สบตา ครั้งที่ 5: ความเข้าใจผิดอันใหญ่หลวง [2/2]
“ถึงว่าทำไมมาวินทำตัวน่ารักกับพี่จัง”
ไม่ใช่เลย! ไม่ใช่กู ไอ้คนข้างหลังมึงต่างหาก!
ผมหันไปส่งสายตาขุ่นแค้นให้คชาอย่างรวดเร็ว แต่มันเสมองไปทางอื่น ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นเป็นที่เรียบร้อยไปแล้ว
หน็อย! อย่าให้กูเอาคืนบ้างก็แล้วกัน!
ดีที่พี่ชิณณ์ไม่พูดอะไรให้ผมรู้สึกประดักประเดิดไปมากกว่านี้ ทำเพียงเอ่ยลาแล้วคชาก็เสนอหน้าขับรถไปส่งที่หอเขาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่สักเท่าไหร่ ปล่อยให้ผมถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย
ทำไมกูต้องมาถูกเข้าใจผิดว่าเป็นเกย์เพราะท่านฮิคารุของมึงด้วยวะไอ้คชา!
หลังจากที่คชาจัดการส่งพี่ชิณณ์กลับหอเป็นที่เรียบร้อย มันก็กลับมาบ่นผมเรื่องแผนไปกินข้าวเย็นสองต่อสองกับพี่ชิณณ์พังพินาศ แน่นอนว่ามันไม่เข้าหูผมเลยสักนิด ผมไม่มีอารมณ์จะมาสนใจเรื่องที่มันพูดด้วยนอกจากทำท่าซังกะตายใส่มันเพราะถูกเข้าใจผิดครั้งใหญ่
คชาก็เหมือนจะรู้นะว่าผมรู้สึกยังไง มันเลยลากผมไปเลี้ยงข้าวเป็นการปลอบใจ แต่มันไม่ขอโทษหรอกแล้วก็ไม่ยอมรับด้วยว่าเป็นความผิดมัน ผมก็ไม่ได้จะเรียกร้องอะไร แค่เซ็งนิดหน่อยที่ถูกเข้าใจผิดทั้งที่ไม่ใช่เรื่องจริงน่ะ แล้วผมก็ไม่เห็นประโยชน์ในการแก้ตัวด้วย ดูท่าทางพี่ชิณณ์น่าจะเชื่ออย่างนั้นไปแล้ว และก็คงช็อกพอสมควร
ถ้าไม่ช็อกจะรีบอัปเปหิตัวเองออกจากห้องไปเหรอทั้งที่ก่อนหน้าดึงดันจะช่วยผมจะเป็นจะตายน่ะ!
ผมแทบไม่รับรู้รสชาติอาหารที่ตักเข้าปากเลยแม้แต่น้อย กินได้ไม่กี่คำก็ต้องเลื่อนจานออกห่าง นั่งเท้าคางทำหน้าเครียดอย่างไม่รู้ตัวจนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามต้องออกปากบ่น
“ก็แค่พี่ชิณณ์คิดว่ามึงเป็นเกย์ มึงจะเครียดไปทำไมวะ”
ตอนนี้มันกลับมาพูดไม่เพราะกับผมอีกละ
แล้วก็เออ มันก็ไม่น่าเครียดหรอกถ้าพี่ชิณณ์ไม่คิดว่ากูเป็นเกย์อย่างเดียว นี่คิดว่าเป็นเกย์ไม่พอ ยังจะคิดว่ากูคลั่งเขาอีก ซึ่งกูไม่ใช่เว้ย เป็นมึงต่างหาก!
ผมได้แต่เหลือบมองหน้าคชาตาขวางที่มันพูดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก่อนจะถอนหายใจออกมาเต็มแรงอย่างเหนื่อยหน่ายโดยไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
เวรจริงๆ แล้วจากนี้ผมจะเข้าหน้าพี่ชิณณ์ได้ยังไง ต้องเจอหน้ากันตลอดเทอม ขอเปลี่ยนคู่ทำเปเปอร์ตอนนี้จะทันไหมนะ
“เอาน่าไอ้เอ๋อ ยังดีกว่าพี่ชิณณ์เข้าใจว่ากูเป็นเกย์นะเว้ย”
ไอ้คชายังพูดจ้อไม่หยุด คล้ายพยายามจะปลอบผมนะ แต่ไม่ใช่เลย ผมนี่อยากจะคว้าเอาขวดน้ำฟาดหน้ามันให้หุบปากชะมัด
เข้าใจว่ากูเป็นเกย์มันดีกว่าเข้าใจว่ามึงเป็นเกย์ตรงไหน มึงน่ะไม่ต้องเข้าใจผิดแล้ว มึงมันเป็นเกย์เลย ชัดเจน!
แต่รู้สึกว่าเถียงไปแล้วผมน่าจะเหนื่อยกว่าที่เป็นอยู่จึงได้แต่ทอดถอนหายใจ ปล่อยตัวให้ไหลไปบนโต๊ะราวกับว่าโลกนี้สิ้นหวังแล้ว ทำเอาคชาชำเลืองมองผมอย่างหมั่นไส้
“แค่ถูกพี่ชิณณ์เข้าใจว่าเป็นเกย์ทำเป็นจะเป็นจะตายไปได้”
“ไม่ตายหรอก ดีซะอีก พี่ชิณณ์จะได้ตีตัวออกห่างจากเรา เราจะได้วางตัวง่ายๆ”
ผมคิดในอีกแง่เพราะพี่ชิณณ์ดูจะเจ๊าะแจ๊ะกับผมเหลือเกิน ที่สำคัญ ผมไม่อยากเห็นร่างกายเปลือยเปล่าของพี่ชิณณ์อีกต่อไปแล้ว แต่ทว่าคำว่า ‘ตีตัวออกห่าง’ ทำเอาคชาหันขวับมา ส่งเสียงดังทันควัน
“เฮ้ย ไม่ได้นะเว้ย มึงต้องสนิทชิดเชื้อกับพี่ชิณณ์ไว้สิวะ”
เอ้า อะไรของมึง เมื่อกี้ยังบอกว่าไม่เป็นไรอยู่หมาดๆ
“แต่เราไม่อยากสบตาแล้วเห็นเจี๊ยวพี่ชิณณ์อีกแล้วอะ” ผมโอดครวญ ไม่อยากเห็นจริงๆ อย่างที่ปากว่า
และคำพูดนั้นก็ทำให้คชาต้องมองผมด้วยสายตาประหลาด ทำท่าเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนนิ่งไปครู่แล้วย่นคิ้ว
“ไอ้เรื่องพลังวิเศษอะไรของมึงเนี่ย เห็นพูดหลายรอบละ มึงพูดจริงเหรอวะ”
ผมพยักหน้ารับช้าๆ ถอนหายใจออกมาอีก
“เออสิ เจอหน้าพี่ชิณณ์ทีไร สบตาปุ๊บก็เห็นจู๋ทุกที เบื่อจะตายอยู่แล้ว”
พูดไปตามความรู้สึกจริงๆ แต่ลืมไปนิดว่าคชามันชอบพี่ชิณณ์อยู่ พอมันได้ยินว่าผมเห็นของสงวนของพี่ชิณณ์ มันก็ปั้นหน้าดุใส่ผมเป็นที่เรียบร้อย ทำเอาผมรีบแก้ตัวแทบไม่ทัน
“แต่เราไม่ได้อยากมองนะ มันจังหวะจริงๆ หนีไม่ได้ด้วย ต้องไม่เจอหน้ากันอย่างน้อยชั่วโมงนึงอะถึงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม”
อันนี้เป็นข้อสังเกตอาการประหลาดของผมเอง แต่คล้ายว่ามันจะไม่เข้าหูคชาเลยแม้แต่น้อยเพราะมันเอาแต่จ้องผมเขม็ง ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เรียกชื่อผมด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำอีก
“มาวิน”
“วะ...ว่าไง” วินาทีนี้คิดว่าเดี๋ยวจะต้องโดนมันต่อยแน่ๆ เลยรีบผุดขึ้นนั่งตัวตรงเพื่อตั้งหลัก
หากแต่ผิดคาดเพราะมันทำแค่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้เท่านั้น
“เห็นจริงๆ เหรอวะ”
“เห็นอะไร”
“ก็...ของพี่ชิณณ์น่ะ”
ผมมองมันอย่างชั่งใจเล็กน้อยพลันพยักหน้า
“แน่ใจนะ”
ผมพยักหน้าไปอีก
“งั้นกูมีอะไรจะถาม”
“ว่า?”
“พี่ชิณณ์...” เอ่ยชื่ออีกฝ่ายแล้วกระซิบถาม “เอียงซ้ายหรือเอียงขวาวะ”
ถามอะไรของมึงเนี่ย!
ผมถึงกับเบิกตาโต
“ถามจริงดิ”
คชาคล้ายว่าจะรู้สึกตัวในตอนนี้ว่าถามอะไรออกไป รีบผละออกจากผม แสร้งหัวเราะกลบเกลื่อน
“โอ๊ย กูก็พูดเล่นไป เห็นมึงจริงจังว่ามีพลังวิเศษอะไรนั่นจริงก็เลยลองถามดู มันดูน่าเหลือเชื่อเกินไป”
ก็มีจริงๆ นี่หว่า ไม่เชื่อก็เรื่องของมึง
พอเห็นผมเงียบไปอีก ไม่ตอบสนองต่อคำพูดมัน มันก็กระซิบถามอีกครั้ง
“แล้วตกลงพี่ชิณณ์เอียงข้างไหนวะ”
มึงนี่ก็จะรู้ให้ได้จริงๆ เลยใช่ไหม!
“เอียงซ้าย!” ผมตอบส่งๆ ไปเพื่อตัดปัญหา
คชาผละออกมานั่งนิ่ง ก้มหน้า ส่งสายตาจับจ้องไปที่เป้ากางเกงของตัวเองก่อนยิ้มกริ่ม
“ข้างเดียวกัน”
มึงจะดีใจเรื่องเอียงข้างเดียวกันทำไมเนี่ย!
ผมมองคชาด้วยสายตารังเกียจอย่างไม่รู้ตัวทันที แต่คชาไม่สนผมแล้ว มันชะโงกหน้าเข้ามาอีก ถามในสิ่งที่อยากรู้
“แล้วของพี่ชิณณ์...บิ๊กไบท์หรือฟุตลอง”
กูจะไปรู้ไหม ไม่ได้สังเกตขนาดนั้น!
“เลิกถามเรื่องนี้เถอะ เราไม่อยากคิดถึงมันแล้ว ถ้าอยากรู้ก็ไปถามพี่ชิณณ์เองเลยไป” ผมว่าด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
คชาถอยกลับไปยืดตัวตรง พึมพำเบาๆ “ถ้ากูถามเองได้ก็ไม่มาถามมึงหรอก ขืนถามไป พี่ชิณณ์ก็เข้าใจว่ากูเป็นเกย์พอดี”
ก็มึงเป็นเกย์ไงไอ้คชา! มึงจะมาปฏิเสธอะไรอีก!
“เข้าใจว่าเป็นเกย์ก็ถูกแล้ว นายเป็นจริงๆ นี่
คชาย่นคิ้วทันควัน “ก็ไม่ได้เป็น
“ถ้านายไม่ได้เป็นเกย์ นายจะสนใจอะไรพี่ชิณณ์หนักหนา” ผมสวนคืน
คชาเองก็ยอกย้อนอย่างรวดเร็วเช่นกัน “ไม่ได้เป็นเกย์เว้ย กูไม่ได้ชอบผู้ชาย แต่กับพี่ชิณณ์มันพิเศษเข้าใจไหม”
มึงคิดว่าตัวเองเป็นพระเอกนิยายวายหรือไงวะที่เอาแต่ปฏิเสธตัวเองว่าไม่ได้เป็นเกย์ แต่รู้สึกพิเศษกับผู้ชายแค่คนเดียวเนี่ย
ผมฟังแล้วก็อดเบ้ปากไม่ได้ คชาก็ดูท่าทางจะไม่สนผมแล้วเพราะมันถามผม
“แล้วนี่อิ่มแล้วใช่ไหม จะได้เรียกเก็บเงิน”
พอผมพยักหน้ามันก็เรียกพนักงานมาคิดเงิน ปล่อยให้ผมนั่งทอดถอนหายใจต่อไปด้วยคิดไม่ตกว่าเจอหน้าพี่ชิณณ์คราวหน้าจะวางตัวยังไง
ไอ้คชา...มึงนะมึง ไม่เป็นนกต่อให้มึงแล้ว กูจะเก็บพี่ชิณณ์ไว้เองให้รู้แล้วรู้รอดเลยคอยดู!
