2“เอาวะ ซักก็ซัก
สวัสดีค่ะทุกคน ฉันชื่อโฉมงามนะคะ ชื่อกระแดะใช่ไหมละ รู้ตัวค่ะ เอาเป็นว่าเรียกโฉมสั้น ๆ ก็พอ ฉันอายุ24 พึ่งจะเรียนจบเมื่อไม่นานมานี้ รูปร่างหน้าตาของฉันก็พอไปวัดไปวาได้ค่ะ ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่แต่อย่างใดเพราะมีเงินเสกใบหน้าได้ตลอดเวลา บ้านฉันก็ไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไรหรอกค่ะ เป็นแค่เจ้าของธุรกิจเล็ก ๆ ในเขตปริมณฑล
“โฉม มานั่งเหม่ออะไรแถวนี้วะ?” เสียงแหลมปี๊ดแสบแก้วหูแบบนี้มีเพียงยัยน้ำหอมเพื่อนของฉันเท่านั้นแหละค่ะ
“เหม่ออะไร? กูไม่ได้เหม่อซะหน่อย”
“มองจากดาวอังคารยังรู้เลยว่ามึงตอแหล”
“อีหอม”ฉันกระแทกน้ำเสียงนิดหน่อยแล้วกลอกลูกตากลับ
“กูรู้นะว่ามึงมานั่งละเมอเพ้อพกคิดถึงไอ้เสืออ่ะ”
ลืมบอกไปว่าหลังจากที่ฉันเลิกกับเสือ ฉันก็กลายเป็นคนเหม่อลอยพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเลยไป ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ยังลืมรักแรกของฉันไม่ได้ ฉันคิดถึงเขามาก ก็คนมันรักอ่ะทำไงได้ ทำใจไม่ได้ก็ตรอมใจแทบตายอยู่แบบนี้
ต่อมันให้มันจะผ่านมา 3 เดือนแล้วก็ตาม
“ไม่ตอบแสดงว่าจริง”น้ำหอมพูดพลางนั่งลงข้าง ๆ ฉันแล้ววางแก้วเหล้าลง
“มันตายยากตายเย็นแท้วะไอ้เสือเนี้ย มึงลืมมันไปได้แล้ว มึงเลิกกันมา 3 เดือนแล้วนะเว้ย”
“แต่กูยังเจ็บเหมือนมันพึ่งผ่านมาแค่ 3 วันเอง”
“กูบอกแล้วว่าอย่าเย็ดกันมันส์ พอเลิกกันเป็นยังไงละ ลืมไม่ลง”
“มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเย็ดเลยนะอีหอม ที่กูไม่ลืมเพราะกูรักมัน”
“มึงรักมัน แล้วมันรักมึงไหมโฉม?”
คำนี้ทำเอาฉันตอบไม่ออก เพราะขนาดตัวฉัน ฉันยังไม่รู้เลยว่าเสือรักฉันไหม? บอกแล้วไงว่าที่ผ่านมาเขาไม่เคยบอกว่ารักฉันเลย
“ถ้าตอบกูไม่ได้ มึงก็ควรคิดได้แล้วนะว่ามึงควรหันกลับมารักตัวเองบ้าง ไม่ใช่จมปักแต่รักมันอย่างเดียว”
“กูง่วงวะ กูกลับห้องก่อนนะ มึงก็อย่าเมาจนกลับห้องไม่ได้ละ”
“เอ้าอีนี้ พอกูด่าหน่อยทำง่วงนอน.... เออ ๆ เดินดี ๆ อ่ะไม่ใช่เดินเหม่อลอยจนตกน้ำตกท่านะมึง”
ฉันเดินออกมาจากตรงนั้นโดยไม่ได้หันกลับไปมองเพื่อน ที่จริงฉันไม่ได้ง่วงหรอกเพียงแต่ฉันแค่อยากอยู่คนเดียวเท่านั้น
เรือสำราญลำใหญ่แล่นอยู่ท่ามกลางมหาสมุทร ผู้คนมากหน้าหลายตาพากันปาร์ตี้เฮฮา มีเพียงฉันคนเดียวเท่านั้นที่เอาแต่อมทุกข์ มาเที่ยวแท้ ๆ ฉันยังไม่รู้สึกถึงความสนุก ความรู้สึกของฉันมันเหี่ยวเฉาไปหมดแล้วจริง ๆ
ตุบบ!!!!!
“เฮ้! เดินอะไรของเธอวะ? เหล้าหกใส่เสื้อฉันหมดแล้ว”
เหม่อจนได้เรื่องจริง ๆ .... ฉันเผลอไปชนชายร่างสูงคนหนึ่งเข้า เขาสบถออกมาพร้อมกับมองเสื้อสูทสีแดงของเขาที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเหล้าในแก้วที่มือของเขาเอง
“ฉันขอโทษค่ะ ฉันมัวแต่คิดอะไรเพลิน ๆ ไปหน่อยเลยไม่ได้มองทาง”
“ให้ตายเถอะ! วันนี้มันวันซวยอะไรของกูวะ?”
“ขอโทษจริง ๆ ค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะชดใช้ค่าเสียหายให้นะคะ”
“ชดใช้งั้นเหรอ? ได้!”เขาพูดพลางวางแก้วเหล้าแล้วถอดเสื้อสูทของเขาออก ฉันแหงนหน้ามองตามร่างกายกำยำของเขา
“เอาไปซักให้ฉันซิ” สูทสีแดงยื่นมาอยู่ที่ปลายคางของฉัน ฉันค่อย ๆ แหงนหน้ามองเขาอย่างช้า ๆ
“ซักเหรอ ?”
ดวงตาสีน้ำตาลกลมโตจ้องมองมาที่ใบหน้าของฉัน จมูกของเขาโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหนาเม้มขึ้นเล็กน้อย เขาดูหล่อจัง แต่หล่อแบบขรึม ๆ หน้าเกรงกลัวยังไงไม่รู้ เป็นขาใหญ่แถวนี้แน่ ๆ เลย
“ใช่ ซัก รู้จักไหม? ซักผ้าอ่ะ”เขาพูดพลางโน้มหน้ามาใกล้ ๆ กับใบหน้าของฉัน
“ฉัน.... ซักไม่เป็นหรอกนะ ฉันไม่เคยซักผ้าเอง แต่ถ้าคุณอยากให้ฉันรับผิดชอบ ฉันจะส่งเข้าร้านซักให้ วันพรุ่งนี้ตอนเย็น ๆ คงได้”
“เหอะ! ฉันจะลงจากเรือตอนเที่ยง ส่วนเธอจะทำยังไงนั้นมันเรื่องของเธอ”เขาโยนสูทมาให้ฉันแล้วก็เดินไป
อะไรวะ....? ก่อนเที่ยงแล้วมันจะแห้งไหมละ? แล้วอยู่ห้องไหนก็ไม่ยอมบอก ฉันได้แต่ยืนมองแผ่นหลังของเขาที่เดินหายวับเข้าไปด้านในของเรือ
( ห้อง 1705 )
ฉันนั่งมองเสื้อสูทสีแดงที่อ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำในห้อง จะให้ทำยังไงละถ้าส่งร้านซักมันคงไม่ทันวันพรุ่งนี้ก่อนเที่ยงแน่ ๆ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฉันจะต้องซักมันเอง แล้วเอาไดร์เป่ามันให้แห้ง รีดนิดหน่อยคงแห้งทัน
“เอาวะ ซักก็ซัก แต่ฉันขอใช้ไอ้นี้แทนน้ำยาซักผ้าแล้วกันนะ”
ฉันหยิบแลคตาซิดขึ้นมาแล้วบีบลงไปที่เสื้อสูทแล้วเริ่มขยี้ตามที่ฉันเคยเห็นป้าอ่อนทำ
เสียงไดร์เป่าผมของฉันดังสนั่นไปลั่นห้อง ฉันเป่ามันไปที่เสื้อสูทตัวนั้นพร้อมกับใช้พัดลมเป่าไปด้วย หลังจากที่ทำไรเสร็จฉันก็อาบน้ำและนอน ( นอนคิดถึงผู้ชายที่ฉันรักนะซิ )
