บทที่ 11 คุณต้องการสิ่งนี้หรือเปล่า
เหมยลี่สวมเสื้อคอเต่าสีขาวเนื้อผ้านุ่มแนบตัว ช่วยปกป้องคอจากลมหนาวได้ดี ทับด้วยเสื้อไหมพรมถักเนื้อหนาสีน้ำตาลอ่อนที่ให้สัมผัสอบอุ่นอย่างลงตัว ด้านนอกสุดเป็นเสื้อโค้ตตัวยาวสีดำที่มีปกตั้งและกระดุมเรียงตัวเป็นแนวตรง เสริมความภูมิฐานและป้องกันความหนาวเย็นยามต้องออกมาข้างนอก กางเกงสแล็คสีดำทรงเนี้ยบช่วยเสริมให้เธอดูสมาร์ตและคล่องตัวในเวลาเดียวกัน รองเท้าผ้าใบสีดำคู่เรียบแต่หนาเป็นพิเศษ ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและให้ความสะดวกในการเดินในเมือง
กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กสีดำเรียบง่าย เธอพกของสำคัญเพียงไม่กี่อย่าง ได้แก่ โทรศัพท์มือถือ บัตรประชาชน วีซ่า พาสปอร์ต และกระเป๋าสตางค์ที่มีเงินสดจำนวนหนึ่ง เธอเลือกแต่งกายแบบนี้เพราะทั้งเรียบง่ายและเหมาะสมกับอากาศหนาวในฤดูนี้ อีกทั้งยังคล่องตัวสำหรับการทำธุระก่อนถึงเวลางานที่รออยู่ในช่วงเย็น
เหมยลี่ก้าวลงจากรถรางที่หยุดอยู่หน้าป้ายใกล้ห้องสมุด เธอมองนาฬิกาข้อมือ ตอนนี้เหลือเวลาอีกเกือบสองชั่วโมงก่อนที่ต้องเตรียมตัวทำงาน เธอวางแผนไว้ว่าหามุมสงบเพื่ออ่านหนังสือเตรียมสอบในสัปดาห์หน้าที่จะถึง เพราะมันเหลือเวลาอีกไม่กี่วันแล้ว หลังจากอ่านหนังสือเสร็จเธอก็ต้องไปบาบาร่าคลับเพื่อขึ้นแสดงร้องเพลง แม้ว่ากิจวัตรนี้จะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของเธอ
“ไม่คิดว่าคุณจะมาแถวนี้”
น้ำเสียงนี้มัน...
เธอจำน้ำเสียงนี้ได้ดีว่า เป็นน้ำเสียงของใคร และเธอไม่อยากได้ยินน้ำเสียงของเขาในตอนนี้ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ แต่เธอไม่อยากได้ยินน้ำเสียงของเขาอีกเลย ถ้าเป็นไปได้ แต่ทว่าวันเป็นไปไม่ได้แล้ว เธอจึงจำเป็นต้องหันหน้าเผชิญกับเขา
“สวัสดีค่ะ คุณชายหยวน ฉันขอตัวก่อนนะคะ” เหมยลี่เอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพและอ่อนหวาน ต่างจากความรู้สึกนึกคิดของเธอโดยสิ้นเชิง เพราะเธอไม่คิดอยากจะไปมีเรื่องกับมาเฟียเช่นเขา และอีกอย่างหยวนเฉินไม่ได้เดินมาแค่คนเดียว เขายังพาองคาพยพมาอีกอีกหกคน พวกเขาสวมใส่ชุดสูทผูกไทสีดำ เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่ด้านใน ผู้คนบริเวณนี้ต่างถอยห่างและดูตื่นกลัวอยู่พอสมควร
“เห็นหน้าผม คุณก็จะเดินหนีผมเลยเหรอ ผมไม่ใช่ยักษ์ใช่มารสักหน่อย คุณไม่ต้องกลัวผมหรอกนะ” เขาเอ่ยบอกเธอด้วยรอยยิ้มเบิกบาน
“ฉันไม่ได้กลัว แต่ว่าฉันต้องไปอ่านหนังสือเตรียมสอบ ฉันขอตัวก่อนค่ะ” เธอเอ่ยบอกจบ เธอก้มหัวให้เขาเล็กน้อยเหมือนเป็นการตัดบทสนทนากับเขา เธอจึงก้าวเดินเข้าไปในห้องสมุด
บรรยากาศในห้องสมุดดูสงบ แม้ว่าจะมีผู้คนอยู่ไม่น้อยก็ตาม เสียงกระซิบเบาๆ จากการพูดคุยของคนบางกลุ่มไม่ค่อยดังเพราะต้องใช้เสียงน้อยที่สุดเพื่อไม่รบกวนผู้อื่น แต่ไม่ได้รบกวนบรรยากาศของสถานที่ที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกระดาษเก่าและใหม่ที่ผสมกันอย่างลงตัว หมวดหมู่ของหนังสือถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย มีป้ายบอกหมวดหมู่ทั้งประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ วรรณกรรม รวมถึงหนังสือเด็กและวรรณกรรมเยาวชน ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่ต้องการอ่านหนังสือเงียบๆ โดยมีโต๊ะอ่านหนังสือพร้อมโคมไฟตั้งโต๊ะในแต่ละจุด
ยังมีโต๊ะและเก้าอี้ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบในจุดต่างๆ ของห้องสมุด เพื่อให้ผู้มาใช้บริการสามารถเลือกนั่งอ่านหนังสือหรือทำงานได้อย่างสะดวกสบาย แต่ละโต๊ะถูกออกแบบให้มีพื้นที่กว้างขวางเพียงพอสำหรับการวางหนังสือหลายเล่ม หรือแม้กระทั่งแล็ปท็อป
ทุกโต๊ะมาพร้อมกับช่องเสียบปลั๊กไฟและที่ชาร์จ USB เพื่อรองรับการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือหรือโน้ตบุ๊ก ทำให้การทำงานหรือค้นคว้าไม่ต้องหยุดชะงักเพราะแบตเตอรี่หมด
ในบางมุมของห้องสมุดยังมีโต๊ะยาวที่เหมาะสำหรับการทำงานแบบกลุ่มเล็กๆ พร้อมกับเก้าอี้ที่นั่งสบาย และในส่วนมุมเงียบสำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีเก้าอี้พนักพิงสูงและโต๊ะเดี่ยวพร้อมโคมไฟอ่านหนังสือเล็กๆ ที่ให้แสงนวลตา
ที่นี่ดูเหมือนจะใส่ใจในทุกความต้องการของผู้มาเยือน ทำให้ทุกคนสามารถใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพและรู้สึกผ่อนคลายไปพร้อมๆ กัน
ห้องสมุดแห่งนี้มีค่าสมาชิกที่ค่อนข้างถูกมากๆ ที่ยี่สิบหยวนต่อเดือน ซึ่งเหมาะมากสำหรับเด็กนักเรียนและนักศึกษาที่ต้องการแหล่งเรียนรู้และศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติม ค่าสมาชิกนี้ให้สิทธิ์ในการใช้บริการของห้องสมุดอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงการยืมหนังสือ ซึ่งการยืมต้องทำการยืมผ่านคีย์การ์ด เพื่อความสะดวกและเป็นระเบียบ
การยืมหนังสือ สมาชิกสามารถยืมได้สูงสุดห้าเล่มต่อครั้ง และจะต้องส่งคืนภายในเจ็ดวันนับจากวันที่ยืม หากเกินกำหนดจะต้องเสียค่าปรับวันละห้าหยวน ซึ่งถือเป็นการกระตุ้นให้ผู้ยืมคืนหนังสือให้ตรงเวลา นอกจากนี้ หากเกิดการยืมหนังสือช้าเกินสามครั้ง จะมีการปรับเพิ่มเป็นสิบหยวนต่อวัน เพื่อรักษาระเบียบและให้การใช้บริการของห้องสมุดเป็นไปอย่างราบรื่น
ในกรณีที่หนังสือที่ยืมไปยังไม่ได้ถูกคืนกลับภายในเวลาที่กำหนด ห้องสมุดจะคอยเตือนผู้ยืมเพื่อให้มีการคืนหนังสืออย่างตรงเวลา เพราะการส่งคืนหนังสือช้าจะส่งผลต่อผู้อื่นที่ต้องการใช้บริการห้องสมุดเช่นกัน
เหมยลี่ก้าวเดินไปดูหมวดหนังสือบริหารธุรกิจ อยู่ใกล้ๆ กับหมวดหนังสือการเงิน เธอกวาดสายตาดูหนังสือทีละเล่ม เธอจึงตัดสินใจเอื้อมหยิบหนังสือหลักของผู้บริหารองค์กร แต่ว่าหนังสือนั้นอยู่สูงพอสมควร
แต่ทว่ามือหนากลับหยิบหนังสือที่เธอต้องการไป เธอจึงหันไปมองเห็นว่าหนังสือนั้นอยู่ในมือของหยวนเฉิน หยวนเฉินเองก็เผยรอยยิ้มให้เธอ แล้วยื่นหนังสือส่งให้เธอ
