บทที่3.
“ทำไมผมต้องจัดการหรือครับ” ภาสกรพูดพลางแกะมือเหนียวหนึบของแพรวาออกจากแขนของตน หญิงสาวหน้างอยิ่งมองเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มเยาะหยันของประพลที่มองผ่านกระจกใสมายิ่งทำให้เธอเดือดดาล เลขาหนุ่มวัยสามสิบปีของภาสกรที่เธอไม่ชอบขี้หน้านัก
“แต่มันพูดจาไม่ดีกับแพรวานะคะ”
“คุณเองก็พูดไม่ดีกับเขาเหมือนกัน เอาล่ะ ผมไม่อยากเสียเวลา คุณมาทำไม..”
“แพรวาก็มาหาคุณน่ะสิคะ”
“ผมไม่มีนัดหรือมีธุระอะไรกับคุณนะ อีกอย่างวันนี้ผมไม่ว่างจะออกไปธุระสำคัญ ขอตัวตอนนี้เลยก็แล้วกัน”
“อะไรกันคะ แพรวาอุตส่าห์มาหาคุณนะคะ..” ภาสกรไม่สนใจเสียงแหลมๆ ของแพรวา ชายหนุ่มมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเอือมระอา
“ผมจะบอกอะไรให้นะแพรวา.. ถึงคุณจะโด่งดัง จะเป็นคนมีชื่อเสียงหรือจะเป็นใครใหญ่มาจากไหน แต่การกระทำของคุณในวันนี้ทำให้ผมไม่คิดจะเลือกคุณมาเป็นพรีเซนเตอร์โครงการของผมแน่นอน.. อีกอย่างผู้หญิงอย่างคุณไม่อยู่ในสายตาผมเลย.. ผมยังคุยกับคุณ ยังให้เกียรติคุณเพราะคุณหญิงแม่ของคุณมาขอร้องให้รับพิจารณาคุณในฐานะพรีเซนเตอร์ของงานนี้ และเห็นว่าคุณเป็นนางแบบที่มีชื่อเสียง แต่เมื่อคุณทำตัวแย่ๆ นิสัยแย่ๆ เที่ยวจิกหัวคนอื่นโดยเฉพาะคนของผม ผมก็ไม่คิดจะเสวนากับผู้หญิงอย่างคุณหรอกนะ.. ผมจะหาพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ผม ไล่ คุณ ออก..” ภาสกรบอกอย่างเฉยชาแล้วย้ำประโยคสุดท้ายอย่างหนักแน่นชัดเจน แพรวาหน้าเสียแต่ยังไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรผิด
“แพรวาทำอะไรผิดคะแสน แค่แพรวาคิดถึงคุณแล้วมาหาคุณนี่นะคะ..”
ภาสกรกระแทกลมหายใจหนักๆ กับความมั่นใจในตัวเองมากว่าตนนั้นทำถูกต้องที่สุด ดีที่สุด จนมองไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเองของหญิงสาวสวยตรงหน้า... เขายอมรับว่าแพรวาเป็นคนสวยมาก แต่งเติมนิดๆ หน่อยๆ ก็สวยโดดเด่น แต่ความสวยโดดเด่นของแพรวาไม่ได้ดึงดูดความสนใจและไม่ได้ตรึงตราตรึงใจเขาแม้แต่น้อย...
“ผมไม่อยากพูดมาก เจ็บคอ..”
“คุณแสนไม่สบายหรือคะ แล้วทำไมเลขาคุณแสนไม่ดูแลล่ะคะ งั้นแพรวาจะดูแลคุณเองนะคะ” ภาสกรอยากจะตะโกนดังๆ ใส่หน้าเจ้าหล่อนนักว่าเริ่มจะทนไม่ไหวแล้วกับความงี่เง่าของเธอ...
“ผมหมายถึง พูดกับคุณ คุณก็ไม่มีวันเข้าใจ พูดจนเจ็บคอคุณก็ไม่เข้าใจ.. เอาเป็นว่าวันนี้ผมไม่ว่างจะคุยกับคุณ วันไหนๆ ก็ไม่ว่าง แค่นี้นะครับ ผมรีบ..”
ภาสกรสะบัดออกจากมือเรียวของเธอแล้วเดินไปยังลิฟต์ทันที แพรวายืนงงอึ้งไปกับสิ่งที่ได้ยินจนเมื่อประตูลิฟต์ปิดลงหญิงสาวจึงได้สติแล้วกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บใจ...
“กรี๊ดดดด อ๊ายยย คุณแสนนนนนน.. คุณแสน กลับมาคุยกับแพรวาก่อนนะ แพรวาทำอะไรผิดคุณแสนถึงโกรธแพรไม่คุยกับแพรวา.. อ๊ายยย แพรวาจะฟ้องคุณแม่..” หญิงสาวกระทืบเท้าเร่าๆ ทั้งกรีดร้องอย่างขัดเคืองใจ ประพลหัวเราะหึๆ อย่างขบขันท่าทางของแพรวา
“แก.. ไอ้ขี้ข้า คอยดูนะ ฉันจะทำให้คุณแสนไล่แกออกให้ได้”
แพรวาชี้หน้าประพลก่อนจะเดินออกไป เมื่อลงไปยังลานจอดรถที่บอดีการ์ดของตนรออยู่แพรวาก็ตวาดชายหนุ่มทั้งสองลั่นอย่างหัวเสียก่อนจะกลับบ้านไปอย่างผิดหวัง....
ทางด้านภาสกรที่รีบออกไปหาทิพย์ธาราก็เมียงมองหญิงสาวที่กำลังพูดคุยอยู่กับวิภาดาอยู่ในร้านอาหารชื่อดังแห่งหนึ่งในห้างสรรพสินค้าหรูอยู่อย่างหมายมาดก่อนจะส่งข้อความไปหาอีกคนที่เขาดึงมาเป็นสายลับ...
“มาแล้ว เตรียมตัวด้วย..” ชายหนุ่มส่งข้อความไปทางแอพลิเคชั่นไลน์ ไม่นานก็มีข้อความตอบกลับมาเป็นสติกเกอร์ตัวการ์ตูนให้สัญลักษณ์ว่า โอเค..
“ให้มันได้แบบนี้สิค่อยน่าสนับสนุน..” ชายหนุ่มยิ้มอย่างพอใจแล้วเดินสบายๆ ไปยังโต๊ะของทั้งสองสาว
ทางด้านทิพย์ธาราก็ค่อนข้างงงที่เห็นภาสกรปรากฏตัวที่นี่ หญิงสาวมองหน้าเพื่อนรักที่เหมือนเหมือนกำลังเกิดอาการบางอย่าง...
“เป็นอะไรพราว”
“คะ คือ พะ พราวปวดท้องจัง บ้าจริงกำลังอร่อย ทำไมเกิดมาปวดท้องตอนนี้เนี่ย.. อุ๊ย สะ สวัสดีค่ะท่านประธาน..” วิภาดานิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวดแล้วเมื่อเห็นภาสกรก็ยกมือไหว้เขาตามมารยาทของผู้น้อย
“หวัดดี แล้วนี่เป็นอะไร..”
“พราวปวดท้องค่ะพี่แสน ทำไมจู่ๆ ปวดท้องได้ล่ะเนี่ย”
ทิพย์ธาราหน้ายุ่งมองอาหารตรงหน้าก็ไม่เห็นว่ามันจะสร้างปัญหาให้กับเธอและเพื่อนเลยแม้แต่น้อย เธอจึงไม่ได้เห็นภาสกรกับวิภาดามองตากันอย่างมีความหมาย
“น้ำแข็ง พราวขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บหนึ่งนะ ไม่ไหวแล้ว.. ขอตัวนะคะท่านประธาน” พูดจบวิภาดาก็วิ่งปรู๊ดออกไปอย่างรวดเร็ว ทิพย์ธารามองเพื่อนอย่างเป็นห่วง
“คงไม่เป็นอะไรมากหรอกมั้งน้ำแข็ง คงปวดท้องทั่วไปแหละ..” ภาสกรนั่งลงแทนที่วิภาดา ทิพย์ธาราจึงหันมาสนใจเขา
“แล้วนี่พี่แสนมาได้ยังไงคะ..”
“พอดีพี่มีงานแถวๆ นี้เลยแวะมาหาอะไรกินหน่อย..”
“มาคนเดียวนี่นะคะ..”
ทิพย์ธารามองหาคเชนทร์แต่ก็ไม่พบใคร ซึ่งปกติแล้วภาสกรไปไหนจะมีคเชนทร์คอยติดตาม และจะมีบอดีการ์ดของเขาคอยตามดูแลความปลอดภัยอยู่ห่างๆ อีกสองคนซึ่งสองคนนั้นเธอเองก็รู้จักดี
“เบื่อจะแย่มีคนคอยตามเหมือนเด็กๆ”
“ก็พี่แสนชอบทำตัวเหมือนเด็กๆ ให้คุณลุงห่วงนี่คะ..”
ทิพย์ธาราว่า ภาสกรยิ้มบางๆ อย่างเข้าใจความหมายของเธอดี ทิพย์ธารามีอคติกับเขามาตลอดแม้จะพูดคุยด้วยแต่ไม่เคยให้ความสนิทสนมหรือไว้วางใจ เธอจะมองเขาอย่างระแวงระแวดระวังเสมอๆ
ตอนเด็กๆ เขาเคยแกล้งทิพย์ธาราจนร้องไห้และนอนฝันร้าย วันนั้นเขากับเทพธาราคิดพิเรนจะแกล้งน้องๆ ทั้งทิพย์ธารา เอกธนาและ อุษาพิไล เขาแต่งหน้าแต่งตัวเป็นผีที่น่ากลัวมากๆ ไปหลอกทิพย์ธารา เด็กหญิงวัยสิบขวบกรีดร้องอย่างเสียขวัญทำให้พวกผู้ใหญ่แตกตื่นมาดูและเขาก็ถูกทำโทษอย่างหนักส่วนทิพย์ธารานั้นนอนละเมอฝันร้ายทั้งคืน ตั้งแต่นั้นมาทิพย์ธาราก็มองเขาอย่างไม่ไว้ใจและค่อนข้างจะกลัวเขา ไม่เล่นด้วยไม่สนใจ และการที่เธอไม่สนใจเขานี่ล่ะทำให้ภาสกรหงุดหงิดใจจนทุกวันนี้ คนอย่างภาสกรไม่เคยได้รับความหมางเมิน ทุกคนจะต้องสนใจเขาโดยเฉพาะผู้หญิง...
“พี่โตแล้ว น้ำแข็งก็เห็น”
“ค่ะ น้ำแข็งเห็น.. พี่แสนตัวโตมากกกก..” ทิพย์ธาราบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆ มองหน้าเขานิ่งด้วยสีหน้าและแววตาเรียบเฉย..
นี่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้ภาสกรหงุดหงิดใจทุกครั้ง เพราะเมื่ออยู่กับเขาทิพย์ธาราแทบไม่เคยยิ้มหรือหัวเราะหรือพูดคุยอย่างสนุกสนานเป็นกันเองเหมือนกับพูดคุยกับคนอื่นๆ เธอเย็นชากับเขาเสมอ หากวันนั้นเขาไม่แกล้งป่วยมีหรือที่เจ้าหล่อนจะเข้าใกล้เขา เมื่อเธอไม่คอยแสดงความสนใจเขานัก ภาสกรจึงหาเรื่องแกล้งให้ทิพย์ธาราหันมาสนใจตน แม้จะได้เสียงแว้ดๆ ฉุนเฉียวใส่เมื่อเขาเข้าไปวุ่นวายในสิ่งที่เธอทำหรือไปเคลื่อนย้ายอะไรของเธอออกจากที่ของมัน และเมื่อทิพย์ธารามาเห็นก็จะต่อว่าเง้างอดใส่ ซึ่งการที่เธอพูดด้วยแค่นี้ภาสกรก็ดีใจแล้ว..
