ตอนที่ 10
ท่อนแขนแกร่งถูกจับ เธอรั้งเขาให้หันมาเผชิญหน้า บรรยากาศแบบนี้ไม่ต้องการ มันอึดอัด ให้ความรู้สึกเหมือนตัวเธอเป็นแค่ผู้หญิงที่ต้องการจับผู้ชายเท่านั้น
“มีอะไรเหรอ?”เขาหันมาถามสีหน้าเย็นชา แววตาหมางเมิน
“พี่ไม่ต้องการหมั้นกับเรนใช่ไหม”ดวงตาร้อนผ่าวขึ้นมา ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วย
เขาชะงักขบกรามแน่นดวงตาคู่นั้นที่มองมา เกลียด... ทำไมเธอจะต้องแสดงสีหน้าเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นด้วย อย่ามาร้องไห้ต่อหน้า อย่า... มองเขาด้วยสายตาแบบนั้น อย่าทำให้เขาทรมานมากไปกว่านี้อีกเลย
“ปล่อย!”เผลอตวาดสะบัดแขนอย่างไม่รู้ตัว เรนิกาสะดุ้งมองเขาด้วยความตกใจ
ทิวากรหน้าถอดสีเมื่อได้สติตนเองนั้นทำอะไรลงไป มือข้างหนึ่งยกเท้าเอวอีกข้างกุมขมับไว้แน่น หันเหลือบมองผู้หญิงอีกคนเห็นน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ดวงตาเรียวคมเบิกกว้างด้วยความตกใจ มือข้างกุมขมับเอื้อมหมายจับแต่กลับชะงักค้างไว้อย่างนั้น
“เรนทำอะไรผิด เรนอยากจะรู้ ทำไมพี่ทิวาต้องทำกับเรนแบบนี้ด้วยคะ!”น้ำเสียงตัดพ้อพรั่งพรูออกมา “เรนก็แค่... ชอบพี่มากเท่านั้นเอง เรนชอบพี่ทิวาได้ยินไหมคะ!”หันหลังวิ่งออกมาทันที สายตาเธอพร่ามัวไปหมดมองไม่เห็นทาง ไม่เอาอีกแล้ว ไม่รู้จะทำยังไงให้พี่ทิวายอมเปิดใจ
“เรนเดี๋ยว อย่าทำแบบนี้มันอันตราย!”ชายหนุ่มร้องเรียกวิ่งตาม เมื่อเห็นว่าร่างบางไม่มีทีท่าว่าจะหยุดวิ่งหรือระแวดระวังอันตรายจากรถรารอบตัวเลย
หูอื้อไปหมด น้ำตาบ้าบอก็ไม่หยุดไหล เรนิกา... เธออ่อนแอขนาดนี้เลยหรือไง ผู้ชายเขาไม่ได้ชอบพอต้องทำเหมือนตัวเองอกหักเป็นบ้าเป็นหลังไปได้ ทำไมถึงได้เป็นแบบนี้ นึกตำหนิตัวเองจริงๆ ที่ปล่อยใจง่ายดาย
เอี๊ยด!
รถวิ่งสวนมาเบรกกะทันหัน
หมับ!
เอวบางถูกรวบแล้วกระชากเข้ามาหาตนเองทิวากรโอบกอดเธอไว้แน่นด้วยความตกใจ รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายใจเต้นโครมครามสีหน้าตระหนก ลมหายใจยังหนักหน่วงเพราะเพิ่งผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาหมาดๆ
“พวกคุณทำอะไรกัน ไม่เห็นหรือไงว่ารถวิ่งอยู่ ทำไมวิ่งออกมาไม่ดูบ้าง คนอื่นเขาเดือดร้อนไม่รู้หรือไง!”คนขับรถเปิดประตูลงมาต่อว่า แล้วเคลื่อนรถออกไป
เรนิกาสะอื้นกับแผงอกจนเสื้อเชิ้ตสีดำเปียกชุ่ม มือหนาลูบเรือนผมนุ่มสลวยพลางถอนใจหนักออกมา เขาจะบ้าตายเพราะผู้หญิงที่ชื่อเรนิกาอยู่แล้ว
“พี่ขอโทษนะเรน พี่ไม่ได้ตั้งใจ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก”เขาพยายามหาข้อแก้ตัว ที่เหมือนว่าจะดูฟังขึ้น
เธอเงยหน้าสบตาเขาเมื่อรู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพไม่สมควร จึงดันกายออกห่างยกมือปาดน้ำตาออก หลุบตามองต่ำด้วยความอาย นี่เธอ... ทำอะไรลงไป
“เรนต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ทิวา เรนแค่น้อยใจที่พี่ทิวาทำเหมือนไม่อยากหมั้นกับเรน”บอกความรู้สึกออกไป จริงๆ อยากให้เขาได้รับรู้ ว่าเธอคิดยังไงกันแน่ ก็เขาตั้งท่าเหมือนไม่อยากหมั้นกับเธอจริงๆ
“เราไปเลือกแหวนกันใหม่อีกรอบเถอะ”ทิวากรเอ่ยชวน เห็นแววตาทอประกายของอีกฝ่ายส่งมา มือทั้งสองจับกันไว้แล้วพาเดินเข้าร้านด้วยกัน
ดวงตาทอประกายรอยยิ้มฉาบทั่วใบหน้า ทิวากรชะงักเมินหนีจากภาพตรงหน้า หัวใจของเขาสั่นไหวเพราะอะไร ทั้งสองจัดการเลือกแหวนหมั้นใหม่อีกครั้ง เรนิกาหยุดยืนอยู่ข้างรถขณะรอเขาเดินมาส่งในตัวบ้าน พาวินีชะเง้อมองเห็นบุตรสาวรีบเดินมาทักทาย ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ พาวินีรีบรับไว้ว่าที่คู่หมั้นบุตรสาวทันที
“สวัสดีจ้ะทิวา ขอบใจมากนะที่พายัยเรนมาส่ง”
“ยินดีครับ”
เขาหันมองว่าที่คู่หมั้นอีกครั้ง แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
“เรน... พี่ขอตัวกลับก่อนนะ”
“ค่ะ”
ชายหนุ่มหันหลังเดินตรงไปที่รถ เรนิกามองตามแผ่นหลังนั้นจนชายหนุ่มนั่งรถขับเคลื่อนออกนอกรั้วบ้าน เธอระบายยิ้มออกมา พาวินีรีบโอบไหล่บุตรสาวพาเข้าด้านใน
“เป็นยังไงวันนี้อารมณ์ดีเลยนะลูกสาวแม่”โดนแซวแบบนี้ ใบหน้าเรียวเลยแดงซ่าน
แม่ลูกนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน “พี่ทิวาเขายอมรับเรนแล้วค่ะแม่”
“หมายความว่าไงเหรอลูก”
“ตอนแรกพี่ทิวาทำเหมือนไม่อยากหมั้น แต่เรนบอกว่าชอบเขาพี่ทิวาก็เลยชวนเรนไปเลือกแหวน”ออกอาการขัดเขินเล็กน้อย คนเป็นแม่เลยลูบศีรษะบุตรสาวในใจนึกห่วง
“เรน... ลูกแน่ใจแล้วเหรอว่าจะหมั้นกับทิวาจริงๆ”ถามย้ำอีกครั้ง
“แน่ใจค่ะแม่ เรนชอบพี่ทิวาจริงๆ”
“จ้ะ งั้นไปนอนเถอะลูก”
เรนิกาสาวเท้าขึ้นชั้นสอง รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปหวังว่าเธอกับพี่ทิวาจะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน จะพยายามชนะใจเขาให้ได้
