บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 1…สาเหตุของที่ ‘แสง’ ต้องอยู่ใต้เงา [4/6]

เจ็ดโมงเช้าในวันถัดมา ไมล์ที่เริ่มรู้สึกตัว ดวงตาสีน้ำเงินเข้มยังคงสงบมองฝ้าเพดานอยู่นิ่งๆ ไมล์กำลังคิดอะไรหลายๆอย่างอยู่สักพัก เขาก็ตัดสินใจลุกจากที่นอนเดินเข้าห้องน้ำ เวลาที่ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง ไมล์ออกมาจากห้องน้ำใน ชุดนอนชุดเดิม แม้เขาจะทำภาระกิจตอนเช้าครบทุกอย่างแล้วก็ตาม แต่ในตู้เสื้อผ้าเขาก็ยังว่างเปล่า ไมล์จึงเดินออกไปที่ระเบียง รอเสื้อผ้าที่เรียบร้อยพร้อมใช้ถูกลำเลียงเข้ามาช่วงไหนสักช่วงในตอนสาย

ไมล์สูดอากาศเย็นสบายบริเวณระเบียงฝั่งสวน แม้ห้องเขาจะอยู่ชั้นสอง แต่เรื่องสวน ต้นไม้ คุณตาท่านไม่เคยปล่อยให้บ้านไร้ต้นไม้ มีทั้งต้นไม้ใหญ่และสนามหญ้าเขียวขจีทั่วทั้งพื้นดินในสวนกว้างด้านหลัง คุณตาปลูกต้นไม้ทั้งเล็กทั้งใหญ่หลากหลายพันธุ์ ดวงตาสีน้ำเงินเข้มทอดสายตาสอดส่งมองไปเรื่อยๆ

และทันใดนั้นเอง!! คิ้วหนาค่อยๆ มุ่นเข้าหากันมากขึ้น ดวงตาหรี่ลงเรื่อยๆ เมื่อพยายามโฟกัสบางอย่างในสวนตรงนั้น ไมล์หลับตาปี๋ไว้สักสิบวินาที และจึงตัดสินใจลืมตาขึ้นอีกครั้ง! ยังเหมือนเดิม ร่างหญิงสาวที่เดินๆหยุดๆ บริเวณต้นอะไรสักอย่างที่มีดอกสีขาวเล็กๆที่เขาไม่แน่ใจว่าใช่ ต้นมะลิ เหรอเปล่า

ไมล์ไม่ปล่อยให้ตัวเองเพ้อเจ้อ บ้าบอ เขาขยับและเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะทะลุกลางห้องไปสู่ประตูทางออก

อุย! เด็กในบ้านที่ถือเสื้อผ้าของเขาขึ้นมา เดินมาถึงประตูห้องที่เปิดออกมาพอดี ร้องตกใจเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้รับความสนใจจากเจ้าของห้องสักนิด เมื่อร่างสูงเดินลิ่วลงบันไดไปอย่างรวดเร็วด้วยสองขาที่มั่นคง จนกระทั่งมาถึงจุดที่เขาเห็น เห็นน้ำแข็งของเขา แต่ตอนนี้ไม่มีแล้ว สายตาหรี่ลงเพื่อโฟกัสและกวาดมองทั่วอาณาบริเวณอย่างตั้งใจ

ไมล์ย่อตัวลง มองความผิดปกติของกิ่งเล็กๆของต้นมะลิ มันยังใหม่ ร่องลอยที่ส่วนปลายหลายๆกิ่งถูกเด็ดดอกออกไป คิ้วเข้มสีน้ำตาลมุ่นเข้าหากันอย่างสงสัย แต่ไมล์ก็ไม่ได้เอ่ยถามใครในบ้านรวมถึงแม่ด้วย ‘คุณแม่ครับ ผมเห็นน้ำแข็งกำลังเก็บดอกมะลิในสวนของเราอยู่’ แบบนี้คงพูดออกไปไม่ได้แน่ๆ

“ไปไหนมาเหรอ” ศศิกานต์ถามเมื่อเห็นไมล์พึ่งเดินกลับเข้ามาในห้องนอนในชุดนอน

“ผมลงไปสูดอากาศที่สวนมานะครับ” ศศิกานต์แค่ยิ้ม และบอกให้ไมล์ไปแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่เธอกับน้ำแข็งไปเลือกซื้อมาบางส่วนเพียงเล็กน้อยเพื่อใช้งานก่อน เมื่อวานนี้

“ไมล์ไปแต่งตัว แม่อยากเห็นว่าไซด์เสื้อผ้าที่แม่เลือกมา มันโอเคมั้ย” ไมล์ยิ้มและหยิบชุดที่มารดาจัดเตรียมไว้ให้ถือเข้าห้องน้ำไป เวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาที ไมล์ออกมาจากห้องน้ำ ในชุดเสื้อโปโลสีน้ำเงินเข้มกับกางเกงสแล็กสีเทาอ่อน “พอดีมาก จะว่าไปลูกแม่ก็น่าจะทำให้สาวๆเหลียวมองได้กันทั่วหน้าเลยนะเนี่ย”

“คุณแม่ครับ ลงไปทานมื้อเช้าดีกว่าครับ ผมว่าผมหิวแล้ว หิวมากด้วยครับ” ศศิกานต์ยิ้มอย่างเข้าใจ ไมล์ไม่เปลี่ยนเลย เขาไม่ชินกับการถูกชื่นชมต่อหน้าในทุกๆเรื่อง

ศศิกานต์เดินเคียงข้างบุตรชายกันลงไปห้องอาหารข้างล่าง โดยที่ในใจอดเสียดายไม่ได้ที่วันนี้น้ำแข็งไม่ได้อยู่ทานมื้อเช้าด้วย เธอเอาขนมหยกมณีกับขนมโคมาให้ตั้งแต่เช้า และขอตัว บอกว่าจะต้องเอาขนมไปส่งอีกหลายที่ เอาเถอะพรุ่งนี้ก็ยังมี

ไมล์ทานข้าวต้มหมูสับอย่างถูกปากและถูกใจ กลิ่นกระเทียมเจียวหอมๆกับรสชาติกลมกล่อมที่เขาห่างหายไปนานกว่าสี่ปี “ฝีมือไม่ตกเลยนะครับ” ไมล์เอ่ยชมป้ามะลิที่เป็นแม่ครัวที่นี่นานกว่ายี่สิบปี

“ขอบคุณค่ะคุณไมล์ ต่อไปป้าจะทำให้ทานทุกวันเหมือนเมื่อก่อนเลยนะคะ” ป้ามะลิเอ่ยกับหลานชายประมุขของบ้าน ไมล์ไม่ใช่คนช่างพูด แต่เขาก็ไม่เคยที่จะละเลยทุกคนในบ้านซึ่งไมล์จะพูดคุยด้วยทุกครั้งที่มีโอกาส เมื่อก่อนเป็นยังไงตอนนี้ไมล์ก็ยังเป็นเหมือนเดิม

“นั่นอะไรเหรอครับ” ไมล์ที่ขยับให้ป้ามะลิยกชามข้าวต้มไป รวมของเอกพจน์และศศิกานต์ด้วย เมื่อทั้งสามทานเสร็จแล้ว

“ขนมหยกมณีกับขนมโค...ลองดูสิ กินกับกาแฟตอนเช้า ไม่เลวเลยนะ” เอกพจน์เอ่ยกับหลานชาย ทำให้ไมล์เงยหน้ามองคุณตาด้วยความรู้สึกที่แตกต่าง ปกติคุณตาไม่สนใจกับเรื่องเล็กๆมาก่อน แต่ทำไมน้ำเสียงยามเอ่ยถึงขนมตรงหน้าเขาถึงรู้สึกถึงความรักผสมความภูมิใจ ในแบบที่เขาไม่เข้าใจ แต่ไมล์ก็คือไมล์ เขาจะไม่สักถามเรื่องเล็กๆที่ไม่สำคัญ แต่ไมล์ก็ทำตามคำแนะนำของคุณตา และจริงอย่างที่ท่านบอก กาแฟดำร้อนๆกับขนมไทย ไม่เลวจริงๆ

“วันนี้ลูกมีโปรแกรมอะไรบ้าง”

“คุณแม่มีธุระอะไรที่ต้องไปทำเหรอเปล่าครับ”

“ไม่มีจ๊ะ”

“งั้นคุณแม่กับผมไปเปิดเบอร์ใหม่และซื้อโทรศัพท์กันนะครับ”

“จริงสินะ รายการของที่ลูกเอาติดตัวกลับมา ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์” ศศิกานต์เอ่ยอย่างเหลือเชื่อกับนิสัยแปลกๆของบุตรชายในเรื่องนี้ ไปอยู่ต่างประเทศนานสี่ปี กลับมาทั้งทีไม่มีอะไรเลยนอกจากความรู้และประสบการณ์ “งั้นเอาเป็นว่าวันนี้เราสองแม่ลูกไปช็อปปิ้งกัน เพราะเมื่อวานแม่ซื้อมาแค่เล็กน้อย ลูกต้องมีของใช้อีกมากมายเพราะของเก่าแทบใช้ไม่ได้เลย" ไมล์พยักหน้าอย่างเข้าใจ ก็ดีเหมือนกันจะได้ลุล่วงไปอย่างหนึ่ง

“แล้วรถ แกอยากได้แบบไหน” เอกพจน์ที่ฟังแม่ลูกคุยกัน เอ่ยขึ้นมา

“ผมจัดการแล้วครับ ตามกำหนดการณ์ ก็น่าจะวันมะรืนนี้ ก็น่าจะเรียบร้อยครับ”

“พ่อเจ้าซื้อให้เหรอ” เอกพจน์ถามออกไป เพราะความต้องการ เขาอยากจะซื้อรถให้หลานชายเอง

“ผมโตแล้วนะครับคุณตา” คำพูดแบบนั้น ก็แสดงว่าไมล์ซื้อเองสินะ เอกพจน์ก็ได้แต่พยักหน้า เพราะถ้ารถคันที่ไมล์สั่งมานั้นไม่เหมาะสม เขาคงต้องบังคับให้หลานชายเปลี่ยน เอกพจน์ได้แต่คิดในใจก่อน รอดูก่อนโดยที่เอกพจน์และศศิกานต์ไม่รู้เลยว่า ไมล์ที่ไปเรียนต่อที่อังกฤษนั้น เขาทำอะไรที่มากกว่าแค่เรียน และสิ่งที่ทำนอกเหนือจากเรียน ไมล์ประสบความสำเร็จอย่างมาก

“ไฮ” เสียงที่คุ้นเคยดังเข้ามา เมื่อนับแสนที่ทราบว่าลูกพี่ลูกน้องที่วิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เยาว์วัยกลับมาบ้านแล้ว ไมล์หันไปพร้อมรอยยิ้มเล็กน้อย สองหนุ่มเข้าโอบกอดกัน

“ผมกำลังจะไปหาพี่แสนและไปสวัสดีคุณลุงคุณป้าอยู่เหมือนกัน”

“คุณพ่อกับคุณแม่ไปฮ่องกง ยังไม่กลับมาเลย ดีใจที่นายกลับมาแล้ว” เอกพจน์และศศิกานต์ มองสองหนุ่มทักทายกันอย่างรักใคร่

“พี่แสนสบายดีนะครับ”

“หลังจากนี้พี่คงสบายมากขึ้นเยอะเลย เพราะมีนายเข้ามาช่วยงานและเอาที่เป็นของนายกลับไปดูแลเองได้แล้ว” นับแสนพูดออกมาจากใจจริง แม้กิจการที่ตัวเองทำอยู่ไม่ใช่ของเขาและพ่อ แต่คุณปู่เอกพจน์ก็ให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่มาโดยตลอด

“พี่แสน รุกหนักไปแล้วครับ” ไมล์กับนับแสน นั่งดื่มกาแฟและพูดคุยกันอยู่สักพัก ต่างก็กล่าวลาไปทำหน้าที่ของตนกัน นับแสนเข้าบริษัทเพื่อทำงาน แม้หลายปีมานี้ ทางบริษัทไม่ได้มีโปรเจตและผลงานใหม่ออกมา แต่ความมั่นคงและความหนาแน่นของลูกค้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งเอกพจน์ก็พึงพอ ณ ระดับหนึ่ง

“ไมล์ ลูกบอกแม่ได้มั้ย ว่ารถที่ลูกสั่งมา เป็นแบบไหน” ศศิกานต์เอ่ยถามลูกชายอย่างระมัดระวัง เพราะเธอรู้จักพ่อของตัวเองดี รวมถึงลูกชายด้วย

“ผมลืมไปแล้วครับ” ไมล์กล่าวยิ้มๆ แกล้งแหย่เล่นอย่างเข้าใจ คุณตาก็ยังเป็นคุณตาไม่เคยเปลี่ยน ไมล์กับคุณตาไม่ได้มีความสัมพันธ์แบบอบอุ่นนัก แต่ก็ไม่มีความขัดแย้งรุนแรงอะไร เพราะแม้เขาจะอยู่และเติบโตมาภายใต้การดูแลของคุณตาและคุณแม่ แต่ช่วงเวลาที่ไมล์จำได้คุณตาทำงานหนักมาตลอด ทำให้เวลาความอบอุ่นที่จะมีให้กันค่อนข้างน้อย แต่ไมล์รู้ดีว่าตัวเขานั้นอยู่ในสายตาของคุณตามาโดยตลอดเช่นกัน

ไมล์เดินออกมาสูดอากาศในยามเช้าเหมือนเมื่อวาน ในเช้าวันที่สาม แต่ไมล์ตื่นเร็วกว่าเมื่อวาน ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยน ไมล์ชื่นชอบการตื่นเช้ามาโดยตลอดอยู่แล้ว และเช้านี้ก็เป็นอีกวันที่ไมล์ต้องรอเสื้อผ้าเซตใหม่ที่เขากับคุณแม่ไปเลือกซื้อมา ไมล์ที่อาบน้ำชำระร่างกายแล้วแต่ยังคงสวมชุดนอนอยู่ และอีกครั้ง ดวงตาเข้มหรี่ลงอีกครั้ง ตำแหน่งใหม่แต่ยังเป็นในสวนหลังบ้านเหมือนเดิม

ตึก ตัก ตึก ตัก คราวนี้ไมล์ไม่รีรอ สองขาก้าวลงบันไดไปอย่างรวดเร็ว ครั้งนี้ไมล์ทำเวลาได้ดีกว่าเมื่อวาน และเมื่อมาใกล้ถึงจุดที่เขาเห็นน้ำแข็ง ดวงตาเข้มค่อยๆเบิกกว้างขึ้น น้ำแข็งในชุดนักศึกษา ไมล์ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ยังไม่ขยับเข้าไปใกล้หรือไปหาโดยทันที เพราะเขากลัวว่า ถ้าเขาเข้าไปใกล้มากกว่านี้ น้ำแข็งก็จะหายไปเหมือนอย่างที่ต้องเกิดขึ้น ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง แต่เขาไม่ได้ฝัน เขาตื่นแล้ว แม้ยังสวมสลิปเปอร์อยู่ก็ตาม

น้ำแข็งที่รับรู้ถึงพลังงานบางอย่าง เธอค่อยๆหันกลับมา โดยที่ในมือถือต้นใบเตยที่ตัดไว้แล้วอยู่หนึ่งกำมือ สายตาสองคู่สบประสานกัน ในระยะที่ห่างกันเกือบสิบเมตร น้ำแข็งรู้โดยทันทีว่าคนตรงหน้าคือ ไมล์ ศตวรรษ อัครกำธร แล้วเขาเล่ารู้มั้ยว่าเธอคือน้ำแข็ง กรกต ทีภาคสุวรรณ ไม่ใช่ น้ำแข็ง ปติมา สินทรัพย์นคร

น้ำแข็งรู้สึกถึงกระแสบางอย่างจากสายตาคู่นั้น เธอเริ่มอึดอัด แน่นอนว่าเธอไม่อาจตีความหมายแววตาคู่นั้นได้เลย แต่ทันทีที่ไมล์ค่อยๆเยื้องย่างเข้ามาใกล้ น้ำแข็งก็เริ่มค่อยๆถอยห่าง ซึ่งเธอเองก็ไม่เข้าใจว่าจะหวาดหวั่นอะไร

ไมล์หยุดการย่างก้าว เมื่อน้ำแข็งที่อยู่ตรงหน้ารักษาระยะห่าง เหมือนกับที่เขาคากการณ์ไว้ เพราะในฝันของใครต่อใครก็ต้องเป็นแบบนี้ ถ้าคนที่เราต้องการเข้าใกล้และไคว่คว้าก็จะค่อยๆห่างออกไป คว้าเท่าไหร่ก็ไม่อาจจับได้สักที

“น้ำแข็ง” เสียงที่แผ่วเบา แต่น้ำแข็งก็ได้ยิน เขาไม่ได้เรียกเธอ เธอรู้ดี น้ำแข็งจึงอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก และเมื่ออยู่ตรงนี้รันแต่จะทำให้เข้าใจผิดกันมากขึ้น น้ำแข็งจึงตัดสินใจ หันหลังให้ไมล์และออกวิ่งทันที

ตึก ตัก ตึก ตัก เสียงฝีเท้าที่ไม่อาจไปได้ไกลมากนัก เมื่อเธอสวมกระโปรงนักศึกษา แม้รองเท้าจะเป็นผ้าใบก็ใช่ว่าเธอจะวิ่งได้เร็วกว่าคนที่ขยับตามเธอมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“อุ้ย!” น้ำแข็งร้องออกมา เมื่อเอวบางถูกคว้าไว้จากด้านหลัง แม้เธอจะสวมรองเท้าผ้าใบ แต่แรงจากคนที่คว้าเธอไว้ก็ทำให้เธอเสียหลักและมือที่ไม่ว่างทั้งสอง แต่ข้างหนึ่งของเธอเป็นมีดขนาดเล็ก น้ำแข็งไม่ได้ตั้งใจ เมื่อมันบาดเข้าที่หลังมือของไมล์ในทันทีเช่นกัน

“โอ้ย!” ไมล์ร้องออกมาเบาๆ เมื่อหลังมือเขามีเลือดค่อยๆซึมออกมา

น้ำแข็งตกใจมากขึ้น เธอรีบปล่อยมีดในมือและใบเตยล่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว ใบหน้าและสายตาก้มมองบาดแผลนั้นทันที แต่ไมล์ไม่สนใจอาการบาดเจ็บเพียงน้อยนิดนั้น เมื่อคนในอ้อมแขนของเขา น้ำแข็งอบอุ่น จับต้องได้ และเธอก็กำลังตัวสั่น

ไมล์กระชับอ้อมแขน แนบเรือนกายเขาและเธอแนบแน่นมากขึ้นทันทีน้ำแข็งกลับเข้าสู่ภาวะทึ่มทื่ออีกครั้งทันที ก็เคยซะที่ไหนที่ถูกกอดแบบนี้จากเพศตรงข้าม น้ำแข็งทำอะไรไม่ถูก เมื่อลมหายร้อนใจถี่เร็ว หัวใจที่เต้นแรงเร็ว และความสั่นเทาของคนด้านหลังนั่นอีกละ

เวลาผ่านไปหลายนาที น้ำแข็งไม่กล้าแม้แต่ขยับ ขยับยังมากไป เธอไม่กล้าที่จะหายใจแรงด้วยซ้ำ และไหนเลือดที่เประเลอะเสื้อนักศึกษาของเธออีกละ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel