บทที่ 10 แย่แล้วมีขโมย
"ไอ๊หยา นังหนูรอง นี่เจ้าเอามาจากไหนกันน่ะ?"
"กระต่ายป่าในมือของเจ้าก็อ้วนท้วนมากจริงๆ ครั้งล่าสุดที่ข้าเคยเห็นตัวอ้วนขนาดนี้ ยังเป็นตัวที่นายพรานหวังที่อยู่ในเมืองล่าลงมาจากบนภูเขาโน่น"
"เอ๊ะ นังหนูรอง หลังจากยกเลิกการแต่งงานไปแล้วเจ้าคงไม่ได้หมั้นหมายกับคนอื่นอีกใช่ไหม? บอกมาเร็ว ของพวกนี้ตระกูลไหนเป็นคนมอบให้?"
คนที่อยู่รอบๆเจ็ดปากแปดลิ้นแย่งกันพูด วิพากษ์วิจารณ์แสดงความคิดเห็นหลากหลาย ใบหน้าขาวสะอาดดีๆของเหมิงเชียนเหยียนกลายเป็นสีผักโขมอย่างรวดเร็ว นี่ ผู้หญิงชนบทพวกนี้ จู่ๆก็คิดอะไรแปลกๆขึ้นมากะทันหันเช่นนี้ได้อย่างไร จากกระต่ายป่าตัวหนึ่งถึงกับพูดไปถึงเรื่องใหญ่ในชีวิตของนางได้
"แค่กๆ แค่กๆๆ" นางไออยู่สักพัก ถึงสงบสติอารมณ์ลงมาได้ อธิบายอย่างเพ้อเจ้อขึ้นมา "นี่ พวกนี้ล้วนเป็นของที่ญาติห่างๆของข้ามอบให้ทั้งนั้น"
"ญาติห่างๆอะไรหรือ?"
"นั่นแหละ นั่นแหละ รีบบอกข้ามาเลย ผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย?"
มีป้าหลายคนที่ยังคงไม่เชื่อ ยังแย่งกันพูดต่อไป ไม่จบไม่สิ้น เหมิงเชียนเหยียนรู้สึกหงุดหงิดสุดขีดจริงๆ กลอกตามองบนไปซะเลย มือเท้าเอวขึ้นมา ตะโกนเสียงดังขึ้นมาว่า: "ก็คือญาติของบ้านข้านี่แหละ! เกี่ยวอะไรกับพวกท่านด้วย! เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกท่านยังมารู้จักญาติบ้านข้าด้วย! ที่บ้านไม่มีอะไรทำใช่ไหม! ก็แค่กระต่ายป่าสองตัวเท่านั้น ข้าไม่ได้กินข้าวสวยบ้านท่านสักหน่อย! ไม่มีเรื่องอะไรอย่ายุ่งเรื่องชาวบ้านให้มันมากนัก!"
พูดจบ นางก็ผลักออกไปอย่างแรง ผลักป้าสองสามคนที่ตกตะลึงจนอ้าปากค้างออกไป เร่งฝีเท้าวิ่งกลับเข้าในบ้านของตนเอง จากนั้นก็ปิดประตูลงอย่างแรง
"จิ๊ๆ นิสัยของนังหนูรองทำไมถึงผิดแปลกไปเช่นนี้ได้----"
เดิมทีสวีเจินกำลังผ่าฟืนทำโจ๊กอยู่ในลาน จู่ๆก็เห็นเหมิงเชียนเหยียนวิ่งกลับมาด้วยความโมโห สะดุ้งตกใจมาก รีบวิ่งเข้าไปคว้าตัวนางเอาไว้ "เชียนเหยียน เป็นอะไรไป? ท่าทางของเจ้าดูเหมือนจะโกรธมาก"
"ก็ต้องโกรธมากอยู่แล้ว ป้าๆพวกนั้นทำไมถึงได้ว่างกันขนาดนั้น ชีวิตของบ้านตัวเองไม่รู้อยู่กันดีหรือยังเลย" นางหงุดหงิดจนบ่นออกมาสองสามคำ โยนนกป่ากับกระต่ายป่าไปถึงหน้าสวีเจิน
"ใช่แล้ว ข้ากับท่านพ่อคุยกันไว้แล้ว เขากับพี่เชียนเถาจะกลับมากินข้าวเย็นด้วยกัน ท่านแม่หากท่านยังพอจะทำทัน ก็รีบตุ๋นพวกนี้เถอะ!"
สวีเจินตกตะลึงไปเดี๋ยวนั้นเลย มองไปที่อาหารป่าพวกนั้น นานพักใหญ่กว่าจะได้สติกลับมา "เชียนเหยียน เจ้า ของพวกนี้เจ้าได้มาจากไหนกัน?"
"จะสามารถเอามาจากไหนได้ ก็ต้องซื้อมาอยู่แล้ว" เหมิงเชียนเหยียนยิ้มอย่างหลบเลี่ยงสายตา พูดเพ้อเจ้อต่อไปอีก "ก็คือระหว่างทางกลับมา เจอกับนายพรานคนหนึ่ง ดูเหมือนว่าเมียของเขากำลังจะคลอดแล้ว ดังนั้นก็เลยจะรีบขายของพวกนี้ ข้าก็เลยใช้เงินยี่สิบอีแปะ ซื้อเอาไว้ทั้งหมด เหอะๆ ท่านแม่ ท่านว่ามันคุ้มมากใช่ไหมล่ะ"
สวีเจินก้มหน้าลง พลิกตัวกระต่ายป่าที่อ้วนท้วนไปมา "ยี่สิบอีแปะ กระต่ายที่อ้วนท้วนขนาดนี้ ก็คุ้มจริงๆนั่นแหละ ก็ได้ เจ้าซื้อก็ซื้อมาแล้ว ข้าจะรีบถอนขนแล้วตุ๋นทันทีเลย รอพ่อเจ้ากับพี่สาวเจ้ากลับมากินพร้อมกัน"
"ดีเลยดีเลย!" เหมิงเชียนเหยียนพยักหน้าซ้ำๆ จากนั้นก็เคลื่อนเท้าเดินกลับเข้าไปในบ้าน ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดซ่อนคันธนูกับลูกธนูเอาไว้ใต้เตียง
หุๆ อันตรายจริงๆ เกือบจะถูกคนพบเข้าแล้ว! เหมิงเชียนเหยียนตบไปที่หน้าอกแล้วถอนหายใจ
เวลาไม่นานหลังจากนั้น จู่ๆในลานก็มีเสียงครึกครื้นดังออกมา เหมิงเชียนเหยียนเงี่ยหูฟังเสียง รีบวิ่งออกไปอย่างดีใจ
ที่แท้ เหมิงฉวนกับเหมิงเชียนเถาก็มาถึงบ้านแล้วเช่นกัน
"ท่านพ่อ พี่สาว!"
"เจ้ารอง เชียนเถา! พวกเจ้ากลับมาแล้ว!"
เหมิงเชียนเหยียนยังไม่ทันจะได้กอดเหมิงเชียนเถา นางหวางก็วิ่งเหยาะๆมาถึงหน้าเหมิงฉวนอย่างรวดเร็ว หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส สายตาเต็มไปด้วยความเมตตา
เหมิงเชียนเหยียนอดที่จะกระตุกมุมปากขึ้นมาไม่ได้ เหอะๆ นางหวางคนนี้ เปลี่ยนเร็วกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มากเสียอีก! หลายวันก่อนยังทุบตีตนเองพร้อมกับจ้าวฮัวจือนั่นอยู่เลย วันนี้ก็กลายเป็นแม่ที่ดีของเหมิงฉวนทันที! ช่างน่าขำจริงๆเลย!
แต่ว่าเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ขอแค่ให้นางหมดห่วงได้ นางก็ไม่อยากถือสาเรื่องในอดีตมากจนเกินไป ก็เลยวิ่งไปด้านข้างเตาไฟ แล้วช่วยจุดไฟขึ้นมา
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม กลิ่นหอมเนื้อในหม้อเหล็กใหญ่ก็ลอยฟุ้งออกมาเป็นระยะๆ คนทั้งตระกูลเหมิงล้วนอดที่จะกลืนน้ำลายไม่ได้ ครอบครัวสี่คนบ้านสามก็นั่งไม่ติดแล้ว เหมิงฝูพาคนทั้งครอบครัวมานั่งลง
"เหอะๆ พี่รอง นี่บ้านท่านตุ๋นเนื้อหรือ?"
"ใช่แล้ว ลูกสาวซื้อกระต่ายป่ามา ให้พี่สะใภ้รองตุ๋นน่ะ" ท่าทีของเหมิงฉวนสุภาพตรงไปตรงมา "น้องสาม บ้านเจ้ากินข้าวหรือยัง?"
"เฮ้อ ยังไม่ได้กินเลย น้องสะใภ้ท่านขี้เกียจเกินไป ยังไม่ได้ทำอาหารเลย เช่นนี้ ที่ข้ายังมีเหล้าอยู่หนึ่งไห เรามากินด้วยกัน แล้วก็ดื่มด้วยกันสองจอก" พูดจบ ก็ไม่สนใจว่าเหมิงฉวนจะตกลงหรือไม่ ก็ยกเหล้ามาแล้ว จากนั้นก็นั่งลงไปรอกินอยู่ข้างโต๊ะ
เหมิงเชียนเหยียนเห็นดังนั้น ก็มองสบตากับเหมิงเชียนเถาครู่หนึ่ง เบ้ปากอย่างจนใจ เหมิงเชียนเถาเดินมาข้างกายของเหมิงเชียนเหยียนด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน "ช่างเถอะ ใครใช้ให้อาสามเป็นน้องชายแท้ๆของพ่อเราล่ะ"
"ได้ๆๆ เห็นแก่ที่พี่สาวของข้าอ่อนโยนขนาดนี้ ข้าก็ไม่ถือสาแล้วก็ได้" เหมิงเชียนเหยียนมองดูเหมิงเชียนเถา อดที่จะยิ้มขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน
นี่ไง เหมิงเชียนเถาคนนี้หน้าตาช่างงดงามมาก ถึงแม้สองคนพี่น้องจะมีส่วนที่คล้ายคลึงกันหลายแห่งมาก แต่เห็นได้ชัดว่า เส้นบนใบหน้าของเหมิงเชียนเหยียนดูคมคายกว่าเล็กน้อย แผ่ซ่านความองอาจผึ่งผาย และเหมิงเชียนเถาตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง ใบหน้ารูปไข่ห่านที่งดงามเต็มไปด้วยความอ่อนโยนและความสุขุมเยือกเย็น
"พี่สาว ท่านต้องแต่งงานกับผู้ชายดีๆที่มีความสามารถและหน้าตาดีถึงจะถูกต้อง" นางเข้าไปใกล้หูของเหมิงเชียนเถา และกระซิบด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้าของเหมิงเชียนเถาปรากฏเป็นสีแดงเลือดหมูเดี๋ยวนั้นเลย "นังหนูน้อย เจ้าไปเรียนจากใครมา พูดจาเหลวไหลเช่นนี้"
อาหารมื้อนี้ คนตระกูลเหมิงแทบจะมากันครบแล้ว เนื้อเต็มๆหม้อหนึ่งก็กินกันจนเห็นก้นหม้อ จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับไปนอนหลังจากกินอิ่มดื่มเสร็จกันแล้ว
ลานตระกูลเหมิงไม่ใหญ่ คนกลับไม่น้อย ดังนั้นเหมิงเชียนเถากลับมาครั้งนี้ เหมิงเชียนเหยียนพี่น้องสองคนก็เลยนอนเบียดกันบนเตียงเดียวกัน เห็นได้ชัดว่าเหมิงเชียนเถาทำงานอยู่ที่ตระกูลเสิ่นแล้วก็เดินกลับมา ก็เหนื่อยแย่แล้ว นอนอยู่บนเตียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป
เหมิงเชียนเหยียนกลับกระปรี้กระเปร่ามาก ภายใต้แสงจันทร์สว่างสดใส กะพริบดวงตาสีเข้มทั้งคู่ พลิกตัวไปมานอนไม่หลับ
เดิมอยากจะอาศัยทักษะการยิงธนูที่ยอดเยี่ยม ล่าสัตว์ให้มากขึ้น เพื่อปรับปรุงสถานะทางการเงินของตระกูลเหมิง แต่จะอธิบายกับคนในครอบครัวอย่างไรที่จู่ๆตนเองก็มีความสามารถเช่นนี้ล่ะ? แล้วยังมีผู้หญิงปากมากข้างนอกพวกนั้นอีก ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปเรื่อยอีก
คิดไปคิดมา นางรู้สึกว่าตนเองต้องอย่าทำตัวให้เป็นจุดสนใจมาก อย่างน้อยตอนกลางวันก็อย่าไปล่าสัตว์อย่างเอิกเกริก
แต่หากเป็นช่วงเวลากลางคืนที่ไม่มีคน เหอะๆๆ จู่ๆมุมปากของนางก็เกี่ยวเป็นมุมโค้งที่เจ้าเล่ห์ขึ้นมา
ข้าเหมิงเชียนเหยียนช่างเฉลียวฉลาดเกินคนจริงๆเลย! นางคิดไป ก็ข้ามร่างของเหมิงเชียนเถาไปอย่างร่าเริง ปีนลงไปใต้เตียงแล้วหยิบคันธนูและลูกธนูที่เพิ่งทำมาใหม่ออกมา
ใต้แสงจันทร์ การหักเหทำให้คันธนูและลูกธนูเปล่งแสงจางๆ เหมิงเชียนเหยียนกำเอาไว้ในมือ เดินย่องออกไปทางบานประตูบ้านของตนเอง
แต่ทว่า จู่ๆข้างนอกก็มีเสียงเคลื่อนไหวดังขึ้นมา ทันทีหลังจากนั้น ก็เป็นเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว "แย่แล้ว! มีขโมย! รีบมาจับขโมย!"
