บทที่๑๐ เดินทางถึงแคว้นใหญ่
ในกรงเหล็กบนต้นไม้ที่อยู่เหนือหัวทั้งคู่เป็นชายไร้วิญญาณสองคนกำลังเน่าเปื่อยอยู่ใต้แสงแดดร้อน แอรีสอยู่ข้างใต้เพื่อมองดูพวกเขา
“โจร นักโทษข่มขืน ฆาตกร หรือชาวบ้าน เจ้าคิดว่าพวกเขาคือใครหรือ” แอรีสหันหน้าไปถามเพอร์สัน
“ข้าคิดว่าน่าจะเป็นอย่างแรก” เพอร์สันตอบ
“โจรงั้นรึ” แอรีสถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไร”
“ในหุบเขานี้มีข่าวลือเรื่องกลุ่มโจร ข้าคิดว่านี้คือพวกเขา” เพอร์สันตอบ
“นี่อาจจะเป็นผู้คนที่ถูกพวกโจรขังไว้ก็ได้” แอรีสแสดงความคิดเห็น พลางใช้มืดไล่แมลงวันและแมลงหวี่บางส่วนซึ่งบินมาตอมหน้าตอมตา มันมีอยู่เป็นร้อย ๆ กำลังไต่อยู่บนตัวคนตาย แต่ก็ยังมีมากกว่านั้นอีกที่บินเอื่อย ๆ อยู่ในอากาศร้อนไร้ลม
“ไม่มีทางที่กลุ่มโจรจะนำคนใส่กรงมาขู่ผู้คนให้กลัวและไหวตัวทันตั้งแต่ทางเข้าหุบเขาหรอก น่าจะเป็นกลุ่มโจรในหุบเขานี้แหละที่ถูกจับขังให้ทรมานแบบนี้” เพอร์สันตอบ พลางใช้มือไล่เหล่าแมลงเช่นกัน เพื่อความมั่นใจเขาจึงปล่อยคลื่นเสียงอุลตราโซนิกเพื่อตรวจดูรอบ ๆ บริเวณหุบเขา ปรากฏว่าไม่พบกลุ่มโจรที่เข่าล่ำลือกันเลย ทำให้เขามั่นใจได้ว่าศพพวกนี้คือพวกไหน
“แปลว่ามีกลุ่มคนมาจัดการและลงทัณฑ์พวกมัน” แอรีสกล่าว “ข้าว่าน่าจะเป็นบรรดาลอร์ด ๆ ในบริเวณนี้สั่งคนมาจัดการพวกมัน”
“ก็คงจะเป็นอย่างนั้น” เพอร์สันกล่าว พลางแหงนมองกรงเหล็กเหนือหัว กรงนั้นเล็กและแคบมันไม่ใหญ่พอที่ให้คน ๆ หนึ่งใส่เข้าไป แต่นี่กับมีสองคนถูกยัดอยู่ข้างใน พวกเขาหันหน้าหากัน แขนขาพันกัน และหลังพิงกับกงเหล็กสีสนิมร้อน ๆ จากแสงแดด ทั้งคู่พยายามจะกินกันเองโดยมีชายคนหนึ่งก้มหัวลงกัดที่คออีกฝ่าย แต่สุดท้ายเหมือนจะจบลงที่มีฝูงกาเข้ามารุมจิกพวกเขาจนตาย
แคว้นลูเซียนโน่เป็นแคว้นใหญ่ของอาณาจักรวิซลาร์ส ที่นี่เป็นศูนย์รวมของการปกครอง การเมือง เศรษฐกิจ แหล่งรวมศิลปะวิทยา และสถาบันศึกษา กษัตริย์ที่ปกครองอาณาจักรวิซลาร์สมีพระนามว่า แอนโทนี่ อินช์ฟิลด์ ราชวงศ์กษัตริย์ผู้ปกครองอาณาจักรวิซลาร์สมาช้านาน สัญลักษณ์ประจำราชวงศ์คือยูนิคอร์นที่แสดงถึงความบริสุทธิ์และสง่างาม
ผ่านไปสัปดาห์กว่า ๆ ในที่สุดทั้งคู่ก็เดินมาถึงเมืองหลวงลาซวาร์ของแคว้นลูเซียนโน่ในเวลาบ่ายแก่ ๆ ชายหนุ่มสองคนกำลังเหยาะม้าสีดำสง่าสองตัวมุ่งหน้าไปที่สถาบันศึกษาโดมินิกที่จะเปิดเทอมในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นสถานศึกษาเดียวและแห่งแรกสำหรับผู้ใช้พลังจิตวิญญาณโดยเฉพาะ แบ่งบ้านพักได้สี่บ้าน บ้านพักคาร์ดอส บ้านพักแกริค บ้านพักเอ็ดการ์ด และบ้านพักไดนาดิน เพอร์สันนั้นอยู่บ้านพักไดนาดิน ส่วนแอรีสอยู่บ้านพักแกริค ชุดนักศึกษาในบ้านพักแต่ละหลังมีสัญลักษณ์แตกต่างกัน บ้านพักคาร์ดอสสัญลักษณ์คือดาบ บ้านพักแกริคริคสัญลักษณ์คือชุดเกราะ บ้านพักเอ็ดการ์ดสัญลักษณ์คือหอกยาว และบ้านพักไดนาดินสัญลักษณ์คือหมวกเหล็ก
“แล้วเจอกันนะเพอร์สัน” แอรีสกล่าว หลังจากที่เข้ามาในสถาบันศึกษาโดมินิก เพอร์สันพยักหน้ารับก่อนที่ทั้งสองจะแยกทางกันตรงทางแยกในสถาบัน
เพอร์สันควบม้ามุ่งหน้าไปที่บ้านพักไดนาดินอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงหน้าบ้านพักหลังใหญ่ที่ปูด้วยอิฐอย่างดี ริมระเบียงชั้นสามด้านหน้าตรงทางเข้ามีชายสองคนหันมาทางเพอร์สัน
“เฮ้เพอร์สัน! เจ้ามาแล้วรึ” ชายผมสีดำเอ่ยขึ้น เขามีนามว่า อูซี่ เขาเป็นลูกของพ่อค้าใหญ่ของแคว้นไรการ์ เขามีนิสัยที่เรียบง่ายและเป็นคนที่ไม่ชอบดูถูกคนอื่น ถือว่าเป็นสหายร่วมห้องที่ดีสำหรับเพอร์สัน
“เจ้ามาเป็นคนที่ห้าของบ้าน ดูเหมือนว่าเลขนี่จะดีกว่าเลขในการเรียนที่อยู่อันดับท้าย ๆ ในห้องนะ” ชายร่างใหญ่หัวล้านเอ่ยขึ้น เขามีนามว่า ร๊อบ เป็นบุตรชายของตระกูลอัศวิน เขามีร่างกายที่ใหญ่โตแข็งแรง มีจิตใจที่ดี บางครั้งเขาก็มักจะพูดก่อนคิดเสมอ และค่อนข้างเป็นคนที่หัวทึบ “เอ่อ…….ข้าไม่ได้ตั้งใจจะว่าเจ้านะ” เขาหน้าซีดและตีโพยตีพาย
“เฮ้อออ เจ้านี่พูดไม่คิดจริง ๆ” อูซี่ว่า พลางเอามือกุมขมับ
“ข้าขอตัวก่อน” เพอร์สันกล่าว พลางลงมาจากหลังม้า และจูงม้าไปไว้ที่คอกม้าใกล้ ๆ บ้านพักก่อนที่จะเดินขึ้นบันไดไปที่ห้องของตัวเองที่อยู่ชั้นสอง เขาหยิบกุญแจห้องจากกระเป๋าพาดเอวมาเปิด หลังจากที่เขาเข้ามาในห้องสิ่งแรกที่เขาทำก็คือการทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ หลังจากที่ต้องทนนอนบนพื้นหญ้าไม่ก็โขดหินแข็ง ๆ มากกว่าสัปดาห์
รุ่งเช้าของวันถัดมาเพอร์สันตื่นขึ้นมาล้างหน้าก่อนที่จะเดินลงมาจากชั้นบนของหอพัก เขาเดินลงบันไดมาเรื่อย ๆ ก่อนได้ยินสียงพูดคุยดังมาจากห้องโถงกว้างของหอพัก
“นั้นไงอันดับท้ายตลอดกาลของชั้นเรียนมาแล้ว” ชายผมบลอนด์ดูสง่ากล่าวขึ้นบนเก้าอี้ไม้เนื้อดีในห้องโถง เขามีนามว่า โลเวล เป็นบุตรชายของ ลอร์ดฮาเกน พลัมพ์ เป็นตระกูลร่วมสาบานของตระกูลเล็ฟฟอร์ดที่ปกครองแคว้นซาร์โลน เขาถูกฝึกในด้านศาสตราวุธมาตั้งแต่เยาว์วัย มันทำให้เขามีฝีมือในการต่อสู้ทีโดเด่นมากในชั้นเรียน และอยู่ในอันดับต้น ๆ ของชั้น เขาเป็นคนที่หยิ่งยโสจองหอง และมักดูถูกเพอร์สันเสมอ ๆ
“นี่แกกล้าเดินหนีท่านโลเวลงั้นรึ!!” ชายร่างหนาตัวเตี้ยพูดขึ้นเสียง เมื่อเห็นว่าเพอร์สันเดินผ่านพวกเขาไปโดยไม่สนใจ เขามีนามว่า จอร์น เป็นบุตรของอัศวินและเป็นลูกสมุนของโลเวล จอร์นรีบเดินไปคว้าเสื้อเพอร์สันที่กำลังเปิดประตูบ้านพักออกไป “หยุดเดี๋ยวนี้”
เพอร์สันยื่นแขนไปจับมือของจอร์นที่ดึงแขนเสื้อเขาอยู่ เขาบีบมือหนา ๆ ป้อม ๆ อย่างแรงจนทำให้จอร์นถึงกับร้องโหยหวนออกมา “ถ้าไม่อยากตายก็อย่ามายุ่งกับข้า” เพอร์สันขู่ด้วยเสียงที่ชวนขนลุก เขาปล่อยไอสังหารออกมาชั่วครู่ ทำให้พวกของโลเวลสี่ห้าคนถึงกับหวาดผวา เขาสะบัดมือจอร์นออกและใช้เท้าถีบจนมันกลิ้งหัวขมำ
“นี่เจ้าบังอาจนักนะ” โลเวลตะโกนขึ้น เมื่อเขาเห็นเพอร์สันต่อต้านเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน แต่เพอร์สันก็ไม่กล่าวอะไรอีกเขาเปิดประตูบ้านพักออกไปโดยไม่สนใจในสิ่งที่โลเวลพูด โลเวลพยายามที่จะเดินตามไปแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกังวานเอ่ยขึ้น
“เจ้ากำลังทำอะไรโลเวล” ชายร่างหนาเจ้าของนัยน์ตาสีอัมพันกล่าวขึ้น เมื่อเดินผ่านมาเห็นเหตุการณ์เมื่อครู่บนระเบียงข้างบนของห้องโถง เขามีนามว่า ไบรอันต์ เป็นบุตรคนโตของตระกูลเล็ฟฟอร์ด เขากำลังขึ้นชั้นเรียนที่สี่และเป็นหัวหน้าของบ้านพักไดนาดิน “ห้ามก่อเรื่องในบ้านพักให้ข้าเห็นอีกเป็นอันขาด” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอันทรงพลัง
“ขออภัย” โลเวลกล่าว พลางกัดฟันแน่นที่ถูกห้ามไว้ เขานั้นว่าจะสั่งสอนเพอร์สันให้รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัวสักหน่อยถ้าไม่ถูกห้ามไว้
เพอร์สันเดินออกไปที่ตลาดประจำเมืองหลวงทางทิศใต้ของสถาบัน บรรยากาศในเวลาเช้ากำลังคึกคักไปด้วยผู้คนมากมาย ร้านค้าต่างเริ่มทยอยเปิดร้านต้อนรับลูกค้าจากต่างเมือง เขาเดินเข้าไปในบาร์แห่งหนึ่งในเมือง และเดินไปนั่งโต๊ะริมหน้าต่างก่อนที่จะมีพนักงานเดินเข้ามาบริการ
“รับอะไรดีคะ” พนักงานสาวถามอย่างนุ่มนวล
“ข้าต้องการเนื้อย่าง มีเนื้ออย่างไหม” เพอร์สันถาม พลางเอามือลูบคาง
“มีคะ” นางตอบ “ท่านต้องการอะไรอีกหรือไม่ เบียร์หรือเหล้าไหม”
“ขอเบียร์สักเหยือกแล้วกัน” เพอร์สันบอก หลังจากที่เขาทานอิ่ม และจ่ายเงินเรียบร้อยเขาก็มุ่งหน้าไปที่ร้านอาวุธทันที
ณ ซ่องโสเภณีแห่งหนึ่งในย่านบัมร์ของเมืองหลวง ที่นี่เต็มไปด้วยสาวงามมากมายและอาชีพโสเภณีนั้นถือว่าไม่ได้ต่ำต่อย มีชายหนุ่มผู้หนึ่งร่างสูงใหญ่กำลังเดินฮัมเพลงเบา ๆ เข้าไปในซ่อง
“ยินต้อนรับท่านลูกค้าต้องการสาว ๆ แบบในหรือขอรับ” ชายวัยกลางคนเจ้าของซ่องเอ่ยต้อนรับลูกค้า
“ข้าชอบสาวผมสีน้ำตาลส้ม ท่านมีหรือไม่” แอรีสถาม
“มีซิขอรับ รอสักประเดี๋ยว” เจ้าของซ่องกวักเรียกพนังงานหนุ่มคนหนึ่งให้มาหา เขากระซิบพนักงานเบา ๆ ก่อนที่พนักงานจะเดินหายออกไปในห้องโถง ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมสาว ๆ อีกสามคน
“ท่านเชิญเลือกตามสบาย” เจ้าของซ่องกล่าว
แอรีสยืนมองสาวงาม เรือนผมสีส้มแซมน้ำตาลทั้งสามคน คนแรกจากทางขวามือ นางมีผมสีส้มเข้มมากกว่าอีกสองคนและนางดูเหมือนจะสูงที่สุด เขาเลื่อนสายตามาที่คนที่สองนางหุ่นสวยกว่าเพื่อนและมีผิวสีน้ำผึ้ง เขาจ้องอยู่นานก่อนจะเลื่อนสายตามาคนสุดท้ายนางมีผิวพรรณขาวเนียนและเปล่งปลั่งกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของสาวแรกรุ่นกำลังแตกหน่อแต่นางดูเด็กไปสำหรับแบบที่เขาชอบ
“ข้าชอบคนกลาง” แอรีสกล่าวด้วยน้ำเสียงพอใจ
“ท่านต้องการนั่งดื่มกับนางก่อนหรือไปที่ห้องเลย” เจ้าของซ่องถาม
“ข้าขาดสาวงามมาหลายสัปดาห์ ตอนนี้ข้าคงต้องการที่จะไปที่ห้องเลย” แอรีสกล่าว ก่อนที่เจ้าของซ่องจะให้กุญแจห้องหมายเลขยี่สิบกับเขา แอรีสเดินดิ่งไปที่ห้องโดยมีสาวงามเดินควงแขนเขาไป “เจ้ามีนามว่าอะไรรึแม่เสือสาว” แอรีสถาม
“เลล่าเจ้าค่ะ” เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้างามพูดเสียงหวาน
“เจ้าส่งสายตายั่วยวนข้าจริง ๆ นะ” แอรีสกล่าวพลางหัวเราะออกมา ก่อนที่เขาจะได้ยินคนรู้จักสองคนกำลังนั่งในโต๊ะรับแขกพลางคุยกันอย่างออกรส และมีสาวงามโสเภณีอีกสี่คนกำลังปรนนิบัติพวกเขาอย่างดี “เลล่าเจ้าไปรอข้าที่ห้องนะ” เขากล่าวและยื่นกุญแจใส่มือเรียวบาง และแอบอยู่เสาไม้ใหญ่ ๆ เพื่อฟังพวกเขาพูด
“น้องชาย เจ้ามาถึงสถาบันเมื่อวานซินะ” ชายผมสีน้ำตาลเข้มเอ่ยถาม เขามีนามว่า อีคอน เป็นบุตรคนลองของตระกูลเล็ฟฟอร์ด เขาอยู่ชั้นเรียนที่สาม และอยู่บ้านพักเอ็ดการ์ด
“ก็ดีอยู่หรอกท่านอีคอน จนกระทั้งเมื่อเช้าข้าเจอไอ้เศษเดนมันกล้าต่อต้านข้า ถ้าท่านไบรอันต์ไม่มาห้ามซะก่อน ข้าคงจะทำการสั่งสอนมันไปแล้ว” โลเวลกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก่อนกระดกเหล้าเข้าปากอึกใหญ่
“เจ้าเพอร์สันงั้นรึ ถือว่ามันโชคดีนะที่ท่านพี่ช่วยห้ามไว้” อีคอนพูดก่อนจะดึงเจ้าของเรือนร่างงามคนหนึ่งลงมานั่งตัก และทำการซุกไซร้ไปที่ต้นคอหอม ๆ
“มาถึงไม่กี่วัน ก็เริ่มสร้างเรื่องน่าสนุกขึ้นแล้ว” แอรีสกล่าวในลำคอ ก่อนที่จะรีบเดินจ้ำอ้าวไปหาเลล่าที่ห้อง
