บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 7 บอกความประสงค์

ผมก้าวเดินเข้ามายังไนต์คลับลุกซ์มองไปยังรอบร้านที่ดูครึกครื้นในยามค่ำคืน ผมคนมากมายในร้านจับจ้องผมด้วยความแปลกใจ ส่วนผู้หญิงกลับมองผมด้วยรอยยิ้มที่แสนจะยั่วยวน ผมหันไปหาบอดี้การ์ดที่ชื่อเดี่ยวทันที

“เดี่ยว มึงไปเรียกเจ้าของร้าน แล้วพามาพบกู” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ครับ คุณคิม” ไอ้เดี่ยวรับคำสั่ง แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์บาร์ บาร์เทนเดอร์ชี้ไปยังสาวประเภทสองวัยกลางคนที่สวมสุดเดรสสีดำลายระยิบระยับ ไม่ช้าหญิงวัยกลางคนก้าวเดินมาหาผมพร้อมไอ้เดี่ยว เธอกลับยกมือไว้ผมและเผยรอยยิ้ม

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ดุจรับใช้คะ” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“เคลียร์คนออกจากร้านให้หมด ผมต้องการความเป็นส่วนตัว” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง ทำให้เธอหน้าเหวอขึ้นมาทันที

“แต่ว่าร้านพึ่งค่ำเองนะคะ ลูกค้ากำลังเข้า เราไม่มีนโยบายไล่ลูกค้าออกจากร้าน” เธอเอ่ยบอกแบบนี้ ผมสอดสายตามองไปทั่วร้านเพื่อมองหาเธอคนนั้น กลับไม่มีวี่แววแต่อย่างใด

“ถ้าไม่ทำตามที่ผมบอก ลูกน้องของผมที่รอสแตนด์บายอยู่ด้านนอก ผมไม่รับประกันว่าร้านของคุณจะเป็นเช่นไรต่อจากนี้” ผมเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังทำให้เธอหน้าซีดเผือดกว่าเดิม

“ได้ค่ะ เดี๋ยวดุจจัดให้ค่ะ” เธอเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวและแววตาของเธอรู้สึกประหม่า ผมรู้เลยว่าหน้าผมนิ่งและดุดันมากแค่ไหน

“ขอบคุณครับ” ผมเลยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

-ดารา-

ฉันลงจากรถฝั่งของพนักงาน และเดินลงมาพร้อมกับปิดประตู กดรีโหมดเพื่อล็อกกุญแจทุกครั้ง ฉันเดินมายังหน้าร้าน เห็นว่าหน้าร้านกลับเงียบผิดปกติ อีกทั้งมีชายชุดสูทสีดำใส่ไม่เป็นทางการมากนัก พวกเขามองมายังฉัน บางคนสูบบุหรี่ บางคนหยุดพูดคุยและหันมามองฉันด้วยสายตาแปลกๆ เมื่อมองเข้าไปในร้านช่างไร้ผู้คนพลุกพล่าน ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะร้านนี้คนจะคนเยอะทุกวัน อีกทั้งเพื่อนในร้านนั้นหายไปหมด มีแต่ชายชุดสูทสีดำเดินไปมาอย่างกับตลาดนัด ฉันเดินเข้าไปเรื่อยๆ มองไปยังเคาน์เตอร์บาร์เห็นว่าเจ้ดุจยืนอยู่ตรงนั้น อีกทั้งกำลังคุยกับชายสวมชุดสูทกำมะหยี่สีน้ำเงินเข้ม ฉันจึงก้าวเดินเข้ามาเรื่อยๆ ชายชุดสูทมองฉันด้วยเช่นกัน

“ดาวมาแล้วเหรอ” เจ้ดุจเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม ชายชุดสูทกำมะหยี่จึงหันมาหาฉันด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก ฉันจึงได้ดีว่าเป็น ไอ้ห่านั้นที่จะพาฉันไปตาย

“เธอชื่อดาวหรือครับ” มันเอ่ยถามโดยไม่หันไปหาเจ้ดุจ

“ใช่ค่ะ เธอชื่อดาว และเป็นดาวเด่นของที่ร้านเรา” เจ้ดุจเอ่ยบอกมันด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

“ผมขอคุยกับดาวเด่นของเจ้ได้ไหมครับ” มันบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“ค่ะ” เจ้ดุจก้าวเดินออกจากตรงนี้ไปยังโซนหลังร้านโดยทันที

“กูไม่อยากคุยกับมึง” ฉันเอ่ยบอกและจะเดินออกจากร้าน

“นับหนึ่ง...” มันนับเลขใส่ “นับสอง...” ไอ้เอี้ยเอ๊ย

“นับ...”

“มึงจะเอาอะไร ว่ามาหรือมึงจะเอาต่างหูหรือนาฬิกาคืน” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูดุดัน

“กูไม่เอา เพราะกูมีหมดแล้วที่มึงพูด” มันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

“แล้วมึงจะเอาอะไร” ฉันเอ่ยถามมัน แต่มันกลับยกแก้วคริสตัลขึ้นดื่มทันที และมองฉันยกมุมปากเล็กน้อย ไอ้เอี้ยอย่าทำหน้าแบบนี้ กูเดาทางไม่ถูก

“มึงว่าที่นี่เสียงดังไปไหม เราไปคุยกันที่อื่นกันดีไหม”

“กูไม่ไป” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน ฉันมองมันที่กำลังยิ้มที่มุมปากเหมือนตัวร้ายในละครหลังข่าว แต่ทว่ามันลุกขึ้นยืน พร้อมลูกน้องที่นั่งรออยู่

ทันใดนั้นฉันเหมือนกับว่าเหมือนมีใครนำผ้าอะไรสักอย่างมาปิดจมูก

ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ ปรับสายตามองไปรอบห้องนอนสี่เหลี่ยมสีขาวขนาดใหญ่ มีผ้าม่านสีน้ำเงินปิดบังแสงเอาไว้ ที่ไม่คุ้นเคย ฉันจึงลุกขึ้นนั่งโดยทันที และมองเข้าไปใต้ผ้าห่ม ฉันจำได้ว่ากำลังเถียงกับไอ้บ้านั้น พอฉันลุกขึ้นยืน ภาพนั้นก็ตัดไปทันที ฉันคิดว่ามันคงเป็นยานอนหลับ ฉันมองสำรวจร่างกายในใต้ผ้าห่ม กลับไม่ได้เปลือยเปล่า ทำโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ฉันกลับสะดุดกับชายหนุ่มร่างสูงโปร่ง อีกทั้งยังสวมชุดสูทสีเทาไล่สีดำ ในมือถือบุหรี่และแก้วเหล้า ไม่ช้าชายคนนั้นหันกลับมา

“มึง!!!” ฉันร้องตะโกนด้วยความตกใจ เมื่อเห็นไอ้ห่านั้นกำลังส่งยิ้มมาที่ฉัน

“ตื่นแล้วเหรอ” มันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนกับว่าไม่ได้เกิดสิ่งใดขึ้น ฉันอยากจะเอาหมอนฟาดแม่ง

“มึงบ้าป่าวเนี่ย!!! มึงจับกูมาทำไม มึงต้องการอะไร” ฉันเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวด้วยความโกรธอย่างมาก มันกลับเดินมาหาฉันที่เตียงกว้าง แล้วยืนข้างๆ เตียงนอน และค่อยยืนใบหน้ามาหาฉันช้าๆ

“กูชื่อคิมหันต์ มึงเรียกชื่อกูให้ถูกด้วย” มันบอกด้วยน้ำเสียงเรียบ

“มึงจะชื่ออะไรเหี้ยอะไรก็เรื่องของมึง มึงจับกูมาแบบนี้ มึงมีประสงค์อะไร”

“มาเป็นเลขาให้กู มึงอยากได้อะไรกูจะให้มึงทุกอย่าง” มันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“มึงจะบ้าเหรอ กูยังเรียนไม่จบ แล้วกูก็ไม่มีวันเป็นเลขาให้มึงเป็นอันขาด” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กูสัญญาว่ากูจะทำให้มึงและน้องสาวของมึงสุขสบายไม่ต้องลำบากอย่างทุกวันนี้” มันบอกแบบนี้ด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กูไม่มีทางไปทำงานกับมึงเด็ดขาด” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“เดือนละห้าหมื่นพอไหม” มันเอ่ยบอกและยิ้มที่มุมปาก กูนี่อยากเอาตีนถีบยอดหน้าจริงๆ ถึงมึงจะหนังหน้าหล่อเหมือนพระเอกเกาหลี แต่กูไม่มีทางไปเป็นเลขาของมึงหรอก มึงทำให้กูเกือบตายมาแล้ว

“กูไม่ทำ” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน และใช้มือเรียวผลักอย่างแรง ทำให้มันเซเล็กน้อย

“แปดหมื่น” มันเอ่ยบอกอีกครั้ง

“กูไม่ทำ แม่งพูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไงว่ะ”

“แสนหนึ่ง” มันเอ่ยบอกเช่นนี้ ทำให้ฉันคิดว่ามันไม่ได้ต้องการให้กูเป็นเลขาแน่นอน

“มึงต้องการให้กูเป็นเด็กเสี่ยใช่ไหม นั่งๆ นอนๆ รอมึงที่ห้อง พออยากก็เข้ามาฟัน เรื่องแบบนี้กูเคยเจอมาแล้ว แต่ไม่ใช่กับตัวกู แต่เป็นกับเพื่อนกู จะเลิกก็เลิกไม่ได้ และกูขอบอกไว้ตรงนี้ว่า กูไม่ยอมเป็นเด็กในสังกัดมึงเป็นอันขาด” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดัน

“มึงไม่ใช่สเปคกู กูชอบสาวผอมบางไม่ใช่สาวอวบนมโตแบบมึง แต่ที่กูต้องการให้มึงทำงาน เพราะ...” มันพูดมาถึงตรงนี้ มันกลับเงียบไปเฉยๆ ขณะที่จ้องมองมาที่ฉัน

“เพราะอะไร” ฉันเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“...”

“อย่าทำตัวเป็นปริศนาสิ สัด” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

“กูสัญญาว่า กูจะดูแลน้องและมึงให้สุขสบาย และค่ากินค่าอยู่ค่าเล่าเรียนของมึงสองคนกูจะเป็นคนจัดการให้” มันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“กูขอย้ำชัดๆ นะ กูไม่ยอมเป็นเด็กเสี่ย” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุดันและโกรธจัดอย่างไม่รู้ตัว และไม่รู้ว่าเสียงดังขนาดไหน

“มาเป็นเลขาให้กู” มันเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน

“ไม่โว้ย!!!” ฉันเอ่ยบอกจบ และก้าวเดินไปที่ประตู และเปิดประตูออกจากห้องนี้ กลับพบว่าผู้ชายชุดสูทเหมือนที่ฉันเห็นในร้านเจ้ดุจเดินไปเดินมา มองมาที่ฉันด้วยสีหน้าแปลกใจ ฉันวิ่งออกไปอย่างไม่คิดชีวิต เมื่อมันตะโกนไล่ตามหลัง พร้อมตะโกนดังลั่น

“ดาว มึงจะไปไหนวะ”

“เรื่องของกู” ฉันตะโกนกลับไปเช่นกัน ขณะที่บอดี้การ์ดหลบฉัน ฉันวิ่งลงบันไดลงมายังชั้นล่าง แม่งหลายชั้นสัด มึงอยู่ชั้นสิบหรือยังไง

ตอนนี้ฉันวิ่งมายังชั้นล่างของบ้าน หาทางออกจากบ้าน วิ่งไปวิ่งมากลับหาทางออกไม่ได้สักที นี่มันบ้านหรือเขาวงกตวะ จนฉันวิ่งมาชนกลับอกแกร่งของใครบางคน ฉันจึงเงยหน้าขึ้นมองทันที

“ไอ้เชี่ย” ฉันสบถออกมาแผ่วเบา เมื่อคนตรงหน้าคือมัน

“มาเป็นเลขาให้กู มึงอยากได้อะไร เดี๋ยวกูจะทำให้มึงทุกอย่าง” มันบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง และจับแขนฉันไว้

“กูบอกไม่ก็คือไม่” ฉันเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง และสะบัดมือมันทันที แล้ววิ่งออกไปยังประตูใหญ่ เพื่อออกไปจากไอ้บ้านหลังนี้ทันที และโบกมือเรียกมอเตอร์ไซค์ที่กำลังวิ่งมา และซ้อนหลังบอกที่อยู่ของฉัน ออกไปจากที่เฮงซวยแห่งนี้สักที

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel