะแต่งงานอยู่แล้วอีกสองเดือนข้างหน้า แม่ว่าลูกไม่ควรไปยุ่งกับทั้งสอง ไม่ควรไปแสดงตัว”
“นั่นลูกชายผม เมียผม ทำไมจะยุ่งไม่ได้ ส่วนเรื่องแต่งงานกับแคทเธอลีนผมจัดการได้ งานแต่งงานยังคงมี แต่ผมปล่อยลูกกับเมียผมอยู่ข้างนอกไม่ได้”
“ลูกเห็นแก่ตัว”
“ผมไม่ได้เห็นแก่ตัว ผมแค่ไม่อยากให้สองคนอยู่ห่างสายตาผม”
“เมื่อก่อนเขาก็อยู่ของเขาลูกก็ไม่เคยสนใจ”
“นั่นมันเมื่อก่อนครับแม่ ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว ผมจะไปพาลูกมาอยู่กับผม ส่วนจินนี่เธอตามมาแน่นอนเพราะเธอรักลูก” เขาสืบรู้เรื่องทุกอย่างเกี่ยวกับจินนี่ และตอนนี้เขาก็ไม่อาจรอได้อีกต่อไปแล้ว หลายปีที่หล่อนพรากลูกไปจากเขา ถึงเวลาที่เขาต้องทวงสิทธิ์ของตัวเอง และหล่อนก็เป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น
“แม่ไม่ต้องห่วง ผมมีวิธีจัดการของผม” แล้วเขาก็เดินออกไปพร้อมกับโทรเรียกแอนดริวคนสนิทของตนเองตามไปด้วย ไปเจอกันที่อพาร์ทเม้นท์ของเมณิษาเลย เขาต้องการพาสองแม่ลูกกลับมากับเขาด้วย
