บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 ดูตัว 1.1

คำพูดของราเชนทร์ที่สื่อความหมายว่าวาติยาน้องสาวฝาแฝดของเธอมั่วกับผู้ชายหลายคน ทำให้เธอตอกกลับอย่างเจ็บแสบ

“รู้ตัวเหรอคะว่าตัวเองโง่...แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปเสียแล้วค่ะ เพราะว่าคนฉลาดอย่างแก้วได้นอนกอดทะเบียนสมรส ได้เป็นลูกสะใภ้ของตระกูลอิศราภักดี และได้ผัวโง่ๆ มาครอบครองคนหนึ่ง”

วาจาที่เผ็ดร้อนที่ออกมาจากปากของธาริกาทำให้ราเชนทร์แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ ได้แต่นั่งตัวสั่นใบหน้าแดงก่ำข่มความโกรธ เมื่อคุณหญิงพิมพาเรียกสติให้กลับคืนมา จึงเอ่ยปากถามคุณหญิงรุ่งระวีเพื่อนรัก

“นี่น่ะเหรอลูกสะใภ้ที่รุ่งพูดถึง?”

“ใช่ คนนี้แหละ” คุณหญิงรุ่งระวีตอบเพื่อนรัก

“นี่หนู...ที่นี่เขามีแต่ผู้ดีมีตระกูลมาทานข้าวกันนะจ๊ะ เขาไม่ต้อนรับไพร่สถุลไม่มีการศึกษาอย่างหนูหรอก ฉันว่าหนูกลับบ้านไปนอนกอดทะเบียนสมรสดีกว่า”

คำพูดที่นุ่มนวลแต่เจ็บไปถึงทรวง คำก็ไพร่สองคำก็ไม่มีการศึกษา รู้จักฤทธิ์แม่น้อยไปแล้ว ผู้ที่ร่วมโต๊ะต่างอมยิ้มกับคำพูดที่เสียดสีของคุณหญิงพิมพาเป็นอย่างมาก รู้สึกสะใจที่ได้เห็นใบหน้าของ วาติยาที่เริ่มแดงด้วยความโกรธ

“เหรอคะ คนที่นี่คงมีการศึกษาสูงนะคะ ถึงเอาลูกสาวตัวเองใส่พานยอมให้เป็นเมียน้อยของคนอื่น รู้ทั้งรู้ว่าเขามีเมียอยู่แล้ว และที่สำคัญเมียก็ยืนหัวโด่อยู่นี่ด้วย อยากรู้จริงๆ เลยว่าคุณยายส่งลูกสาวไปเรียนที่ไหนคะถึงไม่รู้จัก อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้กับคำว่าหน้าด้าน นิยมเป็นเมียน้อยของคนอื่น”

คุณหญิงพิมพาแทบจะกรี๊ดเมื่อได้ยินสรรพนามที่เธอเรียกนางว่า ยาย และยิ่งโกรธมากยิ่งขึ้นเมื่อเด็กคราวลูกพูดจาไม่ให้เกียรติ

“แก! แกนังปากตลาด เกิดมาไม่เคยเจอะเคยเจอ ผู้หญิงอะไร ทำไมถึงได้ ปากคอเราะราย ฉันไม่แก่ขนาดที่แกจะมาเรียกฉันว่ายายนะ”

คุณหญิงพิมพาพูดอย่างเหลืออด ส่วนมารดาของราเชนทร์ต้องควานหายาดมในกระเป๋า เพราะเธอกำลังจะเป็นลมกับฤทธิ์เดชของลูกสะใภ้ เมื่อก่อนวาติยาไม่เคยมีปากมีเสียงแบบนี้ แต่หลังจากที่หนีออกจากบ้านไปสองสามวันพอกลับมาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน

“โถ!! เรียกยายน่ะถูกแล้วค่ะ ดูสิคะ ตีนกาขึ้นเต็มหน้าเลย ต่อให้ดึงหน้าตึงเป็นหนังกลองยังไง รอยตีนกาที่ประทับอยู่บนใบหน้าของคุณยายมันก็ยังมองเห็นอยู่ดี”

คุณหญิงพิมพาชี้หน้าหญิงสาวอย่างไม่หลงเหลือความอดทน

“แก! นังโสเภณี!... ถ้าแกไม่มอมยาตาเชนทร์ แกก็ไม่มีวันได้จดทะเบียนกับตาเชนทร์หรอกรู้ไว้ซะด้วย”

“ใช่ ฉันมันโสเภณี... แล้วการที่เป็นโสเภณีมันหนักส่วนไหนของพวกคุณ พวกคุณดีเลิศประเสริฐศรีนักหรือไง? การที่พวกคุณมีเงินมีการศึกษาที่ดี มีโอกาสที่มากกว่าคนอื่นมันไม่ช่วยให้จิตใจของพวกคุณสูงกว่าฉันเท่าไหร่หรอก เพราะอะไรรู้ไหม เพราะหัวใจของพวกคุณต่ำกว่ารองเท้าของฉันเสียอีก คิดแต่เรื่องต่ำๆ ชอบ เหยียบย่ำคนอื่น มองคนอื่นเหมือนหมูเหมือนหมา ทั้งๆ ที่พวกคุณกับโสเภณีอย่างฉันก็เดินบนผืนแผ่นดินเดียวกัน” วาจาที่กลั่นออกมาจากใจผสมกับความโกรธ ทำให้ คนที่นั่งอยู่ถึงกับอึ้งกับคำเปรียบเปรยของเธอ

“แสดงว่าคุณยอมรับว่าตัวเองเป็นโสเภณี”

วิมาดาที่อดทนนั่งฟังมานานเริ่มเปิดปากพูด ธาริกามองใบหน้าของวิมาดาที่สวยพริ้ง ที่มีเครื่องสำอางราคาแพงแต่งเติมบนใบหน้าให้ขาวผ่องและสวยสะดุดตา

“ใช่ ฉันมันโสเภณี แล้วจะทำไม?” ธาริกาถามหยั่งเชิง ยืนกอดอกรอฟังคำตอบอย่างไม่เกรงกลัว

“ก็ไม่ทำไมหรอก โสเภณีก็เป็นอาชีพหนึ่งที่ขายร่างกายเพื่อแลกกับเงิน แต่เธอนี่ก็เก่งนะสามารถทำให้พี่เชนทร์จดทะเบียนสมรสได้ รู้ทั้งรู้ว่าพี่เชนทร์ไม่เต็มใจ แต่ที่เธอทำน่าเกลียดมากไปกว่านั้นก็คือ เธอแสดงกำพืดของตัวเองออกมาประจานให้บุคคลอื่นได้เห็น ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือว่าการกระทำ เธออาจจะไม่อาย แต่เธอก็น่าจะนึกถึงคุณหญิงแม่บ้าง และที่สำคัญเธอต้องให้เกียรติสามีของเธอด้วย ไม่ใช่จะมาทำกิริยาต่ำๆ แถวนี้”

วิมาดาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และมันกรีดลึกเข้าไปถึงหัวใจของธาริกา แต่เธอไม่แสดงสีหน้าโกรธ สิ่งที่เธอทำคือยิ้ม

“ขอบคุณนะคะสำหรับคำเตือน แต่ฉันก็อยากจะเตือนลูกผู้ดีมีตระกูลอย่างคุณเหมือนกัน อย่าริอ่านเป็นเมียน้อยของโสเภณีอย่างฉันเลย รู้ถึงไหนก็จะอายไปถึงนั่น มีความรู้สูงแต่ไม่มีปัญญาหาผัว จะเสื่อมเสียวงศ์ตระกูลอันสูงส่งของคุณเปล่าๆ แม่คุณก็เหมือนกัน รู้ก็รู้ว่าพี่เชนทร์เขาแต่งงานแล้ว ก็ยังจะยอมให้คุณมาเป็นเมียน้อยของฉันอีก แต่ขอโทษ เมียหลวงอย่างฉันไม่มีวันยอม เคยได้ยินสุภาษิตที่ว่าเสียทองเท่าหัวไม่ยอมเสียผัวให้ใครหรือเปล่าคะ และผัวรวยๆ หล่อๆ แถมโง่อย่างนี้หายากค่ะ หายาก”

ธาริกาพูดกระทบหลายคนที่อยู่ร่วมโต๊ะ ราเชนทร์ที่ทนฟังและทนเห็นพฤติกรรมของวาติยาแทบไม่ไหว คุณหญิงพิมพาและวิมาดาต่างอึ้งเมื่อถูกย้อนอย่างเจ็บแสบ คุณหญิงรุ่งระวีไม่พูดอะไรสักคำ ได้แต่นั่งดมยาดม หายใจเข้าออกอย่างแรง

“มานี่เลย...มานี่”

ราเชนทร์ทนไม่ไหวคว้าข้อมือของเธอ โดยไม่สนใจคุณหญิงรุ่งระวีและเพื่อนรักของมารดารวมทั้งผู้หญิงที่มารดาของเขาพามาดูตัว ก่อนจะลากโดยไม่สนใจเสียงร้องและแรงขัดขืนของเธอเลย ราเชนทร์ลากเธอมาถึงลานจอดรถที่อยู่ชั้นใต้ดินของทางโรงแรมเดินตรงไปที่รถยนต์ของเขา จากนั้นก็เปิดประตูรถและยัดร่างของเธอให้นั่งด้านข้างของคนขับ ส่วนเขาก็นั่งประจำที่คนขับรถ

“ไอ้บ้าปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะ...ปล่อยฉันลง จอดรถสิจอดรถ”

ธาริการ้องตะโกนดังลั่นรถ หากราเชนทร์ยังคงนั่งนิ่งขับรถต่อไปอย่างไม่สนใจเธอ เขาขับรถมาเรื่อยๆ จนออกนอกเมือง ธาริกามองข้างทางที่มีอาคาร บ้านเรือนหนาแน่น แต่ตอนนี้เริ่มเบาบางลงเหมือนกับว่าเขาขับรถออกไปยังต่างจังหวัด

“นายจะไปไหน?” ธาริกาถามอย่างหวาดหวั่น

“......” เงียบไม่มีเสียงตอบจากเขา

“หูหนวกหรือไง ฉันถามว่าจะไปไหน?”

ธาริกาตะโกนถามดังลั่น ราเชนทร์เบรกรถอย่างแรงจนได้ยินเสียงห้ามล้อดังไปทั่ว ดีที่ว่าทั้งเขาและเธอต่างสวมเข็มขัดนิรภัยไว้ ไม่เช่นนั้นใบหน้าและส่วนต่างๆ ของร่างกายคงเขียวช้ำจากแรงกระแทก

“ไอ้บ้า...จะฆ่ากันหรือไง?”

ธาริกาตวาดลั่น มือหนาของเขาปลดเข็มขัดนิรภัยของเขาออก ก่อนจะหัน มาปลดของเธอ ซึ่งธาริกาได้แต่มองการกระทำของเขาอย่างงงๆ

“ปากดีนัก...ไหนลองชิมหน่อยซิว่าของโสโครกอย่างเธอ มันจะรสชาติเป็น ยังไง”

ร่างของราเชนทร์โถมเข้าหาร่างของหญิงสาวที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งทันที โดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ตั้งตัว ร่างของเธอจึงถูกร่างกายที่สูงใหญ่และกำยำของเขาทาบทับ ราเชนทร์เอื้อมมือไปกดปุ่มที่ทำให้เบาะเอนไปจนสุด ทำให้ร่างของเธอขยับเขยื้อนไม่ได้ สีหน้าของธาริกาเต็มไปด้วยความตกใจและตื่นเต้น หัวใจของเธอเต้นเร็วรัวเหมือนกับว่ามีกลองชุดใหญ่อยู่ในหัวใจ ราเชนทร์ใช้มือของเขาอีกข้างหนึ่งจับหมับที่ท้ายทอยของเธอ และรั้งให้ใบหน้าเธอเข้ามาใกล้ใบหน้าของเขา จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งสองแนบสนิทกัน

เหมือนกับมีไฟกองใหญ่กำลังสุมไปทั่วร่างกายของเธอ ความร้อนเร่ากับการบดจูบของราเชนทร์ทำให้ร่างของเธอร้อนเหมือนถูกไฟแผดเผา เรียวลิ้นของเขาชำแรกผ่านไรฟันของเธอจนได้สัมผัสกับเรียวลิ้นที่อ่อนนุ่ม ทันทีที่ลิ้นสากแตะสัมผัสกับเรียวลิ้นนุ่มของเธอ หัวใจของเขาเต้นเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันเหมือนหนุ่มน้อยที่เพิ่งเคยลิ้มลองการจูบเป็นครั้งแรก ซึ่งความเป็นจริงแล้วเขาผ่านศึกมามากมายจนนับไม่ไหว มือของเธอคือสิ่งเดียวที่จะสามารถหยุดยั้งการกระทำที่จาบจ้วงของเขาได้ เธอจึงทุบไปทุกที่ที่มือของเธอจะสามารถสัมผัสกับร่างกายของเขาได้

ความเจ็บจากการทุบตามร่างกายไม่สามารถหยุดการรุกรานของเรียวปากหนานี้ได้ เพราะเขาทั้งดึงดูดเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นจนมือของเธอเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ สมองเธอเหมือนขาดออกซิเจนไปชั่วคราว สติที่มีอยู่มากล้นเริ่มเหือดหาย ความว่างเปล่าเข้ามาแทนที่ เสียงครางแสดงความพอใจของเขาดังครึ้มอยู่ที่ลำคอ เขายังคงหาความหวานดุจน้ำตาลที่เคี่ยวกับน้ำและตั้งไฟอ่อนๆ รอให้ความหวานแตกหน่อได้ที่ จึงเติมความหอมจากดอกมะลิลงไป เหมือนกับความรู้สึกของเขาตอนนี้ที่ได้รับรู้ทั้งรสที่หวานจากเรียวปากของเธอ รับรู้ความหอมจากโพรงปากอ่อนนุ่ม

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel