ตอนที่ 6
“สัญญามาก่อนว่าหลังจากคืนนี้แล้ว พี่ชายฉันจะปลอดภัย”
“ในเมื่อเธอกล้าเอาตัวเองเข้าแลกกับพี่ชาย ฉันก็กล้าให้ตามที่เธอขอ อย่ามัวมาเล่นตัวเลย เธอเป็นคนเสนอมันให้ฉันเองนะ นึกถึงชีวิตพี่ชายเธอไว้สิ...อ้อแล้วก็อย่าลืมนะว่าสำหรับฉัน ความเวอร์จิ้นอย่างเดียวมันไม่พอ มันต้องเร้าใจด้วย ถอดเสื้อออกเร็ว” คำสั่งสุดท้ายแม้จะไม่ดุดันแต่ก็ทำให้หญิงสาวรู้ว่าถ้าเธอไม่ทำจะต้องเดือดร้อนแน่ ดังนั้นสองแขนที่กอดอกตัวเองจึงค่อยๆ คลายและแข็งใจใช้มืออันสั่นเทาปลดกระดุมเสื้อชุดนอนของตัวเองอย่างช้าๆ
ฟานนิสมองชุดนอนที่ค่อยๆ เลื่อนหลุดล่วงลงจากร่างแบบบางนั้นด้วยจังหวะหัวใจที่เต้นรัวเร็วจนน่ากลัวว่าจะช็อกยามเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลนั้นได้เห็นซึ่งผิวขาวนวลเนียนละเอียดลออกับส่วนเว้าส่วนโค้งที่ทำเอามาเฟียหนุ่มถึงกับลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ยิ่งแลเห็นโนมเนื้อเคร่งครัดใต้เสื้อในลูกไม้สีครีมชวนสัมผัสก็ยิ่งทำให้ความต้องการจากจิตใต้สำนึกลุกโชนราวกับเปลวเพลิงที่จ้องจะลามเลียทุกสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
...ใครจะคิดล่ะว่าเธอจะซ่อนรูปได้ขนาดนี้ ดูภายนอกเหมือนตัวเล็กผอมแห้งแรงน้อย แต่ที่ไหนได้...ฟานนิสคิดพร้อมกับพาตัวเองเดินตรงไปยังร่างเล็กซึ่งกำลังก้าวถอยห่างจากเขาทุกทีราวกับต้องมนต์...เขาตัดสินใจไม่ผิดจริงๆ ที่ยอมรับข้อเสนอของเธอ แม้ว่าตอนแรกตั้งใจจะปฏิเสธ แต่ก็ต้องขอบคุณแพทริกที่ทำให้เขายอมรับข้อเสนอของเธอ และรู้ว่า เขาตัดสินใจถูกต้องในเมื่อเนื้อลออตาเย้ายวนชวนลิ้มลองอยู่ตรงหน้ากระตุ้นความปรารถนาในกายให้ลุกโชน...
ทว่ายิ่งฟานนิสเข้าใกล้ วิลันดาก็ยิ่งก้าวถอยหลังอย่างหวั่นเกรงจนแผ่นหลังถอยไปชิดกับผนังห้องหมดทางหนี และวินาทีนั้นเองที่ฟานนิสเข้ามาถึงตัว แขนแข็งแกร่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามโอบรอบเอวคอดของคนที่ยืนตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าให้เข้ามาประชิดกับแผงอกกว้างเปลือยเปล่า ดวงหน้าคมคายยื่นเข้าไปใกล้หมายจะช่วงชิมสัมผัสกลิ่นหอมจากแก้มเนียนทว่าวิลันดาก็เบี่ยงหลบ พร้อมกับยกมือดันเขาออกห่าง
“อย่าเลยดาด้า ยังไงเธอก็หนีไม่พ้นเงื้อมมือฉันหรอก” เสียงห้าวกระซิบพร่าข้างหูบ่งบอกถึงอารมณ์ของคนพูดได้เป็นอย่างดี
“แต่ฉันยัง...” วิลันดาเงยหน้าขึ้นหมายจะประวิงเวลา แต่คนที่กอดเธอไว้อย่างแนบแน่นกลับไม่คิดจะฟังหรือสนทนากับเธอต่อ เมื่อริมฝีปากหยักลึกเข้าช่วงชิมกลีบปากเรียวอิ่มนั้นอย่างหนักหน่วงจนเธอตั้งตัวแทบไม่ทัน ร่างเล็กที่สั่นด้วยความกลัวอยู่แล้วคราวนี้ถึงกับสั่นเป็นเจ้าเข้าเมื่อฝ่ามือข้างหนึ่งของเขาลูบไล้ไปมาตามเอวคอดกิ่วของเธอ แม้กระทั่งว่าเธอจะเม้มปากสนิท เขาก็ยังมีวิธีเปิดปากเธอให้รับรสจูบของเขาจนได้
“มาทำหน้าที่ตามที่เราตกลงกันให้เสร็จเถอะดาด้า” ฟานนิสกระซิบเสียงแหบพร่าด้วยแรงอารมณ์ สายตาคมกริบสีฟ้านั้นจับจ้องที่ใบหน้าเนียนแดงเรื่อซึ่งปะปนไปด้วยความอายและความโกรธ ก่อนจะจัดการอุ้มวิลันดามาวางบนเตียงนุ่มพร้อมกับก้มลงใช้แขนล็อกตัวเธอไว้เมื่อหญิงสาวทำท่าจะลุกหนี
“อย่าขัดขืนดาด้า ฉันทำตามสัญญาแล้วว่าจะไว้ชีวิตพี่ชายเธอ อย่าทำให้ฉันต้องเปลี่ยนใจ” พูดจบก็ก้มลงสูดกลิ่นหอมละมุนจากลำคอระหงนั้นอย่างหื่นกระหาย คราวนี้วิลันดาไม่ดิ้นอีกแล้ว คำพูดของเขาทำให้เธอรู้ว่าขัดขืนไปก็เปล่าประโยชน์ สู้ปล่อยให้เขาทำๆ ไปให้เสร็จๆ เรื่องมันจะได้จบๆ เสียจะดีกว่า
วิลันดาคิดแล้วก็หลับตานิ่งยอมรับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น ไม่คิดเลยว่าความสูญเสียครั้งใหญ่ของเธอจะมาเกิดจากน้ำมือของผู้ชายที่ตามล่าเพื่อหมายแก้แค้นเอาชีวิตพี่ชายเธอ
ฟานนิสกระตุกยิ้มมุมปากเมื่อเงยหน้าจากซอกคอหอมกรุ่นมองใบหน้าเรียวหวานที่หลับตาตัวแข็งทื่อนิ่งสนิทราวกับอิฐกับปูน...ไม่เป็นไรหรอกเขามีวิธีทำให้อิฐปูนหลอมละลายกลายเป็นขี้ผึ้งถูกไฟลน
ว่าแล้วมือหนาก็จัดการปลดปราการที่ปกปิดทรวงเคร่งครัดเต็มตึงนั้นให้เป็นอิสระ รับรู้ถึงอาการสะดุ้งไหวของคนตัวเล็กเมื่อฝ่ามือของเขาปัดผ่านไปมากับทรวงอวบนั้น... ฟานนิสไม่เพียงแค่ใช้มือเท่านั้น แต่เขายังก้มลงใช้ริมฝีปากหยักร้อนนั้นหยอกล้อกับยอดทรวงและดูดดื่มมันอย่างช้าๆ ลิ้นร้ายโลมเลียหมายให้ร่างบางสะท้านไหวอย่างรู้จุดอ่อนของผู้หญิงดี และมันก็ได้ผลเมื่อได้ยินเสียงครางเบาหวิวเล็ดลอดมาจากปากอิ่ม
วิลันดารู้สึกร่างกายตัวเองร้อนรุ่มราวกับอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงร้อนระอุ บางครั้งเหมือนมีไอเย็นจากน้ำมาดับร้อนแต่บางครั้งก็รู้สึกตัวเองกำลังตกลงไปในเหวลึก สองมือบางปัดป่ายไปทั่วเพื่อหาที่ยึดเหนี่ยวยามเมื่อความซ่านรัญจวนเข้าครอบงำ แต่ไม่ว่าจะไปทิศทางใด หญิงสาวก็ตระหนักได้ว่าหลักยึดที่ดีที่สุดคือแผ่นหลังแกร่งร้อนชื้นเหงื่อของคนที่ทาบทับร่างเธออยู่ และวินาทีนี้เองที่ฟานนิสรับรู้ว่าเธอพร้อมสำหรับเขาแล้ว
ฟานนิสรอเวลาเพื่อให้ความพร้อมของเธอสมบูรณ์มากพอที่เขาจะพาเธอโลดโผนไปตามใจปรารถนา เพราะเพียงแค่ดูอาการที่สั่นสะท้านไหวไปทั้งตัวยามถูกเขาสัมผัสก็รู้แล้วว่าหญิงสาวยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง และเขาก็ไม่อยากให้เธอมีความทรงจำที่เลวร้ายเจ็บปวดกับ ‘ครั้งแรก’ ที่มีเขาเป็นผู้นำพา แต่การปลอบประโลมด้วยริมฝีปากที่พรมไปทั่วเรือนร่างขาวผ่องมันก็ไม่ได้ช่วยลดความเจ็บปวดที่เหมือนว่าร่างจะฉีกขาดของวิลันดาไปได้เลยแม้แต่น้อย ยามเมื่อเขาพาร่างกายแกร่งร้อนแนบสนิทกับความอ่อนนุ่มในร่างกายเธอจนร้องเสียงหลงพร้อมกับกำปั้นน้อยที่ทุบตีเพื่อให้เขาออกห่าง
“ฉันเจ็บ...คุณฟานนิส ปล่อยฉัน ฉันขอร้อง...”
“อยู่นิ่งๆ ดาด้า ฉันจะพาเธอผ่านมันไปเอง” ฟานนิสตอบกลับเสียงพร่าพร้อมกับจูบซับหยาดเหงื่อบนหน้าผากมนและปลอบประโลมด้วยการจูบไล้ไปทั่วทรวงสะท้อนก่อนจะค่อยๆ ขับเคลื่อนร่างกายอย่างช้าๆ และเร่งจังหวะเร็วขึ้นเมื่อเห็นว่าเธอปรับตัวได้แล้ว จากนั้นจึงตระกองกอดร่างงามโบยบินจนกระทั่งไปสู่จุดหมายปลายทาง ณ ปลายขอบฟ้า
