แรงยั่วผัวคนที่ 8

71.0K · จบแล้ว
ณัชชาพัชร์
57
บท
18.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

แดนดิน ประวัติความเป็นมาไม่ชัดเจน รู้แค่ว่าเขาเป็นลูกครึ่ง ครึ่งชาติไหนไม่รู้แต่ที่รู้คือ เขาเป็น ‘ครึ่งคนครึ่งเสือ’ เสือร้ายขยี้รักที่จะทำให้สาวๆ ตกเป็นทาสแห่งมนตร์กฤษณามืดดำมินตรา หญิงสาวที่มาพร้อมกับความเหลือเชื่อ เธอเชื่อคำทำนายทายทักแต่เธอไม่เชื่อว่าเธอจะรักเขาได้ ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้ว และเขาคือบุรุษต้องห้าม******************************************‘ไม่ไหว ลูกจะต้านทานไม่ไหวแล้ว’ความลับของเธอใกล้จะเปิดเผยออกมาแล้ว แดนดินจะเป็นจะผู้ชายคนแรกที่ล่วงรู้ความลับนั้นหรือเปล่า“อย่าค่ะ ได้โปรด...” หญิงสาวสะบัดศีรษะไปมาตามอารมณ์ปรารถนาร้อนแรงที่จู่โจมโหมเข้ามาอย่างหนัก“คุณดินคะ ยะ... หยุด เถอะค่ะ”‘ผมจะหยุดได้ยังไงมินตรา ในเมื่อ...’“อ๊ะ...” มือเล็กขยำเนื้อไหล่ของเขาอย่างลืมตัว

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันประธานแต่งงานสายฟ้าแลบนางเอกเก่งเศรษฐีโรแมนติก

Ep.1

เอี๊ยด!

กึก

มินตราหัวแทบคะมำ เมื่อรถสองแถวสีเหลืองที่เธอนั่งมา ขับมาจอดกึกอยู่เกือบท้ายซอยของหมู่บ้านในคุ้มเวียงผาง ผู้โดยสารบนรถเหลือเธอเพียงคนเดียว เธอเดินทางมาที่นี่เพื่อมาพบกับใครคนหนึ่งตามคำทำนาย

ปกติเธอไม่คิดจะให้ใครมาดูดวงให้กับเธอเลย แต่หมอดูท่านหนึ่งที่เดินสวนกับเธอ เข้ามาทักเธอและทำนายทายทักราวกับตาเห็น

ไม่เชื่อ ก็ต้องเชื่อ เมื่อหมอดูท่านนั้นทักทายกับเธอด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจรัง แฝงไปด้วยพลังเร้นลับบางอย่างทางแววตา ทำให้เธอต้องหยุด แล้วหันไปมองหน้าหญิงชราท่านนั้น

“เมื่อคืนฝันร้ายอีกแล้วใช่ไหม”

“คุณยายรู้ได้ยังไงคะ?!”

“ก็ขอบตาหนูคล้ำมาก แล้วดวงหน้าก็เศร้าหมอง เหมือนคนที่แบกความทุกข์ไว้ในใจ”

“คุณยาย!”

“หนูฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งที่นุ่งโจงกระเบนสีแดงมาหาบ่อยๆใช่ไหม”

“คุณยายรู้ได้ยังไงคะ?!!!”

“หากอยากจะหลุดจากฝันร้าย ให้ทำตามที่ยายบอกอย่างเร่งด่วน หนูเหลือเวลาอีกไม่มากที่จะแก้กรรมกับผู้หญิงคนนั้นที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรของหนู เพราะผู้หญิงคนนั้นเหลือเวลาอยู่ในโลกใบนี้อีกไม่นานนัก จงเปิดใจแล้วฟังที่ยายกำลังจะเล่าให้ฟังดังต่อไปนี้ แล้วก็ทำตาม”

หญิงสาวนึกถึงคำของแม่หมอแล้วก็ถอนหายใจหนักๆออกมา ก่อนจะเดินลงมาจากรถแล้วเปิดซิบกระเป๋าหยิบเอาแบงค์ร้อยมาจ่ายค่าโดยสารให้คนขับรถ พร้อมกับถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ ว่าเธอมาถูกที่แล้วใช่ไหม

“พี่พาหนูมาส่งถูกบ้านแล้วใช่ไหมคะ”

“ถูกบ้านแล้วครับน้อง ที่นี่แหละคือคุ้มเวียงผาง และบ้านหลังนั้นก็เป็นบ้านหลังเดียวที่มีต้นหวายพุ่มใหญ่ๆอยู่หน้าบ้าน เป็นต้นหวายที่มีอายุยาวนานมากเลยนะน้อง พี่เห็นมันมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้จนพี่มีลูกสองคนแล้ว ต้นหวายต้นนี้ก็ยังอยู่”

มินตรามองตามสายตาของโชเฟอร์หนุ่ม สังเกตดูต้นหวายยักษ์ต้นนั้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะเพิ่งเคยเห็นต้นหวายของจริงเป็นครั้งแรกในชีวิต ตอนนี้มันกำลังออกผลเต็มต้นดกมาก และต้นหวายก็พุ่มใหญ่มาก และสูงมากจริงๆ มันบังบ้านหลังเล็กๆที่อยู่ด้านหลังเสียมิด

ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าของบ้านอยู่หรือเปล่า

“โอเคจ้ะพี่ เดี๋ยวหนูเข้าไปหาคุณยายเจ้าของบ้านก่อนจ้ะ”

แล้วรถสองแถวสีเหลืองก็เคลื่อนตัวออกไป มินตราจึงมองไปทางต้นหวาย มองหาทางเดินเข้าบ้าน ก็เห็นเพียงทางเดินลาดชันเป็นตลิ่งลงไป มีสะพานข้ามลำห้วยเล็กๆ ที่ทำด้วยไม้ไผ่สี่ห้าลำที่วางพาดจากฝั่งหนึ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ดูแล้วน่าหวาดเสียว กลัวว่าจะเดินข้ามผ่านไปไม่ได้ เพราะกลัวจะพลัดตกลงลำห้วยไปเสียก่อน

“ที่จับก็ไม่มี แล้วจะเดินข้ามไปได้ไหมเนี่ย”

คนตัวเล็กๆ รูปร่างบอบบางในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวลายดอกแขนยาวพับศอกกับกางเกงยีนสีซีด ค่อยๆหยั่งเท้าข้างหนึ่งลงไปเหยียบสะพานไม้ไผ่ มันก็ไหวโตงเตงไปมาเมื่อน้ำหนักของเธอกดลงไปเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น

‘โอย แล้วถ้าก้าวลงไปทั้งตัวมันจะไม่หักเหรอเนี่ย’

หญิงสาวมองซ้ายมองขวา หวังจะหาคนช่วยแต่ก็ไม่เจอ บ้านหลังอื่นๆก็อยู่ห่างออกไปหลายสิบเมตร แถมบริเวณรอบๆก็ไม่เห็นจะมีอะไรที่จะเป็นตัวช่วยเธอได้เลย

มินตรายืนนิ่งมองสะพานไม้ไผ่อยู่นานสองนานจนได้ยินเสียงฟ้าร้องครืนๆมาแต่ไกล แล้วแถวนี้ก็เงียบเชียบวังเวงพิกล การเดินเข้าไปหาคนที่อยู่ในบ้าน น่าจะปลอดภัยกว่ามายืนเป็นจุดเด่น แล้วให้ฝนเทลงมาใส่ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้

เธอก็คาดว่าฝนมันจะตกลงเร็วๆนี้แหละ เพราะสายลมเย็นเริ่มพัดโชยมาแล้ว และเห็นฟ้าแลบแปลบๆอยู่ไกลๆ แม้ว่าบนศีรษะของเธอจะไม่มีเค้าฝนเลยก็ตาม จะมีก็แค่ก้อนเมฆสีขาวที่กำลังเคลื่อนคล้อยลอยเข้ามาช้าๆเท่านั้น แดดก็ยังเห็นอยู่รำไร

“เอาวะ”

แค่ไม่กี่เมตรเอง

เท้าเล็กในรองเท้าผ้าใบสีขาวแต่ตอนนี้กลายเป็นสีหม่นไปแล้ว เนื่องจากหนทางที่ผ่านมามีแต่ฝุ่นควัน เพราะถนนหลายสายยังไม่ได้ลาดยางมะตอย

เธอค่อยๆก้าวเท้าลงไปยังสะพานไม้ที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก แต่เมื่อคิดว่ามันน่าจะเป็นสะพานที่คนใช้เดินข้ามผ่านไปมาทุกวัน มันก็น่าจะรองรับน้ำหนักของเธอที่ไม่ได้หนักมากได้อยู่หรอก

เพียงหนึ่งก้าวที่เหยียบลงไป กิ่งไผ่ก็ไหวยวบลง เมื่อเท้าอีกข้างก้าวลงไปต่อ สะพานไม้ยิ่งยุบลงไปใหญ่แล้วไหวโตงเตงไปมาพร้อมกับร่างเล็กที่ยังทรงตัวไม่ได้

“อร้าย ฮือ พ่อจ๋าแม่จ๋าให้มิ้นก้าวข้ามผ่านไปให้ได้นะ”

อี๊ดแอดๆ...

“ว้าย!”

ตุ้ม!

เจ้าของร่างเล็กตกลงไปในน้ำจนได้ พร้อมกับกระเป๋าเดินทางของเธอก็ตกลงไปด้วย มันจมไปทั้งใบ เห็นแต่ที่จับผลุบๆโผล่ลอยไปตามลำน้ำที่เริ่มไหลเชี่ยว แล้วลอยลับตาไปในที่สุด