บทที่ 6
อารดาก้าวลงจากรถตู้ที่ท่ารถในอำเภอหัวหิน มองหาคนที่นัดหมายให้มารับตามที่ได้คุยกัน สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นและบอกให้รู้ว่ารออยู่ที่ตรงไหน
หลังจากที่เลิกงานจากไนติงเกลคลับอารดาก็กลับบ้านตามปกติพร้อมกับทิปพิเศษซึ่งมากกว่าเงินเดือนทั้งเดือนอีก ทำให้ไม่ต้องเบิกล่วงหน้าตามที่คิดไว้แต่แรก เมื่อมาถึงบ้านเอาเงินทั้งหมดให้กับมารดาสำหรับเป็นค่าใช้จ่าย และเพิ่งรู้ว่ามีจดหมายสำคัญมาถึงจากผู้มีอุปการคุณ
ข้อความในจดหมายบอกให้เดินทางที่บ้านพักของผู้มีอุปการคุณที่หัวหิน เพื่อมาทำความรู้จักกันให้มากยิ่งขึ้นและในจดหมายยังถามไถ่มาว่าเธอได้งานทำแล้วหรือยัง ดังนั้นหญิงสาวจึงให้นางอรุณมาลางานกับรานีแทน และบอกว่าอีกสองสามวันจะกลับมาทำงาน
รถที่มารับพาอารดาเข้ามาในอาณาเขตของตระกูลแลนดอน อาคารสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นตระหง่านด้านหลังเป็นทะเลมีเสียงคลื่นกระทบฝั่ง หญิงวัยกลางคนที่แนะนำตนเองว่าชื่อนวลเป็นผู้ดูแลที่นี่
“หนูปูเป้ใช่ไหมจ๊ะ” นางถามพลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ค่ะ ป้านวลใช่ไหมคะ” อารดาทำความเคารพอย่างนอบน้อม
“เข้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ คุณพอลยังไม่มาเลย” หญิงวัยกลางคนเดินนำอารดาเข้าไปในบ้าน
เนื่องจากผู้มีอุปการะที่ส่งเสียให้ทุนอารดาจนเรียนจบคือคุณนายแลนดอนหรือชื่อเดิมว่าดารา แต่งงานกับมหาเศรษฐีชาวอเมริกันที่ชื่อ จอห์น แลนดอนและอพยพครอบครัวตามสามีไปอยู่ต่างประเทศ
นางมีความประสงค์จะให้ทุนการศึกษาแก่เด็กที่เรียนดีและยากจน ซึ่งตอนนั้นแม่อรุณของอารดามาทำงานเป็นพนักงานทำความสะอาดโรงแรมแห่งหนึ่งที่หัวหิน จึงทำให้หญิงสาวมีโอกาสได้รับทุนนี้ และเพราะผลการเรียนที่เป็นที่พอใจทำให้คุณนายแลนดอนให้การอุปการะมาจนจบ
โดยทุกครั้งที่ผลสอบออกมาอารดาจะส่งผลการเรียนไปให้นางทุกครั้งทางจดหมาย ซึ่งบางครั้งก็อาจได้รับรางวัลเป็นของขวัญหรือเงินพิเศษตามแต่โอกาสจะอำนวย
“คุณดารากับสามีไม่ได้มา มีแต่ลูกชายที่จะมาแทน ท่านโทร.มาสั่งป้าว่าให้ถามว่าหนูได้งานทำหรือยัง ถ้ายังลูกชายท่านจะช่วยหนูเรื่องนี้” นวลบอกกับหญิงสาวเมื่อพามาที่ห้องพัก
“เสียดายนะคะ หนูเลยไม่มีโอกาสได้กราบขอบคุณที่ท่านส่งเสียให้หนูเรียนจนจบ” หญิงสาวอยากจะพบหน้าผู้ใจบุญสักครั้ง เพื่อกราบขอบพระคุณสำหรับความเมตตาที่มีต่อคนด้อยโอกาสอย่างเธอ
“เห็นบอกว่าไม่สะดวกเดินทาง ไม่เป็นไรจ้ะ พบลูกชายท่านก็เหมือนกัน หนูพักผ่อนตามสบายนะ ถ้าคุณพอลมาเมื่อไรป้าจะมาตามอีกที” หญิงวัยกลางคนขอตัวไปเตรียมรับคนสำคัญก่อน
อารดาเก็บข้าวของเข้าที่ให้เรียบร้อยแล้วลงไปดูว่ามีอะไรให้ช่วยทำบ้าง นิสัยของเธอไม่ชอบอยู่เฉยๆ หากมีใครทำงานอยู่ใกล้ๆ โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับผู้มีพระคุณแม้นิดหน่อยก็ขอมีส่วนร่วมบ้าง
พอลรู้สึกตัวอีกครั้งก็พบว่าอยู่ในห้องพักที่คอนโดฯ แล้ว ชายหนุ่มรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก หลับตาทบทวนเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ใช่แล้วเมื่อคืนนี้ที่ไนติงเกลคลับ ว่าแต่แม่กวางน้อยท่ามากนั่น ทำอะไรเขากันแน่
เมื่อคืนจำได้ว่ากำลังจะทดสอบว่าเรื่องที่เธอเล่าเป็นเรื่องจริงหรือโกหก แล้วเขาก็พบว่ามันอาจจะมีความจริงอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ยังไม่ทันจะได้พิสูจน์ว่าเป็นอย่างไรต่อ สติสัมปชัญญะก็ดับวูบไม่รู้สึกตัวอีกเลย
คิดมาถึงตรงนี้ ก็อดนึกถึงความงามที่ได้สัมผัสเพียงแค่ไม่กี่นาที รับรองว่าเสร็จธุระวันนี้เมื่อไร เขาจะกลับไปที่ไนติงเกลคลับเพื่อหาความจริงเรื่องนี้ให้ได้แน่
รถตู้ของวิชัยรออยู่ที่หน้าคอนโดฯ พอลจึงได้รู้ว่าเมื่อคืนวิชัยเป็นคนพาตนเองกลับมาที่ห้อง
“ตกลงเมื่อคืนยัยปูเป้อะไรนั่น ทำอะไรผม” เขาถามเป็นคำแรกด้วยความอยากรู้
“เอ่อ ผมไม่ทราบจริงๆ ครับ คือน้องเขาวิ่งหน้าตื่นออกมา บอกว่าคุณพอลเมาหลับไปแล้ว ผมก็เลยรีบเข้ามาดูเห็นคุณพอลหลับจริงๆ ก็เลยพากลับมานอนที่ห้อง” วิชัยไม่อยากเล่าว่าพอลหลับอยู่ที่พื้นในสภาพไม่รู้สึกตัวสักนิด แต่ที่เขาไม่ห่วงว่าชายหนุ่มจะเป็นอะไรมาก ก็เพราะรานีมากระซิบให้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“ผมไม่ได้เมา คุณวิชัยก็รู้คนอย่างผมไม่เมาง่ายๆ” พอลฉุนเล็กน้อย
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตนเองดื่มได้มากน้อยแค่ไหน แค่แก้วสองแก้วไม่ถึงกับทำให้คออ่อนคอพับขนาดนั้น แม่สาวเจ้าเล่ห์คนนั้นต้องทำอะไรแน่ๆ
“เอาละ ผมมีสองเรื่องอยากให้ช่วย” ชายหนุ่มสั่งงานก่อนที่จะกลับมาจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง
“หาประวัติแม่นั่นให้ผมด่วน อีกเรื่องคุณติดต่อเจ้าของคลับนั้น บอกว่าผมจองตัวเธอไม่ให้ไปนั่งกับใครอีก คิดค่าเสียหายเท่าไรว่ามา”
พอลรู้สึกว่าเสียหน้าที่ถูกทำแบบนี้ ต้องหาทางเอาคืนแม่สาวหน้าใสคนนั้นให้จงได้ อยากรู้จริงๆ ว่าถ้ากลับไปเล่นละครต่อ จะต่อบทให้น่าสงสารอย่างไรอีก รับรองว่าคราวนี้ไม่มีวันหลงกลอีกเป็นอันขาด
พอลมาถึงหัวหินในตอนบ่าย นวลออกไปซื้อกับข้าวเตรียมต้อนรับการมาของทายาทตระกูลแลนดอน นางจึงฝากบ้านไว้กับอารดาให้ช่วยดู พร้อมบอกว่าว่าถ้ามีใครแปลกหน้าที่เป็นลูกครึ่งมาก็ให้ต้อนรับเพราะนั่นคือคุณพอล ลูกชายของผู้มีอุปการคุณนั่นเอง
อารดารออยู่สักพักคิดว่าคงไม่มีใครมา หญิงสาวจึงกลับเข้ามาในบ้านอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตั้งใจว่าจะไปเดินเล่นรับลมทะเลเสียหน่อย เสียงแตรรถที่หน้าบ้านดังขึ้นทำให้รีบวิ่งออกไปดู รถตู้แล่นมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมใครบางคนที่ทำให้เธอตะลึง
“คุณ/เธอ” ทั้งคู่มองหน้ากันด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม
“จะไปไหน หยุดเดี๋ยวนี้นะ” พอลตะโกนพร้อมวิ่งตามทันที เมื่ออารดาได้สติแล้ววิ่งหนีไปทันที
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ”
“ปล่อย ปล่อยนะ” อารดาพยายามกระชากตัวเองออกจากการจับกุมของเขา
ในหัวสมองตอนนี้คิดว่าควรจะทำอย่างไรดี อย่างแรกต้องอยู่ให้ไกลจากผู้ชายอันตรายคนนี้ เพราะสิ่งที่เขาแสดงเมื่อคืนบ่งบอกให้รู้ว่า ตีค่าตัวเธอเป็นเพียงผู้หญิงกลางคืนที่ใช้เงินฟาดหัว และสิ่งที่ตัวอารดาทำกับเขาไว้นั้นก็ใช่ย่อยซะที่ไหน มั่นใจว่าพ่อเจ้าประคุณต้องไม่เลิกราและหาทางเอาคืนแน่
“จะไปไหนแม่ตัวดี มานี่เลย” พอลไม่พูดพล่ามทำเพลงและไม่ยอมปล่อยให้อารดาหนีไปไหนอีกได้ เขาอุ้มเธอขึ้นพาดบ่าแล้วเดินกลับเข้าไปในบ้านทันที
“โอ๊ย ฉันเจ็บนะ” คนถูกโยนลงบนโซฟาร้องลั่นด้วยความเจ็บ พอลไม่พูดอะไรนอกจากจ้องหน้าเธอเขม็งพร้อมตั้งคำถามที่ฟังแล้วอยากจะกรี๊ดเหลือเกินว่า
“มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าเปลี่ยนใจอยากจะมาสานต่อเรื่องเมื่อคืนให้จบ” สายตาของชายหนุ่มจ้องมองมายังเรือนร่างที่อยู่ตรงหน้าอย่างมีความหมาย พอลยอมรับว่าเขาปรารถนาในตัวเธอเสียเหลือเกิน เพียงแค่เห็นหน้าและสัมผัสชั่วครู่เท่านั้น เลือดร้อนในกายก็พลุ่งพล่านทันที
“บ้า ฉันไม่ได้มาสานอะไรทั้งนั้น คุณล่ะ มาทำไม เข้าผิดบ้านหรือเปล่า” อารดาเมินหน้าหนีสายตาที่ร้อนแรงของเขา รู้สึกหวั่นไหวอย่างไรบอกไม่ถูก ร่างกายร้อนวูบวาบอย่างไม่เคยเป็น สัมผัสที่ผ่านมาเมื่อคืนนี้ยังตราตรึงอยู่ในหัวสมอง
“เธอพายายไปหาหมอหรือยัง” พอลสนใจเรื่องนี้มากกว่า
