บท
ตั้งค่า

บทที่ 2 ตื่นขึ้นในทะเลลึก

“อืม…”

เซนสะดุ้งตื่นขึ้นอีกครั้งเพราะความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไปทั่วทั้งร่างกาย ชายหนุ่มลืมตาขึ้นอย่างยากลำบากก่อนที่จะมองไปรอบๆ ตัวและพบว่าตนเองนั้นอยู่ใต้ทะเล และถูกล้อมรอบด้วยแสงสีเขียวอ่อน ซึ่งมันให้ความรู้สึกอบอุ่นอย่างมาก

“กร็อบๆ”

เสียงกระดูกดังลั่นออกมาตลอดเวลา เซนรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามันหักไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วนคาดว่าอาจจะเป็นเพราะแรงดันน้ำที่กดทับลงมาบนตัวเขา ต่อให้เป็นพระเจ้าก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าเซนนั้นดำดิ่งลงมาสู่ก้นทะเลด้วยความลึกเท่าไหร่กันแน่

เซนอยากจะร้องตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด หรือตายๆ ไปเลยตอนนี้อย่างไรก็ตามชายหนุ่มไม่สามารถทำอะไรได้ ทำได้เพียงแต่ก้าวผ่านความเจ็บปวดไปครั้งแล้วครั้งเล่าเท่านั้น ในสภาพจิตใจที่แจ่มชัดและไม่มีทีท่าว่าจะดับลงเลยแม้แต่น้อย

‘เกิดอะไรขึ้นกันแน่’

เซนเกิดความสงสัยในใจ อย่างไรก็ตามความสงสัยนั้นก็ต้องหยุดลงเมื่อต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดที่เหมือนมีน้ำหนักมหาศาลที่หนักยิ่งกว่าภูเขามาทับร่างกายตลอดเวลา

【ยินดีต้อนรับสู่โลกใบใหม่ ท่านเป็นผู้ถูกเลือกให้มายังโลกใบนี้เพื่อกอบกู้มนุษยชาติจากภัยที่จะเกิดขึ้น】

เนื่องจากสติของเซนนั้นยังคงชัดเจนทำให้สามารถได้ยินเสียงที่ดังขึ้น เสียงนั้นเป็นเสียงของผู้ชายและดูเหมือนมันจะดังขึ้นภายในหัวของชายหนุ่ม

‘โลกใบใหม่? กอบกู้? ’

แม้ว่าเซนจะสับสนแต่ไม่นานชายหนุ่มก็สามารถเข้าใจได้ เนื่องจากในโลกมนุษย์ได้มีวรรณกรรมถือกำเนิดมามากมาย แค่นิยายข้ามมิติสองสามเรื่องแน่นอนว่าเซนเคยอ่านพวกมันมาบ้างแล้ว

เขาถูกเสียงในหัวนี้พามายังต่างโลก เพื่อที่จะกอบกู้โลกของพวกเขาอย่างไรก็ตามเซนกลับไม่ได้คิดว่าตนเองนั้นประสบกับโชคดีอะไรเลย สิ่งที่เขาเสียใจที่สุดก็คือเขาจะไม่เจอหน้าแม่ของเขาซึ่งเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวอีกแล้ว เซนนั้นสูญเสียพ่อไปตั้งแต่ยังเด็ก เนื่องจากพ่อเขาออกไปทำงานนักโบราณคดีและหายสาบสูญไปใต้โบราณสถานที่ถล่มลงมา

อารมณ์ของเซนตอนนี้หลังจากเผชิญกับเรื่องราวโหดร้ายอย่างการถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวมาไม่ได้ดีมากนัก หลังจากได้ยินเสียงในหัวเขาก็ต้องการจะตะโกนด่าสาปแช่งให้เสียงมันก้องกังวานไปเลย อย่างไรก็ตามในใต้ทะเลลึกนั้นมันยากอย่างมากที่ชายหนุ่มจะส่งเสียงออกมา

“….”

ความเงียบและความมืดถูกปกคลุมไปทั่วทั้งรอบตัวของเซนหากไม่นับแสงสว่างประหลาดสีเขียวอ่อนนี้ ภานุก็รู้สึกอ้างว้างและเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชายหนุ่มค่อยๆยอมรับสภาพของตนเองในขณะที่ทนรับความเจ็บปวดต่อไปอย่างไม่สามารถทำอะไรกับมันได้

“กร็อบ! ”

เสียงกระดูกของเซนดังลั่นราวกับมันถูกบดขยี้ไม่เหลือชิ้นดี ชายหนุ่มพยายามเหลือบสายตาไปมองและพบว่ามันดังมาจากแขนทั้งสองข้างของตนเอง สภาพของมันที่ปรากฏขึ้นที่บริเวณหางตาของเซนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกหวาดเสียวยิ่งกว่าความเจ็บปวด

แขนของเขาถูกทำให้แบนราบราวกับถูกรถบรรทุกเหยียบทับ จริงๆ มันน่าจะแย่ยิ่งกว่านั้นอีก เซนคาดว่ากระดูกแขนของเขาจะต้องเป็นผงไปแล้วแน่นอน

จากนั้นเองร่างกายของเซนทุกส่วนก็ถูกบดขยี้จนมีสภาพไม่ต่างกับแขนทั้งสองข้างก่อนหน้านี้ มีเพียงแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่ยังคงสภาพปกติไว้ได้

เซนกัดฟันรับความเจ็บปวดและเตรียมตัวเตรียมใจที่จะตายแล้ว โดยที่ไม่ได้สงสัยเลยว่าเหตุใดตนเองที่จมลงมาใต้ทะเลลึกแห่งนี้กลับไม่ได้รู้สึกว่าตนต้องการอากาศในการหายใจเลย ที่น่าเหลือเชื่อก็คือเขามีชีวิตอยู่ที่นี่อย่างน้อยก็น่าจะผ่านไปเป็นวันแล้ว

อย่างไรก็ตามแสงสีเขียวอ่อนที่วนเวียนอยู่รอบตัวเซนก็ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ในเวลาต่อมา

“กร็อบๆ”

เซนรู้สึกเหมือนกับร่างกายของเขาพองตัวขึ้น ไม่ได้เป็นเหมือนกับปลาหมึกบดก่อนหน้านี้ กระดูกและบาดแผลที่มีเลือดไหลย้อมน่าหวาดกลัวถูกรักษาหายราวกับภาพที่ปรากฏเป็นภาพย้อนเวลาไปสู่สภาพร่างกายที่สมบูรณ์ที่สุดของเซน

เมื่อมองภาพเหตุการณ์ทั้งหมดเซนเข้าใจในทันทีว่าเหตุใดเขาจึงไม่ตายๆ ไป สาเหตุนั้นมันมาจากแสงสีเขียวอ่อนปริศนามันช่วยเยียวยาบาดแผลของเขาและยังรักษาอุณหภูมิไม่ยอมให้เขาหนาวตายไปด้วย

ด้วยการที่ไม่สามารถทำอะไรได้หรือไม่สามารถขยับได้แม้แต่ร่างกายชายหนุ่มจึงยอมรับสภาพตอนนี้ในที่สุด น้ำตาของเขาค่อยๆ ไหลออกมาเนื่องจากความทรมานที่ได้รับอยู่ตลอดเวลา มีความคิดต่างๆนาๆ เกี่ยวกับวิธีการฆ่าตัวตายในตอนนี้ อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็รีบลบความคิดนั้นออกไปในทันที เมื่อเขานึกถึงภาพผู้หญิงคนหนึ่ง…

ผู้หญิงคนนี้คอยเลี้ยงดู คอยอยู่เป็นเพื่อนเขาเวลาเขาเหงา คอยสอนสิ่งต่างๆ ให้เขา คอยปลอบประโลมเขาหลังจากเผชิญกับโลกที่โหดร้าย… เขาไม่อาจจะตายได้หากยังไม่ได้ไปพบหน้าของเธอ

“เซนลูกต้องเข้มแข็งอย่ายอมแพ้ หากลูกทน ถ้าไม่ไหวจริงๆ แม่จะคอยอยู่เคียงข้างลูกเอง”

“เซน…ลูกคือของขวัญที่พระเจ้ามอบให้กับแม่”

“เซนลูกไม่ต้องห่วงแม่จะดูแลลูกเอง…”

“เซน…”

ภายในความคิดของเซนได้ปรากฏภาพความทรงจำมากมาย เกี่ยวกับภาพของหญิงวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มที่อบอุ่น เธอคือแม่ของเขานั่นเอง

‘ผมจะไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะได้เจอกับแม่อีกครั้ง!’

เซนคำรามขึ้นในจิตใจของตนเองและอดทนกับความบาดเจ็บต่อไปโดยที่ความมุ่งมั่นของเขานั้นไม่ได้ถดถอยลงไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว

ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แต่เซนที่ขยับร่างกายไม่ได้รู้สึกว่าเวลานั้นได้ผ่านไปนานมาก เขาได้นับอยู่ตลอดเวลาว่าร่างกายของเขานั้นถูกบดขยี้ทั้งร่างและฟื้นฟูกลับมาไปแล้วกี่รอบ หากไม่มีข้อผิดพลาดในการนับอย่างน้อยตอนนี้มันมากกว่าหมื่นรอบเสียอีก

เมื่อเวลาผ่านไปการฟื้นฟูกว่าหนึ่งแสนรอบที่ร่างกายถูกบดขยี้ เซนก็รู้สึกชินกับความเจ็บปวดอย่างแท้จริงโดยที่เขาไม่ได้ขมวดคิ้วเลยแม้แต่ครั้งเดียวเมื่อเห็นร่างกายของตนเองบดขยี้และได้รับความเจ็บปวดนั้น

เมื่อผ่านไปถึงห้าแสนรอบ ร่างกายของเขาก็หยุดพังทลายลงภายใต้แรงกดดันของน้ำทะเล ด้วยความพยายามอย่างถึงที่สุดในตอนนี้ในที่สุดเซนก็สามารถขยับนิ้วได้บ้างเล็กน้อย

หลังจากนั้นไม่รู้ว่าอีกกี่วันด้วยความพยายามทั้งหมดชายหนุ่มก็เริ่มที่จะขยับแขน ขยับขา และลุกขึ้นนั่งได้ตามลำดับ เซนอยากจะร้องตะโกนก้องออกมาอย่างพอใจอย่างไรก็ตามชายหนุ่มกลับไม่สามารถทำได้เนื่องจากอยู่ใต้ทะเล เมื่อชายหนุ่มเริ่มขยับคอตอนลุกนั่งขึ้นมาได้เขาก็ได้สังเกตเห็นลูกแก้วทรงกลมขนาดเท่าไข่มุกทะเล มันเรืองแสงอร่ามสีเขียวอ่อน เซนคิดว่าสิ่งนี้เนี่ยแหละที่สามารถทำให้เขาสามารถรอดชีวิตมาได้ แสงของมันอย่างน้อยก็ช่วยรักษาและเยียวยาบาดแผล มันช่างเป็นสิ่งที่ฝืนลิขิตสวรรค์โดยแท้

【มุกสวรรค์อนันตกาล สมบัติระดับสวรรค์ ได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของท่านแล้ว】

ลูกแก้วนี้ได้ฝังลงลึกเขาไปที่ใจกลางหน้าอกของเซนแล้ว จนในที่สุดก็ได้เข้าไปในร่างกายของเซน เสียงในหัวได้ดังขึ้นทำให้เซนนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้เขากำลังอาศัยอยู่ในต่างโลกนั่นยิ่งทำให้เซนตื่นเต้นและต้องการจะขึ้นจากใต้ทะเลเพื่อไปมองดูโลกใบใหม่นี้ อย่างไรก็ตามแม้แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่รู้ว่าตนเองจะสามารถออกจากที่นี่ได้หรือไม่

ลูกแก้วสีเขียวคือมุกสวรรค์อนันตกาลเห็นได้ชัดว่าแค่ชื่อของมันก็ไม่ธรรมดาแล้ว และความสามารถของมันนั้นนับได้ว่าท้าทายสวรรค์อย่างแท้จริง

จากข้อความเมื่อสักครู่ทำให้เซนทราบว่าในโลกแห่งนี้นั้นมีสมบัติอยู่มากมาย และมันยังมีระดับของพวกมันเองด้วย ซึ่งเซนคิดว่าระดับสวรรค์นี้นั้นต้องสูงมากแน่ๆ อาจจะสูงสุดเลยก็ได้

……

ในขณะที่เซนนั้นอาศัยอย่างโดดเดี่ยวอยู่ใต้ทะเลลึก ทางด้านเพื่อนๆ นักเรียนที่เรียนชั้นเดียวกับเขาต่างก็อยู่กันอย่างสงบสุข ในฐานะของวีรบุรุษที่ถูกอัญเชิญมาช่วยเหลือโลกใบนี้

นักเรียนทั้งหมดที่มากับรถทัวร์คันเดียวกันกับเซนมีจำนวนทั้งหมดสามสิบหกกัน ไม่นับชายหนุ่มตอนนี้ทั้งหมดได้อาศัยอยู่ที่ประเทศเซนทอร์ เป็นประเทศระดับระดับเจ็ดที่ถือว่ามีอำนาจมากเป็นอันดับต้นๆ ของทวีปเอวา ซึ่งเป็นทวีปที่เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ดั่งดอกไม้บาน

ในทวีปเอวานั้นประกอบด้วยสี่สิบประเทศ โดยประเทศนั้นยังมีการแบ่งขั้นตามกองกำลังที่แข็งแกร่งอีกด้วย ในโลกแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็นทวีปแห่งไหนก็สามารถพูดได้เต็มปากเลยว่าความแข็งแกร่งนั้นคือทุกสิ่ง ขอแค่คุณแข็งแกร่งมากพอคุณก็สามารถทำได้ทุกอย่าง

ประเทศแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ระดับเก้าคือต่ำที่สุดส่วนระดับหนึ่งคือสูงที่สุด ในทวีปเอวานั้นมีประเทศระดับหกอยู่เพียงประเทศเดียวซึ่งชื่อว่าประเทศบริอันน่า เป็นประเทศที่ปกครองทวีปแห่งนี้อย่างแท้จริง

ดังนั้นแล้วประเทศเซนทอร์ที่เป็นทวีประดับเจ็ดนั้นนับว่าไม่ธรรมดาแล้ว นักเรียนในชั้นเรียนของเซนนั้นได้อาศัยอยู่ภายในเมืองหลวงอย่างสุขสบายเนื่องจากถูกราชาของประเทศต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดี

นักเรียนทั้งสามสิบหกคนนั้นได้ถูกส่งเข้าในโรงเรียนฝึกฝนและสอนศิลปะการต่อสู้ชื่อว่า สถาบันราชวงศ์เซนทอร์ ซึ่งเป็นสถาบันอันดับต้นๆ ของทวีปเอวาแห่งนี้

นักเรียนทุกคนจำเป็นต้องเรียนรู้การต่อสู้ก่อนที่จะออกไปเผชิญหน้ากับโลกภายนอกเพื่อที่จะเก็บเลเวลด้วยการฆ่าสัตว์ร้าย เรื่องที่เซนยังไม่รู้ก็คือในโลกนี้ผู้คนที่เกิดมาจะถูกกำหนดไว้ให้เป็นเลเวลศูนย์ หากสามารถฆ่าสัตว์ร้ายหรือสังหารคนที่มีระดับได้ก็จะได้รับสิ่งที่เรียกว่าค่าประสบการณ์ ทุกๆ อย่างนั้นไม่ได้ต่างกับการเล่นเกมเก็บเลเวลในวิดีโอเกมเลย เพียงแต่ว่ามันมีชีวิตเป็นเดิมพัน

ภายในสถาบันราชวงศ์เซนทอร์นั้นได้มีหญิงสาวผู้หนึ่งผู้มีรูปโฉมที่ต้องทำให้หญิงสาวด้วยกันอดรู้สึกตกต่ำไม่ได้เมื่อต้องมองมาที่เธอ เธอคือเอลลี่ เธอถูกขนานนามว่านางฟ้าแห่งสถาบันเซนทอร์ ซึ่งมีหญิงสาวเพียงสามคนเท่านั้นที่ได้รับสมญาเช่นนี้ภายในสถาบัน

เอลลี่มีสีหน้าและท่าทางที่เย็นชา เธอจ้องมองออกไปข้างนอกในพื้นที่อันแสนไกล ภายในจิตใจของเธอเหมือนกับกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“เอลลี่เธอมาอยู่ที่นี่ นี่เองฉันหาตั้งนาน…”

ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดเครื่องแบบนักเรียนสั่งตัดเย็บอย่างดีได้กล่าวขึ้นพร้อมกับหอบหายใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่าเขาจะวิ่งตามหาหญิงงามทั้งโรงเรียนก่อนหน้านี้

หากเซนมายืนอยู่ที่นี่เซนจะต้องอยากฆ่าชายหนุ่มคนนี้จนตายอย่างแน่นอนเนื่องจากชายคนนี้เป็นคนที่กระทืบเขาและทิ้งเขาให้ดิ่งลึกลงไปกลางทะเล

“หัวหน้าห้อง…”

เอลลี่กล่าวออกมาอย่างเฉยเมย นางแทบจะไม่ปรายตามองอีกฝ่ายเลยเสียด้วยซ้ำ ย้อนกลับไปในวันที่ในวันที่เธอมายังโลกแห่งนี้ครั้งแรกนั้น ภายในรถทัวร์เธอได้ถูกกระเป๋าสัมภาระกระแทกเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรงทำให้หมดสติไป อย่างไรก็ตามดูเหมือนพระเจ้านั้นจะอยากให้เธอรับรู้บางอย่าง ในขณะที่เธอหมดสติไปนั้นเธอยังสามารถได้ยินทุกการกระทำทุกอย่างที่หัวหน้าห้องคนนี้ทำกับนักเรียนชายที่แม้แต่เธอก็ยังจำชื่อเขาไม่ได้ ตั้งแต่วันนั้นมาเธอก็รู้สึกเสียใจที่ตัวเธอเป็นต้นเหตุให้ชีวิตของผู้อื่นต้องพบกับความตาย ในขณะเดียวกันเธอก็พยายามตีตัวออกห่างหัวหน้าห้องด้วยเช่นกัน

ดูเหมือนหัวหน้าห้องจะไม่ได้รู้เรื่องนี้ดังนั้นจึงพยายามทำตัวเป็นคนดีและพยายามเข้าใกล้ชิดเธอ แต่เอลลี่ก็พยายามตีตัวออกห่างจากหัวหน้าห้องเช่นเดียวกัน

“เอลลี่เธอมานั่งทำอะไรคนเดียว…คนอื่นๆ นัดรวมกันไปปาร์ตี้จบการศึกษาอยู่นะ”

หัวหน้าห้องพยายามแสดงรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นออกมาให้ได้มากที่สุดในขณะที่กล่าวหากเป็นหญิงสาวคนอื่นแน่นอนว่าต้องถูกรอยยิ้มจอมปลอมนี่หลอกเข้าแต่ไม่ใช่กับเอลลี่

“นายไปเถอะ…ฉันไม่มีอารมณ์ไปร่วมปาร์ตี้กับพวกนายทั้งๆ ที่เพื่อนของพวกร่วมห้องของพวกเรายังไม่ครบหรอก ป่านนี้เขาจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้”

หัวหน้าห้องที่พกความมั่นใจมาเต็มร้อยรู้สึกหน้าเสียขึ้นเล็กน้อย เขากล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มกับเอลลี่ว่า

“เอลลี่มันก็ผ่านมาสามปีแล้ว เขาจากไปแล้ว…หลุมศพของเขา เราก็ทำมันขึ้นมาแล้วทำไมเธอยังไม่ปล่อยวางอีก”

หากว่าเป็นการตายตามธรรมชาติหรือแบบปกติเธอคงจะสามารถปล่อยวางได้แล้ว อย่างไรก็ตามสาเหตุของการตายของอีกฝ่ายนั้นกลับมีเธอเป็นสาเหตุส่วนหนึ่ง

เมื่อเห็นว่าเอลลี่ไม่ได้กล่าวตอบใดๆ หัวหน้าห้องก็ถอนหายใจก่อนที่จะเดินไปนั่งข้างๆ เอลลี่ อย่างไรก็ตามเอลลี่นั้นได้ลุกขึ้นยืนอย่างกะทันหันและเดินจากไปทันทีก่อนที่เธอจะจากไปเธอก็ได้กล่าวขึ้นมาว่า

“ขอโทษทีนะแต่ฉันต้องการอยู่คนเดียว ดังนั้นฉันขอตัวกลับไปที่ปราสาทของฉันก่อน”

เมื่อเห็นเอลลี่เดินจากไปรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าของหัวหน้าห้องก็หายไป แทนที่ด้วยความเย็นชาและความชั่วร้าย

“หึๆ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel