๑ คนน่ารำคาญ (๔)
“แย่แล้วหมอก แย่แล้ว...” วรทวิ่งมาจากห้องน้ำเมื่อทราบเรื่องจากเพื่อนที่อยู่คนละห้อง ช่วงพักระหว่างคาบเรียนทำให้ทุกคนแยกย้ายทำธุระส่วนตัว แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีกจนได้
“อะไร มีอะไร” ร่างสูงที่กำลังเตรียมหนังสือเพื่อเรียนวิชาต่อไป จำต้องเงยหน้าขึ้นมองด้วยความสงสัย
“แฟนมึง...น้องโซ่ตบกับเพื่อนในห้องน้ำหญิง ตอนนี้อยู่ในห้องปกครองแล้ว มึงรีบไปดูเถอะ” ถอนหายใจหนักเมื่อทราบเรื่อง เขากำมือเข้าหากันแน่น ใบหน้าแสดงออกถึงความโกรธที่หล่อนผิดคำพูดกับตนอีกแล้ว
ลุกจากเก้าอี้เพื่อเดินเข้าห้องปกครอง ฟังเรื่องราวทั้งหมดด้วยความเงียบ ค้อมศีรษะขอโทษคู่กรณีที่เละเป็นโจ๊ก พอมองมายังตัวต้นเรื่องที่มีเพียงรอยด่างบนเสื้อ กับใบหน้าหงอยก็โมโหจนพูดอะไรไม่ออก ครูบอกให้ขอโทษกันและกัน แล้วตัดคะแนนจิตพิสัยค่อยปล่อยให้ออกมาข้างนอก
“พี่หมอก...อย่าเงียบสิ” รีบเดินมารั้งแขนหนาเอาไว้ เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธตน
“พี่บอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้ใช้กำลังทำร้ายคนอื่น หัดเรียนเตะต่อยเพราะป้องกันตัวไม่ใช่มาตบตีเพื่อนแบบนี้” ข่มเสียงไม่ให้ดังแล้วพูดรอดไรฟัน หล่อนก้มหน้าสำนึกผิดแต่พอเห็นรอยบนเสื้อก็รีบฟ้องเขาทันทีเพื่อหาความชอบให้ตัวเอง
“มันเริ่มก่อน มันสาดน้ำใส่โซ่...ดูสิเปียกไปหมดเลย”
“แล้วจำเป็นต้องตบด้วยเหรอ พูดดีๆ ก็ได้ ชุดเปียกก็แค่ไปเปลี่ยน ทำไมโซ่ชอบทำให้เรื่องเล็กเป็นเรื่องใหญ่ มีความสุขมากหรือไงที่ได้อวดเบ่งว่าตัวเองยิ่งใหญ่คับฟ้า” กำมือแน่นไม่ให้เผลอทำร้ายหล่อน หลายครั้งแล้วที่เขาต้องมาสะสางปัญหาทุกอย่างของชีวาพร
ได้แต่คิดว่าเมื่อไหร่ตนจะเรียนจบและพ้นจากผู้หญิงคนนี้สักที เบื่อหน่ายเต็มทนกับความใจร้อนเจ้าอารมณ์ของหล่อน
ไม่เหมือนศิศิราที่ทำให้เขาสบายใจยามอยู่ด้วย
“เปล่านะ โซ่ขอโทษ โซ่จะไม่ทำอีกแล้ว” น้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นสายเกลียดชังที่เขามองมา ไม่อยากเป็นคนที่เมืองหมอกเกลียด เธออยากเป็นที่รักของเขามากกว่า
“อย่าพูดเลยถ้าทำไม่ได้ โซ่สัญญากับพี่มากี่ครั้งเห็นว่าจะทำได้เลยสักครั้ง พี่เบื่อจะฟังแล้ว อยากทำอะไรอยากตบตีใครก็เชิญ” แกะมือบางออกแล้วเดินกลับเข้าห้องเรียน ปล่อยเธอให้ยืนเช็ดน้ำตาอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง
“พี่หมอก...” พึมพำเรียกคู่หมั้นเสียงเบา ยืนนิ่งไม่อาจก้าวเดินไปไหนได้ จ้องมองเมืองหมอกอย่างเงียบๆ
แผ่นหลังกว้างที่ยิ่งห่างไกล เหมือนกับว่าเธอกำลังจะเสียเขาไป...
“โซ่ทำคุกกี้มาให้พี่หมอกค่ะ” ตกเย็นก็ทำขนมเพื่อมาง้อชายหนุ่มถึงบ้าน แต่ตอนนี้เขายังไม่กลับ จึงมีเพียงคุณอนัญพรที่รับขนมของลูกสะใภ้เอาไว้ เอ็นดูหนูน้อยที่เห็นกันตั้งแต่ตัวยังเล็ก บัดนี้เติบใหญ่ขึ้นมากแล้ว
“ขอบใจมากลูก พี่เขาต้องชอบแน่ๆ” เธอยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น พยายามมองหาร่างสูงก็ไม่พบ
“พี่หมอกล่ะคะ”
“ยังไม่กลับเลย ช่วงนี้เห็นว่ากำลังอ่านหนังสือหนักเตรียมสอบเข้ามหา’ลัย หนูโซ่ไม่โกรธพี่เขานะ”
“โซ่เข้าใจค่ะ” ส่ายหน้าแล้วอยู่คุยกับท่านอีกครู่ใหญ่เพื่อรอร่างสูง ทว่าเมืองหมอกก็ยังไม่กลับสักที หล่อนจึงถูกพี่ชายมาเรียกให้กลับบ้าน
“ตัวเล็ก...เหม่ออะไร” ระหว่างเดินกลับบ้านซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พี่ชายของหล่อนยกมือขึ้นลูบหัวน้องสาว เอ่ยถามเสียงนุ่มด้วยความเป็นห่วง
ชานนท์ ฉันท์หทัย นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์ที่กำลังจะจบปริญญาตรีในอีกไม่ช้า และทำเรื่องเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศไว้เรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้บอกน้องสาวเพราะอีกฝ่ายเหมือนจะสนใจแค่พี่ชายข้างบ้าน จนหลงลืมพี่ชายของตัวเอง
“เปล่า” ส่ายหน้าแล้วเหลียวหลังไปมองบ้านฝั่งตรงข้ามไม่หยุด รู้ได้ทันทีว่าน้องกำลังคิดอะไร
เขาไม่อาจห้ามปรามเรื่องการหมั้นหมายได้ แม้รู้เต็มอกว่าเมืองหมอกไม่ได้ชอบน้องสาวตน แต่เพราะชีวาพรรักอีกฝ่ายมาก ตนที่เป็นพี่ชายจึงทำได้เพียงมองอยู่ห่างๆ ค่อยเข้าไปปลอบเมื่อน้องร้องไห้หรือเสียใจ
“หิวไหม ไปกินข้าวก่อนดีหรือเปล่า”
“ไม่หิวอ่ะ พี่ชาไปกินข้าวเลย ขอรอพี่หมอกอีกหน่อย” เลือกจะนั่งรอร่างสูงที่หน้าบ้านของตน เพื่อที่เวลาเขากลับมาจะได้เห็นชัดเจน
“หิวก็บอกนะ เดี๋ยวพี่จะแบ่งกับข้าวไว้ให้ หรืออยากกินอะไรก็บอกจะพาไปกินข้างนอก” ลูบศีรษะมนอย่างเอ็นดู เขามีน้องสาวแค่คนเดียวจึงรักและตามใจเธอมากเป็นพิเศษ
“ค่ะ” พยักหน้าแล้วยิ้มให้ชานนท์ เลือกจะนั่งรออยู่อย่างนั้นกระทั่งเห็นร่างสูงเดินเข้าบ้าน ไม่หันมามองทางบ้านของหล่อนเลยสักนิด แต่ร่างบางก็ยิ้มกว้างหมายจะไปหาเขา พลันนึกได้ว่ายังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สวมทั้งวันแม้จะมีน้ำเหนียวเลอะเป็นรอยด่างก็ตาม
“พี่หมอกมาแล้ว”
“อ่ะ เปลี่ยนชุดหน่อยดีกว่า”
ใช้เวลาพียงครู่เดียวในการเปลี่ยนชุด ลงมาข้างล่างเตรียมพร้อมจะไปหาเขา แต่สิ่งที่เห็นคือชายหนุ่มถือกล่องคุกกี้ที่ตนอุตส่าห์ทำไปขอโทษลงถังขยะหน้าบ้านอย่างไม่ไยดี
“พี่หมอก...” ขาแข็งจนก้าวไม่ออก ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ริมหน้าต่างชั้นล่าง จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของเขาด้วยดวงตาสั่นไหว กระบอกตาร้อนผ่าวก่อนที่น้ำสีใสเม็ดใหญ่จะไหลริน เธอเลือกเงยหน้ามองเพดานแล้วผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ
“ฟู่ว อย่าร้อง อย่าร้องนะโซ่ แกเป็นคนผิด ห้ามร้องเด็ดขาด”
สั่งตัวเองอยู่อย่างนั้นหลายนาทีแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึงวิ่งขึ้นห้องแล้วปล่อยโฮเพียงลำพังกับภาพที่ได้เห็น
ทว่าแม้เขาจะทำให้เจ็บเพียงใด หัวใจของหล่อนก็ยังมีแค่เมืองหมอกไม่เปลี่ยนแปลง
