บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 8 (ฉบับปรับปรุง): เงาในโลกดิจิทัล

ในมุมที่ลึกและเงียบสงบที่สุดของบ้านตระกูลอิทธิพลไพศาล มีห้องหนึ่งที่บรรยากาศแตกต่างจากส่วนอื่นโดยสิ้นเชิง มันไม่ใช่ห้องหนังสือไม้สักที่อบอวลไปด้วยกลิ่นชา แต่เป็นห้องทำงานที่ทันสมัยและเย็นยะเยือกราวกับห้องบัญชาการในหนังสายลับ แสงสว่างเพียงหนึ่งเดียวในห้องมาจากจอภาพคุณภาพสูงนับสิบจอที่ติดตั้งอยู่บนผนัง แสดงผลข้อมูลที่ซับซ้อนแตกต่างกันไป จอหนึ่งฉายภาพจากกล้องวงจรปิดตามจุดต่างๆทั่วเยาวราช อีกจอแสดงแผนที่เครือข่ายที่ซับซ้อนดุจใยแมงมุม จอที่ใหญ่ที่สุดตรงกลางเต็มไปด้วยบรรทัดของโค้ดโปรแกรมสีเขียวที่วิ่งขึ้นลงไม่หยุดนิ่ง

ท่ามกลางแสงสีฟ้าเหล่านั้น อาหลง นั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานราคาแพง ชายหนุ่มในชุดเสื้อฮู้ดสีเทาและกางเกงวอร์มดูไม่เข้ากับความน่าเกรงขามของตระกูลแม้แต่น้อย แต่ปลายนิ้วทั้งสิบของเขาที่ร่ายรำอยู่บนคีย์บอร์ดเรืองแสงนั้น คืออาวุธที่อันตรายที่สุดอย่างหนึ่งของแก๊งมังกรเมฆา

คำสั่งของ ‘เจ๊เหมย’ ยังคงก้องอยู่ในหัว เขาไม่ได้แฮกเข้าไปในเซิร์ฟเวอร์ของโรงเรียนนานาชาติเซนต์ออกัสตินอย่างโจ่งแจ้ง นั่นมันหยาบและทิ้งร่องรอยเกินไป เขาใช้โปรแกรมที่เขียนขึ้นเองในการกวาดข้อมูลสาธารณะ (Data Scraping) จากฟอรั่มและโซเชียลมีเดียที่เกี่ยวข้องทั้งหมด จากนั้นจึงใช้เทคนิคการวิเคราะห์เครือข่าย (Network Analysis) เพื่อหาความเชื่อมโยงของบัญชีนิรนามเหล่านั้น ไม่นาน หน้าจอหนึ่งก็แสดงแผนผังความสัมพันธ์ของกลุ่มบัญชีที่โจมตีพลอยรำไพ มันมีจุดศูนย์กลางที่แข็งแกร่งหนึ่งจุด คือบัญชีที่ใช้ชื่อว่า "TheTruthTeller" ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มแฮชแท็ก #สวยแต่รูปจูบไม่หอม เป็นคนแรก

อาหลงเจาะลึกต่อไปยังร่องรอยดิจิทัลของ "TheTruthTeller" เขาพบช่องโหว่เล็กๆ ในการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวที่เจ้าของบัญชีมองข้ามไป มันนำเขาไปสู่บัญชีส่วนตัวอีกอันหนึ่งที่เชื่อมโยงกันอยู่ และในที่สุด... เขาก็ได้สิ่งที่ต้องการ ภาพโปรไฟล์ของเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พร้อมกับชื่อ ‘มินตรา ฉัตรวิไล’ หรือ ‘มิ้นท์’ นักเรียนห้อง 12B

อาหลงทำการดึงข้อมูลต่ออย่างรวดเร็ว เขาเชื่อมโยงบัญชีของมินตรากับเพื่อนสนิทอีกสองสามคน พบรูปแบบการโพสต์และการคอมเมนต์ที่สอดคล้องกันอย่างชัดเจน เขารวบรวมข้อมูลทั้งหมด รูปภาพ, โปรไฟล์โซเชียลมีเดีย, ความสัมพันธ์, แม้กระทั่งตารางเรียน จัดทำเป็นรายงานที่กระชับและอ่านง่าย ก่อนจะส่งมันผ่านช่องทางที่เข้ารหัสไว้อย่างดีไปยังโทรศัพท์ของเหมย ภารกิจเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง

เช้าวันต่อมาสำหรับพลอย คือการเดินเข้าสู่สนามรบที่มองไม่เห็น การกลั่นแกล้งได้คืบคลานออกจากหน้าจอโทรศัพท์ ลุกลามมาสู่โลกความจริงแล้ว ขณะที่เธอเดินไปตามโถงทางเดินของโรงเรียน เสียงกระซิบกระซาบก็ดังขึ้นรอบตัวเธอเหมือนฝูงยุงที่น่ารำคาญ เธอได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มนักเรียนหญิงที่เธอไม่รู้จัก เธอเห็นสายตาที่จ้องมองมาแล้วรีบหันหนีเมื่อเธอสบตาด้วย

“อุ๊ย... ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวความสวยก็หล่นหายหมดหรอก” เสียงแหลมๆ จงใจพูดขึ้นดังๆ ขณะที่เธอเดินผ่าน

พลอยกำสายกระเป๋าแบรนด์เนมของเธอแน่นจนข้อนิ้วขาว เธอยังคงเชิดหน้า สู้ด้วยความหยิ่งทะนงที่เป็นเกราะป้องกันเพียงอย่างเดียวที่เธอเหลืออยู่ แต่ภายในใจนั้นมันพังทลายไม่เหลือชิ้นดี เธอรู้สึกโดดเดี่ยวและหวาดระแวง เหมือนทุกคนบนโลกใบนี้พร้อมจะตัดสินเธอ

ความรู้สึกนั้นยิ่งเลวร้ายลงในคาบทำงานกลุ่ม พลอยกลายเป็นเหมือนอากาศธาตุ เธอนั่งเหม่อลอย จ้องมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ว่างเปล่า ไม่สนใจการพูดคุยของเพื่อนร่วมกลุ่มแม้แต่น้อย นัทที่สังเกตเห็นความผิดปกติมาตั้งแต่เช้า อดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาขมวดคิ้วแล้วถามขึ้นมาอย่างซื่อๆ แต่แฝงความห่วงใย “พลอย... เป็นไรปะวะ?”

คำถามนั้นกลับเป็นเหมือนการจุดชนวน พลอยตวัดสายตาที่แดงก่ำขึ้นมามองเขาแล้วตวาดกลับไป “จะมายุ่งอะไรด้วย! ไม่ใช่เรื่องของนาย!”

บรรยากาศในกลุ่มเงียบกริบลงทันที นัทอึ้งไปกับปฏิกิริยานั้น ส่วนกายได้แต่มองพลอยนิ่งๆ สายตาของเขากำลังวิเคราะห์และปะติดปะต่อเรื่องราว เขาสังเกตเห็นความเชื่อมโยงระหว่างพฤติกรรมของพลอยกับบรรยากาศมาคุที่เกิดขึ้นทั่วโรงเรียน

ในช่วงพักกลางวัน เหมยปลีกตัวออกมานั่งในรถของเธอ เธอต้องการสมาธิเพื่ออ่านรายงานที่อาหลงส่งมา ข้อมูลที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ยืนยันสิ่งที่เธอคาดการณ์ไว้ กลุ่มผู้ก่อเหตุคือมินตราและเพื่อนอีกสองคน แรงจูงใจก็แสนจะพื้นฐาน... ความอิจฉาริษยาที่พลอยโดดเด่นและเป็นที่สนใจมากกว่าตนเองในการประกวดดาวโรงเรียนเมื่อปีก่อน มันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ถูกสุมด้วยไฟแห่งความเกลียดชังในโลกออนไลน์จนลุกลามบานปลาย

ใบหน้าของเหมยเรียบเฉยและเย็นชา เธอไม่ได้รู้สึกโกรธ แต่กำลังคำนวณถึงผลลัพธ์ที่จะตามมา หากเธอเลือกที่จะเดินตามเกมของโรงเรียน นำเรื่องนี้ไปแจ้งอาจารย์มานะ มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต พลอยจะต้องถูกสอบสวนในฐานะ ‘เหยื่อ’ ซึ่งนั่นจะยิ่งทำให้เธอรู้สึกอับอายและอ่อนแอ ส่วนกลุ่มของมินตราอาจจะถูกลงโทษแค่การทำทัณฑ์บน แต่ความเกลียดชังจะยังคงอยู่ และอาจจะกลับมาในรูปแบบที่ร้ายกาจกว่าเดิม มันไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เธอนึกถึงคำพูดของอากงที่เพิ่งได้ยินมาไม่นาน... “ไฟ... ต้องดับที่ต้นลม”

เธอไม่ได้ต้องการทำลายชีวิตของเด็กสาวกลุ่มนั้น แต่เธอจำเป็นต้อง ‘สั่งสอน’ บทเรียนที่โรงเรียนไม่มีสอน บทเรียนที่จะทำให้พวกเธอเข้าใจถึงความเจ็บปวดจากการกระทำของตัวเองอย่างลึกซึ้ง และบทเรียนนั้น จะต้องไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ กลับมาที่ตัวเธอหรือพลอยเลย

เหมยพิมพ์ข้อความสั้นๆ ส่งกลับไปหาอาหลงผ่านช่องทางเดิม ข้อความที่เรียบง่ายแต่ชัดเจน: “จับตาดูความเคลื่อนไหวของกลุ่มมินตราไว้”

ฟางเส้นสุดท้ายขาดลงในตอนเย็นวันนั้น ขณะที่นักเรียนคนอื่นๆ เริ่มทยอยกลับบ้าน โทรศัพท์ของ

เหมยที่นั่งอยู่ในรถก็สั่นขึ้นเบาๆ เป็นข้อความแจ้งเตือนจากอาหลง ไม่มีคำพูดใดๆ มีเพียงข้อมูลตำแหน่งที่ระบุว่ากลุ่มของมินตรากำลังมุ่งหน้าไปที่แถวล็อกเกอร์ซึ่งเป็นมุมที่ค่อนข้างลับตาคน

เหมยก้าวลงจากรถอย่างเงียบเชียบ เธอเคลื่อนไหวอย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่ความบังเอิญ เธอไปถึงจุดที่มองเห็นเหตุการณ์ได้พอดี และสิ่งที่เธอเห็นก็ทำให้แววตาของเธอแข็งกร้าวขึ้น มินตราและเพื่อนอีกสองคนกำลังดักรอพลอยอยู่จริงๆ

“อ้าว ควีนพลอย ยังกล้ามาโรงเรียนอีกเหรอ” มินตราเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “นึกว่าจะมุดหัวอยู่ในโลกสวยๆ ที่สร้างขึ้นมาซะอีก”

“หมายความว่ายังไง” พลอยถามกลับ เสียงสั่นเล็กน้อย

“ก็หมายความตามที่เห็นไง” เพื่อนของมิ้นท์คนหนึ่งพูดเสริม “เป็นไงล่ะ โดนแฉนิดหน่อยทำเป็นรับไม่ได้เหรอ ที่แท้ก็อ่อนแอเหมือนกันนี่นา ไม่เห็นจะ ‘ควีน’ เหมือนในรูปเลย”

คำพูดนั้นเหมือนคมมีดที่กรีดลงบนหัวใจของพลอย ความอดทนที่เธอสั่งสมมาตลอดทั้งวันขาดสะบั้นลง

“พอแล้ว!” เธอกรีดร้องออกมาสุดเสียง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและสิ้นหวัง “หยุดสักที!”

เธอปาหนังสือในมือลงกับพื้นอย่างแรงจนมันกระจายเกลื่อน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแล้วปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อายใคร เธอร้องไห้เหมือนเด็กๆ ปล่อยให้ความอัดอั้นทั้งหมดทะลักออกมาเป็นหยาดน้ำตา กลุ่มของมินตรายืนมองด้วยความสะใจ พวกเธอหัวเราะคิกคักกับชัยชนะของตัวเอง

พลอยรีบลุกขึ้นทั้งน้ำตาแล้ววิ่งหนีไปจากตรงนั้นทันที เธอวิ่งผ่านหน้าเหมยไปโดยที่ไม่ได้สังเกตเห็นด้วยซ้ำ ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาและเครื่องสำอางที่ละลายปนเปกัน

เหมยยืนนิ่งในเงา มองตามแผ่นหลังที่สั่นเทาของนักเรียนของเธอจนลับสายตา

จากนั้น... เธอก็หันกลับมา

แววตาของเหมยในตอนนี้แข็งกร้าวขึ้นในบัดดล ความลังเลทั้งหมดที่เคยมีมลายหายไปจนหมดสิ้น เหลือเพียงความมุ่งมั่นที่เด็ดเดี่ยวและเย็นชา เธอจ้องมองไปยังกลุ่มของมินท์ที่ยังคงยืนหัวเราะไม่รู้ชะตากรรมของตัวเอง

แววตาของเหมยในตอนนั้น... คือแววตาของผู้คุมกฎที่กำลังจะเริ่มต้นการพิพากษา

เวลาแห่งการสืบสวนได้สิ้นสุดลงแล้ว และเวลาของ "บทเรียนพิเศษ"... กำลังจะเริ่มต้นขึ้น
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel