บทนำ [2/2]
ใครสักคนช่วยดึงผมขึ้นยืน ผมคว้ามือนั้นไว้อย่างลืมตัวก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามอง จังหวะนั้นเองที่ผมได้สบตากับเจ้าของคู่ข้างนั้น และว้าบบบ... ตาสบตา ใจประสานใจ เสื้อผ้าบนตัวเจ้าของมือก็อันตรธานหายไปทันที หายคนเดียวจะไม่ว่าเลย ไอ้คนอื่นๆ ที่ไม่ได้ช่วยดึงผมขึ้น แต่ทำหน้าที่เป็นไทยมุงจ้องมองผมอยู่ก็ดันหายไปด้วยเหมือนกัน
พะ...พวกมึงจะมาสบตากูพร้อมๆ กันทำไมวะเนี่ย! โอ้โห... หันขวาก็มะเขือยาว หันซ้ายก็แตงร้าน เอ้า ไอ้หมอนั่นแตงกวา หมอนั่นมาแปลก ผิวขรุขระ มะระก็แล้วกัน
แม่ง กูอุตส่าห์หนีแล้วนะ ยังจะมาโดนพืชผักสวนครัวรุมอีก!
ตาจะบอดให้ได้ จะหันหนีเพราะเห็นความต่องแต่งระโยงระยางในทันทีทันใดก็แลดูมีพิรุธ ทำได้แค่หันหนีเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไอ้คนที่ดึงผมขึ้นยืนก็ว่าออกมาทันที
“สีหน้าไม่ค่อยดีเลย นายโอเคไหม”
มีความเป็นห่วงเป็นไยโดยที่ผมไม่ต้องการแต่มันไม่ถามสุขภาพผมเลยสักคำ
มันจะไปโอเคอะไรเล่า มึงคิดว่าอยู่ในดงผู้ชายเปลือยเหมือนหนัง GV แนว Gang rape มันโอเคหรือไงวะ!
ผมพยายามสงบสติอารมณ์ ไม่คิดว่าตัวเองตกอยู่ในสภาพเหมือนดารา GV เพื่อจะได้สงบจิตสงบใจ หากแต่การไม่พูดอะไรก็ทำให้หมอนั่นถามขึ้นมาอีก
“ไปนั่งพักไหม เดี๋ยวช่วยพาออกไป หน้านายซีดมากเลยนะ”
เห็นว่าดูอายุรุ่นราวคราวเดียวกันล่ะมั้งถึงได้เริ่มเป็นกันเองมากขึ้น แต่บอกแล้วไงว่าผมไม่ต้องการความช่วยเหลือหรือความเห็นใจใดๆ ทั้งสิ้น
เท่านั้นผมก็ส่ายหน้าปฏิเสธ พลันตั้งใจว่าจะหนีออกไป ทว่าประตูห้องส้วมที่ถูกไอ้เวรที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดก็เปิดออกมาก่อน พร้อมกับการปรากฏตัวของผู้ปลดเปลื้องความทุกข์ทุกสรรพสิ่ง
“มีอะไรกันวะ”
ใครคนนั้นถาม ที่ถามอย่างนั้นเป็นเพราะเห็นเพื่อนตัวเองยืนล้อมหน้าล้อมหลังผม มะรุมมะตุ้มขายผักสดบ้างเหี่ยวบ้างกันอยู่อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา และด้วยความที่ผมกลัวว่าจะมีหินงอกหินย้อยมาเพิ่มให้เห็น ผมเลยไม่หันไปมองหมอนั่นขณะที่ใครสักคนพูดขึ้นมา
“ไม่มีอะไร หมอนี่แค่ลื่นล้มนิดหน่อยน่ะ”
“อ๋อ”
อีกฝ่ายตอบรับ ผมสบโอกาสเลยรีบตั้งท่าจะแหวกวงล้อมออกมา
“เดี๋ยวขอตัวไปทำงานต่อก่อนนะ”
รีบพูดเร็วๆ แต่ไม่มีใครถอยให้เลยสักคน ผมเลยรีบก้มลงคว้าไม้ม็อบ ลุกขึ้นยืนแล้วแหวกกลางวงออกมาเองเสียเลย ทว่าในวินาทีที่ยืนขึ้น มือของใครบางคนก็สัมผัสเข้ามาที่บั้นท้ายผมเข้าอย่างจัง
ผมสะดุ้งสุดตัว หันไปมองอย่างรวดเร็วก่อนจะเห็นว่าเป็นคนที่ชื่อคชา พอหมอนั่นเห็นผมมองอย่างตกใจ ก็รีบชูมือขึ้นอย่างรวดเร็ว
“มีทิชชูติดก้นอยู่น่ะครับ ผมเลยเอาออกให้”
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย สำคัญที่ว่าตาสบตาอีกแล้ว แต่...
...แต่เสื้อผ้ามันไม่หายไปไหนเว้ยเฮ้ย!
ผมมองคนตรงหน้าอย่างอึ้งงันราวกับถูกสต๊าฟเอาไว้
ผู้ชายคนนี้เป็นคนแรกเลยในช่วงระยะเวลาสิบปีที่ผมสบตาแล้วไม่เห็นว่าเสื้อผ้าอันตรธานหายไป ก่อนที่ผมจะสังเกตเอาในตอนนี้ว่าหมอนี่ใส่ชุดนักศึกษา ผูกเนคไทที่มีตราสัญลักษณ์ของมหาวิทยาลัยผมอยู่
งั้นก็แสดงว่าเรียนที่เดียวกันกับผมน่ะสิ!?
“นาย...”
ผมเบิกตาโต ปากเผยออ้า เปล่งเสียงออกไปอย่างตะลึงงันโดยอัตโนมัติ
“ครับ?”
อีกฝ่ายเลิกคิ้วสูงตอบรับก่อนที่ผมจะครางออกไป
“มะ...มายรูมเมต”
ตกลงปลงใจเอาเองเสร็จสรรพว่าจะตามจิกมันมาเป็นรูมเมต ส่วนอีกฝ่าย จากที่ทำหน้าสงสัยว่าผมเรียกทำไม ตอนนี้ทำหน้าเอ๋อกินไปแล้ว ผมก็พูดอะไรออกไปไม่รู้ตัวเหมือนกัน จะอธิบายว่าไอ้ที่พูดเมื่อกี้หมายความว่าอะไรก็ไม่ทันละ มันเห็นท่าไม่ดี ก็รีบปรี่เข้าไปหาเพื่อน ตัดบทเอาดื้อๆ
“ไปก่อนนะ ขอโทษที่ทำให้วุ่นวายนะครับ”
แต่กูไม่ให้มึงจากไปง่ายๆ หรอกเว้ย! ทำกูโดนพืชผักสวนครัวรุมแล้ว ต้องรับผิดชอบ!
ผมกระโจนคว้าแขนหมอนั่นไว้ด้วยความเร็วแสงโดยสัญชาตญาณ คนที่ชื่อคชาหันมามองผมด้วยสีหน้างุนงงระคนตกใจ ส่วนผมก็หลุดพูดออกไปโดยไม่ทันคิด
“นายมาอยู่กับเราเถอะ เราสัญญาว่าจะดูแลนายเอง”
อีกฝ่ายอึ้งงัน อุทานออกมาเสียงดังราวกับว่าไม่คิดไม่ฝันว่าจะต้องมาได้ยินอะไรแบบนี้
“พะ...พูดอะไรวะเนี่ย!”
อะไรก็ไม่รู้ล่ะ แต่มาอยู่ด้วยกันเถอะ ขอร้องล่ะ!
