บท
ตั้งค่า

สบตา ครั้งที่ 2: คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่ไหม! [2/2]

“เอ้า ขอโทษที งั้นแยกกันเลยก็แล้วกัน พี่มีงานต้องไปทำต่อ ไว้เจอกันนะ”

พี่ชิณณ์ปล่อยมือออก ยกมือขึ้นสูงในอากาศเป็นเชิงว่าลืมตัวเลยจับไว้ซะนาน ยิ้มให้ผมเล็กน้อย ก่อนจะหมุนตัวไปเก็บข้าวของลงกระเป๋าสะพายข้าง แล้วเป็นฝ่ายเดินออกจากห้องไปก่อนผมซะอย่างนั้น ผมมองตามแล้วถอนหายใจ

ช่วงนี้ถอนหายใจบ่อยเหลือเกิน เจอคนแปลกๆ ก็บ่อย ไอ้บ้าคชานั่นก็คนนึงแล้ว ยังจะมาเจอพี่ชิณณ์อะไรนี่อีก นี่เรียนวิชานี้มาเกือบจะครึ่งเทอมละ เพิ่งจะเคยเห็นหน้าครั้งแรก ก็อย่างที่อาจารย์บอกว่าเขาเพิ่งมาเรียนครั้งนี้เป็นครั้งแรก แต่ทำไมมันต้องมาแจ็กพ็อตลงที่ผมพอดีด้วยล่ะ

คิดไป ยังไม่ทันจะได้คำตอบ ร่างสูงที่เดินออกจากห้องไปแล้วก็เดินถอยหลังกลับมาร้องเรียกผมอีกครั้ง ให้ผมหันไปสบตา

สบตารอบแรกไม่เห็นส่วนล่างเพราะผมไม่ได้มอง แต่มารอบนี้ไม่ทันได้ตั้งตัวไง โอ้โห! ก้นขาวโบ๊ะ ข้างหน้าก็วับๆ แวมๆ ห้อยต่องแต่ง ตาแทบบอดเลยพับผ่า!

“ไว้พรุ่งนี้พี่จะโทรหาตอนเที่ยงนะ ไปกินข้าวด้วยกัน จะได้คุยเรื่องงานกันด้วย จะได้ทำแต่เนิ่นๆ ”

แล้วเขาก็ยกมือขึ้นเป็นสัญลักษณ์โอเค ตกลงปลงใจเองทั้งที่ผมยังไม่ได้เอ่ยปากอะไรสักนิด ก่อนจะหายตัวไปจากหน้าประตูอีกครั้ง

เป็นคนแปลกๆ จริงๆ ด้วย แต่ท่าทางจะไม่ใช่พวกโรคจิต ถ้าเป็นพวกโรคจิต ต้องสบตาแล้วไม่เห็นป๋องแป๋งเหมือนไอ้คชา แต่อย่าเลย แค่คชาคนเดียว ผมก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้วล่ะ

ว่าไอ้คชาว่าเป็นโรคจิต คิดไปคิดมา ผมก็ไม่ต่างกัน พอวันใหม่มาถึง ผมไม่มีเรียนเช้า ทว่าคชามี ผมก็ไปโผล่หน้าที่คลาสเรียนของมันอีกละ ทำเอาคชาที่เห็นหน้าผมกลอกตาเป็นเลขแปดไทยรัวๆ ดูเหมือนมันจะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดด้วยที่วันนี้แก๊งเพื่อนของมันพร้อมใจกันโดดเรียน ผมเลยมีโอกาสตามติดมันอีกครั้ง ตามติดยันตอนพักเที่ยง มันไปกินข้าวที่โรงอาหารใกล้กับตึกเรียนรวม ผมก็ตามมันไป ทำเอามันแหวผมเสียงลั่นโรงอาหารไปสี่ซ้าห้ารอบ

“มึงจะตามกูทำไมหนักหนาเนี่ย ชาติก่อนเป็นเห็บหรือไง บอกแล้วว่ากูไม่ได้เป็นเกย์!”

กูก็ไม่ได้เป็น มึงอย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจกูผิดสิวะ!

ตะเบ็งเสียงอย่างนั้น คนอื่นก็มองกันอย่างพร้อมเพรียง แล้วผมสนไหมล่ะ... ไม่ ไม่ใช่ไม่สนนะ ไม่มองรอบข้างเลยต่างหาก ก้มหน้างุดๆ อย่างรวดเร็ว

ก็ใครมันจะไปกล้ามองรอบข้าง ตกเป็นเป้าสายตาขนาดนี้น่ะ

พอสถานการณ์กลับมาเป็นปกติเล็กน้อย ผมก็เปิดปากพูดบ้าง

“แต่นายชอบฮิคารุอะไรนั่นก็แสดงว่านายเป็นแล้ว”

“ไม่ได้เป็น แต่เว้นที่ไว้ให้ท่านฮิคารุคนนึง ถ้าเจอหน้าสักครั้งจะยอมพลีกายให้เลย”

พูดไปก็ตักข้าวเข้าปากไปด้วยท่าทางสบายๆ ส่วนผมก็เบ้ปากอีกระลอก

มึงจะเว้นไว้ทำเพื่ออะไร ชอบผู้ชายด้วยกันถึงขั้นพลีกายขนาดนี้ จะคนเดียวหรือหลายคน ก็หมายความว่ามึงเป็นเกย์แล้ว!

ผมไม่พูดอะไร ขี้เกียจต่อล้อต่อเถียง แค่นี้ก็เปลืองน้ำลายไปกับการตื๊อให้มันมาเป็นรูมเมตด้วยจนหมดแรง หิวจนไส้กิ่วแล้วด้วย ดูท่ามันก็คงจะหมดแรงจากการออกปากไล่ผมตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอหน้าเหมือนกัน มันเลยไม่พูดอะไร เอาแต่ตักข้าวเข้าปากเอาๆ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ผมทำลายความเงียบขึ้น

พอคว้าขึ้นมาดู ผมก็ย่นคิ้วนิดหน่อยที่เห็นหน้าต่างโปรแกรมแชตแจ้งเตือนขึ้นมา ปกติแล้วโทรศัพท์ผมมีไว้ให้แม่กับพี่โทรมาอย่างเดียวเท่านั้น นานๆ ทีจะมีส่งข้อความมาทางโปรแกรมแชตนิดหน่อย หากแต่พอเห็นชื่อของคนที่ส่งข้อความมาแล้ว ผมก็หายแปลกใจ

ก็จะใครล่ะ พี่ชิณณ์ไง สงสัยมันจะแอดกันโดยอัตโนมัติเพราะผมเมมเบอร์พี่ชิณณ์ไว้ในโทรศัพท์น่ะ

‘มาวินนั่งอยู่ตรงไหนอะ เมื่อกี้พี่เห็นเดินผ่านอยู่แวบๆ ตามไม่ทัน’

ถอนหายใจออกมาอีกรอบ ขี้เกียจนับละว่าเป็นครั้งที่เท่าไหร่ที่ถอนหายใจอย่างนี้ พี่ชิณณ์นี่ก็เอาจริงซะด้วย เห็นเมื่อวานบอกว่าจะชวนมากินข้าว ผมก็นึกว่าพูดเล่นๆ ที่ไหนได้ จริงจังนี่หว่า ลืมไปแล้วด้วยเถอะว่านัดกับเขามากินข้าวกลางวันด้วยกันน่ะ

ผมก็ไม่ตอบกลับไปหรอก มองซ้าย มองขวาแล้วไม่เห็นเขาก็ทำเป็นเฉยๆ ไป ทว่าพอทำเป็นเฉย เขาก็ส่งข้อความมาไม่หยุด

เสียงข้อความเรียกเข้าดังรัวๆ จนคชาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเริ่มทำหน้าหงุดหงิดมากขึ้นไปทุกที ก่อนจะแผดเสียงใส่

“ถ้าไม่คุยก็ปิดเสียงสิเว้ย!”

ผมหยิบโทรศัพท์มา กำลังจะตั้งค่าเป็นระบบสั่น หากแต่พี่ชิณณ์ก็โทรเข้ามาเสียก่อน ทำเอาผมสะดุ้งสุดตัว

“เอ้าๆ ตกใจอีก จะรับไหม ถ้าไม่รับก็ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปเลย รำคาญ”

กูก็รำคาญ! รำคาญมึงด้วยเนี่ย ใจเย็นๆ สิเว้ย!

ตัดสายแล้วปิดเครื่องไปตามที่คชาบอก ที่ผมตัดสินใจทำอย่างนี้ไม่ใช่ว่าเพราะเชื่อฟังคำสั่งมันหรอกนะ เห็นมันเริ่มสงบ ไม่ออกปากไล่ผมแล้ว ผมเลยยอมทำตามมันเพื่อที่จะหาทางตะล่อมให้มันตอบรับข้อเสนอผมน่ะ แต่ทว่าถึงผมจะตัดสายและปิดเครื่องหนีพี่ชิณณ์ไปมันก็เท่านั้น เพราะไม่กี่นาทีให้หลัง ร่างสูงของผู้ชายผิวขาวโบ๊ะ หน้าตาอย่างกับหลุดมาจากซีรีส์ญี่ปุ่นก็ปรากฎสู่สายตาผมทันที เขาถือจานข้าว เดินพล่านไปทั่วโรงอาหาร เท่านั้นผมก็รู้เลยว่าคนที่เขากำลังมองหาอยู่คือผมเอง อะไรไม่ว่า แม่งเดินตรงมาทางนี้ด้วย ทำให้ผมรีบก้มหน้าลงทันใด

นี่ถ้าสิงกับโต๊ะได้คงสิงไปแล้วล่ะ...

คชาเห็นผมมีท่าทางแปลกๆ ก็ย่นจมูก ส่งเสียงกวนโมโหออกมา

“มาละ เอาละ ไม่ได้กินยาตอนเช้ามาสินะ อาการเลยกำเริบ ไหนยาแก้บ้า กินข้าวเสร็จแล้วก็รีบๆ กินเข้าไปซะ จะได้หายบ้า”

มึงนี่ก็ปากดีเหลือเกินไอ้คชา ตอนนี้มันใช่เวลาที่จะมากวนโมโหไหม!

ผมอยากจะเงยหน้าขึ้นมาค้อนใส่มันฉิบเป๋ง แต่ก็ทำได้แค่กลอกตาไปมา ส่วนคชาก็ส่งเสียงดังหึขึ้นจมูก รวบช้อนส้อมที่ถืออยู่เข้าหากัน

“วันนี้กินไม่อร่อยเลยว่ะ เพราะมึงคนเดียวเลย”

ไอ้นี่...อะไรก็โทษแต่กูตลอดเลยนะ ไม่ได้ไปทำอะไรให้สักนิด

เห็นคชาจะลุกไป ผมก็รีบเอื้อมมือไปคว้าแขนมันไว้อย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยว อย่าเพิ่งไป”

ไม่ให้มันไปเพราะกะว่าเดี๋ยวพี่ชิณณ์หาผมไม่เจอ ก็คงจะยอมตัดใจแล้วไปที่อื่นแทน ผมก็จะได้ตื๊อมันต่อ หากแต่คชาก็สะบัดแขนออก ว่าเสียงขุ่น

“ตามจังเลยวะ อะไรอีกเนี่ย”

“รอก่อน แป๊บนึง ยังคุยไม่เสร็จเลย”

“กูไม่มีอะไรจะคุยกับมึงแล้ว เลิกตาม!”

แล้วก็เดินไปเลย ผมอ้าปากค้าง เตรียมจะร้องเรียก ทว่าคชาที่ทำท่าฮึดฮัด คล้ายว่าอยากจะจรลีลี้หน้าไปจากผมในตอนแรกก็หยุดชะงักเมื่อเห็นใครบางคน ใบหน้าหล่อดูตกตะลึงราวกับเห็นผี ผมเห็นแล้วก็สงสัยว่าจู่ๆ มันเป็นอะไร แต่ไม่ต้องถาม มันก็ตอบผมแล้ว

"ฮะ...ฮิคารุซามะ" 

ไม่ได้ตอบผมหรอก มันแค่ครางไปเรื่อยเปื่อย แต่ก็ทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีว่ามันทำหน้าเหมือนเห็นผีเพราะอะไร

เห็นพี่ชิณณ์นี่เอง...

ครางอย่างตกตะลึงอย่างเดียวไม่พอ แข้งขาก็อ่อนแรง ทรุดตัวลงนั่งตามเดิมหน้าตาเฉย มีเพียงสายตาที่จับจ้องยังพี่ชิณณ์ที่เดินไปเดินมาแถวนั้นไม่หยุด ปากก็ยังครางเรียกอีกฝ่ายไม่เลิก

“ท่านฮิคารุ...”

แล้วก็ครางเรียกอย่างนี้ไปอีกหลายรอบ ผมถึงกับกุมขมับ อยากจะบอกมันเหลือเกินว่าไม่ใช่ แค่คนหน้าเหมือน แต่ไม่พูดดีกว่า เกิดพูดไปแล้วพี่ชิณณ์หันมาเห็นผมขึ้นมา ผมได้ซวยลูกตาพอดี

ทว่าไอ้การที่ไม่พูด เอาแต่ก้มหน้าจะสิงสู่กับโต๊ะเนี่ย ก็ทำให้คชาละเมอเพ้อพกอยู่คนเดียวไม่หยุด จากที่ครางเรียกฮิคารุซามะสิบวิ สองสามครั้ง ตอนนี้ครางเรียกอย่างถี่

“ฮิคารุ...ซามะ ฮิคารุ...ซามะ...”

มึงเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไง พูดครั้งเดียวก็รู้เรื่องแล้วเว้ย!

ผมเงยหน้าเหลือบมองมันที่มองอีกฝ่ายตาค้าง มองตามร่างพี่ชิณณ์ไปมาอย่างระอาขณะที่ยังซ่อนใบหน้าตัวเองอยู่ ใจก็ไม่อยากจะสนใจทั้งมัน ทั้งรุ่นพี่เวรนั่นหรอกนะ แต่พอคชาพูดขึ้นมาแบบเพ้อๆ อีกครั้ง ผมเลยอดรำคาญไม่ได้ ก็มันน่ะเพ้อไม่พอ ตอนนี้เริ่มพานมาเขย่าผมด้วย

"ท่านฮิคารุ... ฮิคารุซามะจริงๆ ด้วยมึง"

เขย่าซะกูเป็นเซียมซีเลยไอ้คชา สติเว้ยมึง ตั้งสติ!

“มึง...ท่านฮิคารุเว้ย ท่านฮิคารุมาโปรดแล้ว”

"ฮิคารุซามะอะไรเล่า นั่นพี่ชิณณ์เว้ย!"

ผมหมดความอดทน เผลอตะคอกออกไปจนได้ หยาบคายอีกต่างหาก คชาชะงัก ละสายตามามองผมแทนรุ่นพี่ได้ ขณะที่ผมเองก็ชะงักเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงตะคอกเมื่อกี้มันดังพอที่จะทำให้ได้ยินกันค่อนโรงอาหาร และแน่นอน พี่ชิณณ์ที่มองซ้ายขวาหาผมอยู่ก็ได้ยินเช่นกัน เขาชะงักขาที่สาวเท้าเดิน ก่อนจะหันมามองเห็นผม จังหวะเดียวกับที่ผมดันเงยหน้าขึ้นหันไปมอง โป๊ะเชะ! สบตาพอดีเลย พริบตาเดียว เสื้อผ้าบนตัวเขาก็อันตรธานหายไปกับตา กลายร่างจากพี่ชิณณ์เป็นองค์พ่อฮิคารุซามะเตรียมถ่ายหนังสดทันตาเห็น

วะ...เวรเอ๊ย อุตส่าห์หลบแล้วนะ ยังจะมาเห็นอีก!

หงุดหงิดขึ้นมาในเสี้ยววินาที แต่มีแค่ผมแหละที่หงุดหงิด เพราะพี่ชิณณ์หาตัวผมเจอปุ๊บ ก็ยกมือขึ้นโบกเรียกปั๊บ

"มาวิน!"

น้ำเสียงระรื่นมากกก ระรื่นแค่เสียงไม่พอ เดินระริกระรี้เข้ามาหาพร้อมสีหน้าดี๊ด๊าด้วย ส่วนผมก็ทำหน้าไม่ถูกทันควันที่ได้เห็นส่วนไม่พึงมองกลางลำตัวของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว

โอ้โหมึง… เดินป๋องแป๋งต่องแต่งแกว่งไกวเข้ามาหาขนาดนี้ คงหนีไม่รอดแล้วล่ะไอ้มาวิน!

ไม่รอดจริงๆ มาถึงโต๊ะได้ ก็นั่งแหมะลงมาข้างๆ ผม ผมเลยเลิกจ้องจะสิงโต๊ะ หันมาสบตาเขาแทน ไหนๆ ก็เห็นไปละ ช่างแม่งเลยแล้วกัน

“หาตั้งนาน อยู่ตรงนี้นี่เอง แล้วโทรหา ทำไมถึงปิดเครื่องอะ อย่าบอกนะว่าไม่อยากให้พี่มากินข้าวด้วย”

นั่งได้ก็เปิดฉากชวนคุยทันที ชวนคุยเฉยๆ จะไม่ว่าเลย มาถามแบบจับผิด ซึ่งมันก็จริง แต่ผมก็ไม่ยอมรับ โกหกไปด้วยคิดได้ว่าผมจะต้องทำงานร่วมกับเขาในอนาคต

“กำลังจะกดรับ แต่โทรศัพท์แบตหมดพอดีเลยครับ”

“อ๋อ งั้นก็ค่อยยังชั่ว นึกว่าเราไม่อยากให้พี่มาวุ่นวาย”

ก็ไม่อยากให้มาวุ่นวายนี่แหละ เห็นไหมว่ากูกำลังตื๊อไอ้คชามันอยู่ มึงนี่ก็นะ โผล่มาไม่ได้จังหวะเลย!

“แล้วนี่ไม่กินมะเขือเทศเหรอ พี่ขอนะ”

โผล่มาไม่ได้จังหวะไม่พอ อยู่ดีๆ ก็ถือวิสาสะชะโงกหน้ามามองข้าวผัดในจานผม เห็นมะเขือเทศถูกเขี่ยอยู่ข้างจาน เขาก็เอาส้อมมาจิ้มไปกินหน้าตาเฉย

มึงนี่มันเฟรนด์ลี่เกินไปไหมเนี่ย...

อึดอัดขึ้นมาทันที อึดอัดอะไรแบบนี้ ไม่ได้สนิทสนมกับใครมาเป็นสิบปีแล้ว จู่ๆ มีคนมาตีสนิทด้วย ผมก็รู้สึกแปลกๆ ส่วนคชานี่ไม่นับ ผมไม่เรียกว่าตีสนิท เรียกว่าตามตื๊อ

เห็นพี่ชิณณ์มีท่าทีแบบนั้น ผมเลยตัดใจเรื่องจะตื๊อคชาต่อ กะว่าจะรีบกินข้าว แล้วจะได้รีบแยกย้ายเพราะเขาเริ่มชวนคุยเป็นตุเป็นตะอย่างกับว่าผมรู้จักเขามาหลายชาติ

ตอนแรกก็คิดอย่างนั้นแหละ แต่พอเหลือบเห็นคชาที่นั่งนิ่งไม่ไหวติง เอาแต่มองหน้าพี่ชิณณ์ที่จ้อไม่หยุด ผมก็เปลี่ยนใจขึ้นมากะทันหัน

ผมก็ลืมไปว่าพี่ชิณณ์หน้าเหมือนคนที่คชาชอบ แบบนี้คงได้ตัวต่อรองเพิ่มขึ้นมาแล้ว งั้นเปิดทางสักหน่อยแล้วกัน

“เอ้อ พี่ชิณณ์ครับ นี่คชา ส่วนนี่พี่ชิณณ์นะ เรียนคลาสเดียวกัน รู้จักกันเพราะเป็นคู่ทำเปเปอร์กับเราน่ะ”

การที่จู่ๆ ก็โพล่งออกไปแบบนั้น ทำให้พี่ชิณณ์หยุดจ้อเรื่องของตัวเองฉับพลัน หันไปมองหน้าคชา แล้วเพิ่งตระหนักได้ว่านอกจากผมที่นั่งอยู่ตรงนี้แล้ว ยังมีไอ้โรคจิตที่เอาแต่จ้องหน้าเขาไม่เลิกนั่งหัวโด่อยู่ด้วย

“พี่ชิณณ์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

ทักทายสั้นๆ แต่กลับทำให้คชาสะดุ้ง พลันมีท่าทีเลิ่กลั่กทันใด

“คะ...คะ...”

พี่ชิณณ์นิ่งงันที่เห็นคชาพูดติดอ่างกะทันหัน ผมมองหน้ามัน เห็นสีแดงเรื่อบนซีกแก้มก็รู้เลยว่ามันกำลังเขิน

แหม มึงนี่ ไหนบอกว่าร่างกายนี้จะพลีให้ท่านฮิคารุคนเดียวไงวะ พอมาเห็นพี่ชิณณ์ มึงก็ออกอาการเลยนะ ไอ้เกย์!

“คะ...คะ...”

ยัง...ยังคะไม่เลิก ก็รีบๆ พูดไปสิวะว่าชื่อคชา รำคาญ!

ก็ยังคะๆ อยู่ ไม่พูดสักที ผมถึงกับหลุดหัวเราะในลำคอ รู้เลยว่ามาถูกทางแล้ว

คชาก็ยังติดอ่างไม่เลิก กระทั่งพี่ชิณณ์ที่รออยู่นานโพล่งขึ้น

“หืม? คะอะไรครับ?”

“คะ...คะ...”

“พี่ชิณณ์ครับ หมอนี่ชื่อ...”

ผมเกือบจะออกปากแนะนำตัวคชาให้แทนแล้ว ดูท่าทางคชามันจะช็อกที่จู่ๆ ก็ได้เห็นฮิคารุซามะตัวเป็นๆ มาอยู่ตรงหน้า ถึงจะไม่ใช่ตัวจริงก็เถอะ แต่หน้าตาเหมือนกันขนาดนี้ จะช็อกก็ไม่แปลก

หากแต่ผมพูดได้แค่นั้น คชามันก็แหกปากขึ้นมาเสียงดัง

“คะ...คะน้านี่มึงไม่กินใช่ไหม งั้นกูกิน!”

แหกปากไม่พอ พยักเพยิดปลายคางมาที่จานข้าวผัดของผม ก่อนจะรีบยื่นมือมาจกใบคะน้าเข้าปากตัวเองแล้วเคี้ยวตุ้ยๆ

นี่มึงตลกรับประทานสินะ ข้าวนี่กูยังกินไม่เสร็จไหม เอามือมาจกทำไม!

ไม่กงไม่กินต่อมันละ เทเลยแล้วกัน

พี่ชิณณ์เห็นคนตรงหน้าทำท่าทางแปลกๆ อย่างนั้นก็อึ้งไปนิด นิดเดียวจริงๆ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดัง

“เพื่อนเราตลกดีแฮะ นี่ติดอ่างจริงหรือแกล้งเนี่ย”

ปลายประโยคหันไปถามคชา คชาที่เคี้ยวผักใบเขียวอยู่เหลือบมองมาทางผม ก่อนรีบกลืนของในปากลงคอ แล้วว่าออกมาอีก

“มะ...ไม่...ไม่ได้...”

“โอเค พอๆ กว่าจะได้พูด สงสัยพรุ่งนี้พอดี พี่เข้าใจละว่าติดอ่างจริง ไม่ได้แกล้ง”

พี่ชิณณ์พูดไป ก็ขำน้ำหูน้ำตาไหลไป ผมยิ้มฝืนๆ ให้เพราะรู้ว่าคชาไม่ได้ติดอ่าง แล้วก็ไม่ได้แกล้ง แต่ที่ติดอ่างนี่เป็นเพราะเห็นพี่ชิณณ์นี่แหละ

“อ้าว แล้วนี่เราอิ่มแล้วเหรอ กินน้อยจัง”

หันกลับมาถามผมละพอเห็นว่าผมรวบช้อนส้อมเข้าหากัน

ไอ้พี่ชิณณ์นี่ เมื่อกี้ไม่เห็นไอ้เวรนั่นมันเอามือมาจกจานข้าวกูหรือไง กินต่อได้ก็สตรองเกินไปละ มือแม่งมีเชื้ออะไรบ้างก็ไม่รู้ กินเข้าไป เดี๋ยวได้ติดเชื้อบ้ากันพอดี

“อิ่มแล้วครับ พอดีวันนี้ผมไม่ค่อยหิว”

จะพูดความจริงไปมันก็ใช่เรื่อง เลยต้องแถไปเรื่อย

พี่ชิณณ์พยักหน้าพร้อมทำปากยื่น ไม่ได้ถามอะไรต่อ ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว ก่อนจะเริ่มจ้อต่อไปเรื่อย ขณะคชานั่งมองเขาตาไม่กะพริบ ส่วนผมก็ก็ฟังที่พี่ชิณณ์พูดบ้าง ไม่ได้ฟังบ้าง ในหัวเอาแต่คิดแผนการลำดับต่อไป กะว่าพอพี่ชิณณ์กินข้าวเสร็จแล้วแยกย้ายกันเรียบร้อย ผมก็จะตะล่อมบอกคชาว่าถ้าเป็นรูมเมตกับผม มันจะได้เจอพี่ชิณณ์บ่อยๆ

อีแบบนี้ ไอ้คชาไม่รอดพ้นตำแหน่งรูมเมตผมแน่ๆ

ใช้เวลาไม่นานนัก พี่ชิณณ์ก็จัดการอาหารในจานจนเกลี้ยง ผมตั้งท่าจะบอกลา หมายใจว่าจะอ้างว่ามีเรียนต่อ จะได้เริ่มจัดการคชาต่อสักที

“พี่ชิณณ์ครับ...”

หากแต่หันไปเรียกคนข้างตัวเท่านั้น อีกฝ่ายก็เรียกชื่อผมสวนพอดี

“มาวิน อะไรติดหน้าน่ะ”

เรียกก็ไม่เรียกเปล่า ถามก็ไม่รอคำตอบ สิ้นเสียงปุ๊บ ก็ยื่นมือมาแตะเข้าที่ใต้ตาข้างขวาของผมปั๊บ ซ้ำยังยื่นหน้าเข้ามาซะใกล้ ทำเอาผมผงะไปเล็กน้อย แต่ครู่เดียว เขาก็ผละออก

“อ๋อ ไฝ ก็นึกว่ามีอะไรติด ผมมันปิดหน้าปิดตาเลยมองไม่ชัดน่ะ แต่ผู้ชายมีไฝใต้ตานี่มีเสน่ห์นะ น่ารักดี”

ผมไม่รู้ว่าจะต้องดีใจกับคำชมนี้ไหม เห็นป๋องแป๋งผู้ชายไม่พอ ยังมาโดนผู้ชายด้วยกันชมอีก แบบนี้มันก็...

...ไม่น่าดีใจสักนิด กูจะดีใจไปทำเพื่ออะไร ยิ่งเป็นผู้ชายที่เดินต่องแต่งแกว่งไกว ซ้ำยังหน้าตาเหมือนดาราหนังโป๊ด้วย ก็ยิ่งไม่น่าดีใจเข้าไปใหญ่!

“ครับ”

ทว่าก็ได้แต่ตอบรับอุบอิบไปตามเรื่องล่ะนะ จะมีก็แต่คชาที่ไม่อุบอิบไปกับผม จู่ๆ ก็เด้งตัวลุกขึ้นยืน ทำหน้าเครียด พลันยื่นมือมาคว้าแขนผมหมับ

“ไอ้เอ๋อ กูขอคุยด้วยหน่อย!”

ผมไม่รู้หรอกว่าจะคุยเรื่องอะไร แต่ถ้าให้เดา ก็คิดว่าคงเป็นเรื่องของพี่ชิณณ์ ผมเลยยอมลุกตามแต่โดยดี พี่ชิณณ์มีสีหน้าสงสัยทันทีที่เห็นอากัปกิริยาโผงผางของคชา ก่อนคชาจะรู้สึกตัว รีบคลายหัวคิ้วที่ย่นยู่ หันไปยิ้มแหะๆ ให้พี่ชิณณ์พร้อมกับส่งเสียงหวาน

“ขะ...ขอตัว...สะ...สักครู่นะครับ”

“อือ ตามสบายเลย”

พี่ชิณณ์ตอบรับได้ มันก็ผงกหัวประหลกๆ แล้วรีบลากผมออกมาจากตรงนั้นทันที ปล่อยให้ผมบุ้ยปากตามหลังมันอย่างลืมตัว

กับกูนี่ตะคอกเอาๆ กับพี่ชิณณ์นี่ เสียงอ่อนเสียงหวานเลยนะมึง ไอ้สองมาตรฐาน!

แต่ก็คิดถูกแล้วล่ะที่ตั้งใจจะใช้พี่ชิณณ์เป็นเครื่องมือต่อรอง ได้ผลไวเกินคาดแฮะ รับรองเลยว่างานนี้ ไอ้คชาไม่รอดมือผมแน่

รู้จักความเจ้าเล่ห์ของมาวินคนนี้น้อยเกินไปซะแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel