แสนรักใจแผนร้าย

50.0K · จบแล้ว
ทรายสีเงิน
34
บท
8.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แสนรักในแผนร้าย นามปากกา พรรณพัตรา เป็นนิยายรักหวานๆ และความเจ้าเล่ห์ของพระเอกจ้า อ่านไปอมยิ้มไปกับความกุ๊กกิ๊กของพระนาง ฝากนิยายเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจทุกท่านด้วยนะคะ ไปอ่านคำโปรยกันเลยจ้า*** เรณราคือผู้หญิงที่พิริยะต้องดูแล และเขาก็ปฎิเสธมาตลอดเพราะเธอคือสาเหตุที่ทำให้ถูกลงโทษ ด้วยการไปเรียนเมืองนอก ความโกรธเกลียดเริ่มก่อเกิดนับจากนั้น หากความผูกพันที่เกิดขึ้นในวัยเยาว์ เหนี่ยวรั้งให้หัวใจสองดวงกลับมาพบเจอกันอีกครั้ง แต่การพบกันครั้งนี้ไม่ใช่เขาที่เป็นฝ่ายปฎิเสธ แต่เป็นฝ่ายเรณราที่ยืนยันไม่ต้องการให้เขาดูแล“ปล่อยนะคุณพิริยะ”“ไม่ปล่อย ถ้าดิ้นมากจะกอดให้กระดูกร้าวเลย” เขาบอกเสียงต่ำจนเธอใจสั่น “แทนตัวเองเหมือนเมื่อก่อน แล้วอย่าเรียกห่างเหินแบบนั้นให้ได้ยินอีกนะหนูเร ไม่อย่างนั้นจะได้เห็นดีกัน” เขาสั่งใบหน้าบึ้งตึง “แล้วจะให้เรียกยังไงคะ ฉันจะได้ทำให้ถูกใจคุณ” เรณราเอ่ยเสียงเข้ม สบตาคมอย่างไม่ยอมแพ้เหมือนทุกครั้ง“เคยเรียกยังไงก็เรียกอย่างนั้นแหละ” “บังเอิญว่าฉันจำไม่ได้ด้วยสิคะ ว่าเคยเรียกคุณว่ายังไง” “ต้องให้เตือนความจำไหมหนูเร ว่าเคยเรียกพี่ยังไง” เขาบอกเสียงพร่าต่ำข้างหู เรณราดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง ตากลมโตมองเขาอย่างหวาดหวั่น หัวใจเต้นระรัวเมื่อได้ใกล้ชิดกันแบบนี้ พิริยะเองรับรู้ถึงความนุ่มนิ่มกลมกลึงของร่างบอบบางในอ้อมแขน อารมณ์หนุ่มเดือดพล่านไปทั้งกาย ความอุ่นซ่านที่ได้สัมผัสหลั่งไหลเข้ามาในหัวใจ“ใครจะรู้คะว่าคุณอนุญาตให้เรียกได้เหมือนเมื่อก่อน” “พี่ก็บอกอยู่นี่ไง จะเรียกหรือไม่เรียก” เขาขู่แววตาดุดันพร้อมกับหอมแก้มนวลทั้งสองข้าง หญิงสาวตาโตไม่คิดว่าเขาจะกล้าจู่โจมเธอแบบนี้ แก้มเนียนแดงระเรื่อ มือบางดันอกเขาไว้ “อย่านะคุณพิริยะ ปล่อยฉันซะทีเดี๋ยวพยาบาลเวรก็เข้ามาเห็นกันพอดี” “เห็นก็เห็นสิ ถ้าขัดใจกันพี่จะจูบโชว์ให้ดู หรือจะลอง” เขาไม่พูดเปล่ายังจูบไซ้ไปทั่วดวงหน้างาม เรณราน้ำตาคลอหมดหนทางสู้กับเขา“ปล่อยหนูเรนะคะพี่พิ” พิริยะยิ้มเมื่อได้ยินเสียงหวานใสของเธอ“แบบนี้ค่อยน่าฟังหน่อย” เขายิ้ม ฝังจมูกโด่งกับแก้มหอมกรุ่น คุณหมอสาวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ เบี่ยงหน้าหลบจมูกโด่งและริมฝีปากอุ่นที่ไม่ยอมถอยห่างออกจากแก้มนวลสัมผัสแผ่วเบาดุจปุยนุ่นบวกกับอารมณ์ลึกซึ้งที่ก่อตัวขึ้น ความหวานล้ำที่ได้สัมผัสทำเอาพิริยะไม่อยากหยุดตัวเอง แรงทาบทับที่เรียวปากนุ่มเริ่มแรงขึ้น มือรั้งร่างบอบบางแทรกเข้ามาอยู่ระหว่างเข่าทั้งสองข้าง ทำเอาหญิงสาวตัวสั่นสะท้าน วงแขนแข็งแรงกอดกระชับร่างบอบบางอย่างหวงแหน…

นิยายรักประธานสัญญาทางรักเศรษฐีรักหวานๆ

1.พี่ชายคนใหม่

*** ทักทายคร้า วันนี้เปิดนิยายสั้นเรื่องใหม่ ฝากติดตามด้วยจ้า รักๆๆ...***

เด็กชายพิริยะ คุณานนท์ หลานชายหัวแก้วหัวแหวนวัยสิบสามขวบของเจ้าสัวอังกรูและคุณหญิงอังกาบนั่งอ่านหนังสืออยู่ริมสระน้ำ พอเห็นรถยนต์วิ่งผ่านประตูใหญ่เข้ามาก็ขยับตัว สายตาจ้องมองรถเก๋งสีดำที่วิ่งเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าใครมาหาคุณปู่กับคุณย่าตั้งแต่เช้า

นายแพทย์นภดล เตชธรรม หมอประจำตระกูลคุณานนท์เปิดประตูลงจากรถ โดยมีร่างของเรณรา ลูกสาววัยหกขวบกระโดดลงจากรถแล้วเดินมาจับมือใหญ่ของบิดาเดินเข้าไปข้างใน

พิริยะจ้องมองเด็กหญิงในชุดกระโปรงสีชมพู ดวงหน้าเรียวเล็กน่ารัก ผิวแก้มสีชมพูเนียนใสภายในกรอบผมม้า ริมฝีปากเล็กแดงยิ้มให้กับแม่นวลซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเขา

“สวัสดีค่ะคุณหมอ เชิญค่ะคุณท่านรออยู่ข้างใน” แม่นวลรับไหว้นายแพทย์หนุ่มแล้วก้มมองเด็กหญิงที่พนมมือไหว้เธออย่างนอบน้อม

“ซาหวัดดีค่ะป้านวล”

“สวัสดีค่ะคุณหนูเร วันนี้มาช่วยคุณพ่อตรวจคุณท่านเหรอคะ” แม่นวลเอ่ยถามน้ำเสียงนุ่มนวล เพราะเธอรู้ว่าเด็กหญิงตัวน้อยอยากเป็นคุณหมอตั้งแต่ยังเล็ก เพื่อตอบแทนบุญคุณของเจ้าสัวและคุณหญิงที่ดีกับครอบครัวมาโดยตลอด

“ค่า…” เสียงสดใสตอบพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง จากนั้นทั้งสามก็เดินเข้าไปในห้องโถง ชายหญิงวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานนั่งอยู่ในห้องโถง พอเห็นนายแพทย์นภดลและลูกสาวต่างก็ส่งยิ้มให้ด้วยแววตาอบอุ่น

“หนูเร” คุณหญิงอังกาบเรียกเจ้าของร่างน้อยที่ยิ้มหวานมาแต่ไกล ร่างเล็กย่อตัวลงเดินเข่าไปกราบที่ตักของคุณหญิง ท่ามกลางสายตาและรอยยิ้มของคนเป็นพ่อและเจ้าสัวอังกรู

“ซาหวัดดีค่ะคุณท่าน”

“ไหว้พระเถอะจ้ะ ลุกขึ้นมานั่งกับคุณท่านดีกว่ามา” มือบางยกขึ้นลูบศีรษะเล็กอย่างเอ็นดู ก่อนจะยกร่างน้อยขึ้นมานั่งบนตักและหอมแก้มสลับไปมา ถึงไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ แต่เธอก็เอ็นดูเรณราดุจหลานคนหนึ่ง

“วันนี้อยู่กินข้าวด้วยกันนะหมอ” เจ้าสัวถอดแว่นสายตาวางไว้บนโต๊ะแล้วหันมาคุยกับนภดล คุณหมอหนุ่มยิ้มและก้มศีรษะอย่างขอบคุณ

หลังจากพูดคุยกันแล้ว นายแพทย์นภดลก็ตรวจร่างกายให้เจ้าสัวและคุณหญิงอังกาบตามปกติ เสียงเจื้อยแจ้วของเรณรา ทำให้เด็กชายพิริยะที่เดินผ่านห้องโถงต้องหันไปมอง แต่พอจะเดินผ่านไปเสียงอบอุ่นของคนเป็นปู่ก็เรียกไว้เสียก่อน

“พิเข้ามาสิ”

พิริยะเดินเข้ามาในห้องโถงด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาคมชำเลืองมองหน้ากลมใสของเด็กหญิงที่อยู่ในอ้อมแขนของคุณย่า

“ตาพิมานั่งข้างๆ ย่ามาลูก” คุณหญิงยกมือโอบไหล่หลานชายกำพร้าที่เสียทั้งพ่อและแม่ไปด้วยอุบัติเหตุเมื่อหลายเดือนก่อน ทำให้พิริยะกลายเป็นเด็กไม่ร่าเริงและไม่ช่างพูดเหมือนเมื่อก่อน

“พิรู้จักคุณอาหมอนภดลสิ เขาเป็นเพื่อนกับพ่อของพิ” เจ้าสัวยิ้มให้หลานชายด้วยแววตาอ่อนโยน

พิริยะยกมือไหว้แล้วนั่งลงข้างคุณหญิงอังกาบ

“หนูเรไหว้พี่พิสิลูก” มือป้อมเล็กของเรณรายกมือขึ้นไหว้ พร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้พี่ชายคนใหม่ แต่พิริยะยังจ้องมองแก้มแดงใสด้วยสายตาเรียบเฉย

“ซาหวัดดีค่ะพี่พิ” เรณราเอ่ยทักทายเสียงใส

“คนเหรอ นึกว่าตุ๊กตาเสียอีก” พิริยะพูดออกมาเป็นครั้งแรก

คุณหญิงอังกาบสบตาสามีอย่างดีใจ เพราะตั้งแต่ไปรับหลานกลับมาอยู่เมืองไทย พิริยะไม่ค่อยพูดคุยกับใคร วันทั้งวันเก็บตัวเงียบหรือไม่ก็อ่านหนังสือ ทำให้เธอกับเจ้าสัวกังวลใจไม่น้อย

“หนูเรเป็นคนค่ะ” เสียงใสตอบกลับไป ผู้ใหญ่ต่างนั่งมองทั้งสองโต้ตอบกันด้วยสายตาเอ็นดู

“กินข้าวบ้างรึเปล่า ตัวเล็กยังกับลูกกรอก” เรณราหุบยิ้มหน้าตึง แต่พิริยะไม่สนใจ ก่อนทั้งสองจะถกเถียงกันต่อ เสียงของคุณหญิงอังกาบก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน

“เอาล่ะจ้ะ พิพาน้องไปเล่นก่อนนะลูก ได้เวลาอาหารเย็นย่าจะให้ป้านวลไปตาม”

“ไม่เอาครับย่า พิไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้หญิง” พิริยะพูดเสียงเข้ม แล้วเดินออกจากห้อง ร่างน้อยในชุดกระโปรงสีหวานวิ่งไปขวางไว้

“ขอหนูเรเล่นด้วยนะคะพี่พิ”

พิริยะทำหน้ารำคาญ ก่อนจะจูงมือเด็กหญิงเรณราเดินมาหยุดที่สนามหญ้าหน้าบ้าน พออยู่กันสองคนเด็กชายก็ปล่อยมือน้อยเป็นอิสระ

“นั่งที่นี่นะ ฉันจะไปเล่นที่อื่น” พิริยะเตรียมจะผละไป แต่มือเล็กและเสียงหวานใสของเด็กหญิงเรณราก็ดังขึ้น พร้อมเขย่าแขนพิริยะแรงๆ

“ไม่เอาค่ะ หนูเรไม่อยากเล่นคนเดียว พี่พิเล่นกับหนูเรนะคะ” พิริยะปรายตามองน้องสาวคนใหม่ เมื่อเห็นหน้าแดงๆ กับปากเล็กกำลังเบ้ พิริยะก็ส่ายหน้าไปมา

“ห้ามร้องนะ ฉันไม่ชอบผู้หญิงขี้แย” เสียงดุของพิริยะ ทำให้เรณรากลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้ ใบหน้าเล็กพยักหน้าขึ้นลง มือน้อยยกขึ้นปาดน้ำตาออกจากแก้ม

“หนูเรไม่ร้องแล้วค่ะ” เด็กหญิงยิ้มอย่างเอาใจ ทำให้อีกฝ่ายตีหน้ายุ่ง

“แล้วอยากเล่นอะไร”

“เล่นขายของนะคะพี่พิ” เด็กหญิงพูดอย่างกระตือรือร้น พอดีกับที่โชติและนพ เด็กกำพร้าที่เจ้าสัวและคุณหญิงอังกาบรับมาอุปการะเพื่อมาเป็นเพื่อนเล่นกับหลานชายเดินมาหา

“คุณพิ”

“พวกนายมาแล้ว” พิริยะหันไปมองลูกสมุนที่คอยเป็นเพื่อนเล่นด้วยตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่

“ผมกับนพมาชวนคุณพิไปเล่นฟุตบอลครับ”

พิริยะพยักหน้า พลางหันไปมองเด็กหญิงที่ยืนจ้องหน้าเขาอยู่อย่างรอคำตอบ

“ไปสิ” พิริยะปล่อยมือจากมือเล็กแล้วเดินไปสมทบกับเพื่อน โดยไม่สนใจร่างน้อยที่วิ่งตามมาเพื่อจะขอเล่นด้วยคน

“ให้หนูเรเล่นด้วยคนนะคะพี่พิ พี่โชติ พี่นพ”

“เล่นได้ยังไงล่ะ ฟุตบอลเขาให้ผู้ชายเล่น” พี่พิของหนูเรหันมาบอกร่างน้อยที่วิ่งตามมาไม่ยอมห่าง

“หนูเรนั่งเชียร์เฉยๆ ก็ได้ ให้หนูเรไปด้วยนะคะ” เด็กหญิงตัวน้อยเอ่ยขอพร้อมกับแจกยิ้มอย่างน่ารัก