บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 6 ยืนมองลูกสาว

ตอนที่ 6 ยืนมองลูกสาว

เมื่อเวลาผ่านไปได้ไม่นาน หนูดีก็วิ่งลงมาจากชั้นบน ตั้งแต่เล็กจนโตถึงแม้ว่าหนูดีจะอยู่ในฐานะลูกสาวแม่บ้าน แต่หนูดีก็มีเสื้อผ้าสวยๆดีๆใส่ เพราะคุณพ่อของเธอชอบซื้อของมาให้ โดยท่านจะฝากมาทางคุณน้ำผึ้งและคุณภาคินอยู่บ่อยๆ แต่ทุกอย่างที่คุณภานุเมศทำ หนูดีและแม่ของเธอไม่รู้ คุณน้ำผึ้งมักจะบอกกับหนูดีและแม่ของเธอว่า เห็นสวยดีก็เลยซื้อมาฝาก แล้วก็เป็นแบบนี้มานานมากจนมันกลายเป็นเรื่องปกติ แต่ไม่ใช่ว่าคุณน้ำผึ้งจะไม่เคยซื้อให้ ส่วนที่ท่านซื้อให้หนูดีก็มี ความใจดีของคนในบ้านหลังนี้ทำให้ไม่มีใครสงสัย

"มาแล้วค่ะ รอนานมั้ยคะ"

"ใช้เวลาได้ประหยัดมาก แค่ยี่สิบนาทีเอง เราไปกันเถอะ"

"คิกคิก" ในขณะที่หนูดีกำลังเดินไปขึ้นรถกับพี่กัปตัน หนูดีก็แอบหัวเราะแว่นตาที่พี่กัปตันสวมอยู่ มันเหลือแค่ขาเดียวก็ยังพยายามใส่มันอีก

"ขำอะไร" เขารู้ว่าเธอขำแว่น แต่ที่ถามเพราะไม่อยากให้แซว

"ขำแว่นค่ะ มันน่าสงสารมาก" ต้องปฏิบัติหน้าที่ทั้งๆที่เหลือแค่ขาเดียว

"ทำไงได้ล่ะ ขาเดียวก็ต้องใส่ไปก่อน ไม่ใส่แล้วจะขับรถได้ยังไง"

"มันจะไม่หลุดแน่ใช่มั้ยคะ"

"ไม่มั้ง มันติดจมูก" เขาขยับแว่นให้เธอดู เป็นการรับประกันว่าไม่หลุดแน่นอน กัปตันและหนูดีพากันขับรถออกจากบ้าน ตรงไปที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ทั้งสองคนเดินหาร้านแว่นอยู่สักครู่ไม่นานก็เจอ

"สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าต้องการแว่นแบบไหนดีคะ" เดินเข้าไปในร้านก็เจอกับพนักงานของร้าน เดินออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มและท่าทางที่สุภาพ

"สายตาสั้นครับ แปดร้อย"

"เชิญทางด้านนี้เลยค่ะ" พนักงานเดินนำไป กัปตันหันมาพยักหน้าให้หนูดี ให้เธอเดินตามเข้าไปด้วย

"อันนี้จะเป็นกรอบแว่นสำหรับคุณผู้ชายนะคะ ลองสวมดูก่อนได้เลยค่ะ ชอบอันไหน" พนักงานของร้านพาทั้งสองคนมาหยุดยืนอยู่ตรงกรอบแว่นผู้ชาย จากนั้นพนักงานคนนั้นก็เดินออกไป ปล่อยให้ลูกค้ามีเวลาเลือก จะได้ไม่เป็นการกดดันมากจนเกินไป

"ช่วยพี่เลือกหน่อยสิ" มองๆดูแล้วสวยทุกอันเลย กัปตันจึงหันไปขอความคิดเห็นจากหนูดี แต่เมื่อสายตาของหนูดีเห็นราคาเท่านั้นแหละ

"โอ้โห...ทำไมราคาแพงจังคะ" หนูดีไม่คิดว่าแว่นตาร้านนี้จะราคาแรงขนาดนี้

"ถูกกว่าอันที่หนูดีทำพังอีก" ห๊ะ!!

"หมื่นแปดนี่นะ" เธอรีบถามเขาด้วยน้ำเสียงตกใจ แต่ก็ไม่อยากรู้หรอกว่าอันที่เธอทำพังราคาเท่าไหร่ เธอกลัวว่าถ้าตัวเองรู้ จะเสียดายจนนอนไม่หลับ

"หมื่นแปดยังไม่รวมเลนส์นะครับอีหนู" เขาพูดกับเธอด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้โกรธ ไม่ได้ว่า ไม่ได้อยากให้หนูดีรู้สึกผิด แต่แค่อยากให้เธอรู้ไว้เฉยๆ

"งื้อ..." หนูดีทำหน้าไม่ถูก ในใจรู้สึกผิดมากกว่าเดิมอีก

"ไม่ต้องทำหน้าจะร้องไห้แบบนั้น อันที่จริงอันนี้มันก็เก่าแล้วด้วย"

"ไม่โกรธหนูดีแน่นะคะ" เพราะเธอคงไม่มีเงินไปจ่ายคืนให้เขาหรอก

"มาเป็นเพื่อนแล้ว ก็ถือว่าหายกัน"

"........"

"ช่วยเลือกหน่อยสิ"

"หาขาถูกๆกว่านี้ดีมั้ยคะ" เธอเสียดายเงิน! ซึ่งในร้านนี้ก็มีกรอบแว่นให้เลือกหลายราคา เธอมองไปรอบๆ เห็นติดป้ายเซลล์ลดราคา หกสิบ เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ก็มี

"จะเอาแผงนี้"

"หมื่นแปด" ราคานี้ตามลำพังของหนูดี น่าจะซื้อแว่นใส่ได้ทั้งชาติ

"เออน่า..."

"เอาอันเก่าไปซ่อมดีกว่ามั้ยคะ เลนส์ยังใช้ได้อยู่เลย" หนูดีเสนอ...

"ไปนั่งรอตรงโน้นป่ะ ไม่ต้องเลือกแล้ว พี่เลือกเองดีกว่า" ขืนให้เธอช่วยเลือกมีหวังวันนี้คงไม่ได้แว่นตากลับบ้าน

"เชิญคุณลูกค้าเดินไปเลือกเลนส์ทางด้านนั้นได้เลยค่ะ" กัปตันเดินตามพนักงานมาที่โต๊ะ พนักงานคนเดิมพูดเชียร์เลนส์โน่นนี่นั่น และวัดสายตาให้ใหม่ สุดท้ายเขาก็เลือกเลนส์ที่ดีที่สุดในร้าน

"พี่คะ ที่นี่รับตัดแว่นแล้วรับซ่อมมั้ยคะ" หนูดีเห็นว่าเขากำลังจ่ายเงิน จึงเดินเข้ามาหาพร้อมกับเอ่ยถามพนักงานในร้านด้วยความเสียดายของเก่า

"อันที่ใส่อยู่นี่ใช่มั้ยคะ" คุณพนักงานถามยิ้มๆ พร้อมกับมองแว่นที่กัปตันสวมใส่อยู่

"ใช่ค่ะ อันนี้แหละ"

"ขอดูหน่อยได้มั้ยคะ ถ้าซ่อมได้จะซ่อมให้ค่ะ" กัปตันดึงแว่นออกจากใบหน้ายื่นให้พนักงานดู ก่อนที่จะหยิบเอาขาอันที่หักจากกระเป๋าส่งให้พนักงานคนนั้นไปด้วย

"ซ่อมได้ค่ะ แต่ต้องรอสักครู่นะคะ ส่วนของใหม่ทางร้านของเรามีเลนส์ที่คุณลูกค้าต้องการพอดี สามารถรับได้เลยค่ะ ไม่ต้องรอ"

"ครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอเอาอันใหม่ไปใช้ก่อน ระหว่างรอซ่อมอันเก่า ผมขอพาน้องสาวไปเดินเล่น ถ้าเสร็จแล้วรบกวนโทรไปบอกหน่อยนะครับ"

"ได้เลยค่ะ"

ทางด้านคุณภานุเมศ ที่บังเอิญเดินผ่านมาเห็นหนูดีในร้านแว่นโดยบังเอิญ ท่านหยุดเดิน มองดูหนูดีผ่านกระจกใสๆของร้านแว่นอยู่พักใหญ่

"นายครับ" ลูกน้องคนสนิท มีชื่อว่าเชน เดินเข้ามาตาม เมื่อเห็นว่าเจ้านายหยุดยืนอยู่ตรงนี้นานแล้ว

"มีอะไร" ท่านถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่สายตาก็ยังคงมองเข้าไปที่ร้านแว่นอยู่อย่างนั้น

"คุณกุลจิรา โทรมาถามว่านายจะกลับไปกินข้าวเย็นที่บ้านหรือเปล่าครับ" คุณกุลจิราก็คือภรรยาที่อยู่กินด้วยกันมานานเกือบยี่สิบปี ช่วงแรกท่านกับภรรยาแต่งงานอยู่ด้วยกันเพราะหน้าที่ ต่อมาเกิดเป็นความผูกพัน ส่วนปัจจุบันคือความรับผิดชอบร่วมกัน

"กลับสิ" อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ แน่นอนว่าสิ่งเดียวที่รั้งท่านเอาไว้ได้ก็คือความรัก

"นายมองอะไรครับ...อ้าวนั่นคุณหนูนี่" ทุกครั้งที่ท่านได้พบได้เห็น ได้ยืนมองลูกสาวอยู่แบบนี้ ท่านก็อดที่จะคิดถึงเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาไม่ได้ มันเป็นความผิดพลาดที่หวนกลับคืนไม่ได้

"เชน...นายคิดว่าถ้าหนูดีรู้ว่าตัวเองมีพ่อ จะดีใจหรือเสียใจ"

"........." เชนยืนเงียบไม่กล้าตอบคำถามของผู้เป็นนาย ซึ่งคุณภานุเมศก็น่าจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว

"ถ้าวันนั้นรู้สักนิดว่าแก้วตั้งท้อง คงไม่ต้องมายืนมองลูกสาวอยู่แบบนี้"

"เรื่องมันก็ผ่านมานานมากแล้วนะครับ คุณหนูก็ไม่ได้ลำบากอะไรอย่าโทษตัวเองเลยนะครับ"

"แต่แก้วลำบาก ลำบากจนตาย" เรื่องนี้ท่านรู้สึกผิดมาก เธอตัดขาดจากญาติพี่น้องทั้งหมด เพียงเพราะตัวเองตั้งท้องไม่มีพ่อ

"แต่นายก็คอยช่วยเหลืออยู่ห่างๆมาตลอดนี่ครับ ทำไมยังไม่เลิกโทษตัวเองอีก"

"ผมทำให้ผู้หญิงดีๆคนหนึ่งต้องถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เลี้ยงดูลูกตามลำพัง ความดีที่ผ่านมามันชดใช้ไม่หมดหรอก"

"แต่เรื่องทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะความจำเป็นนะครับ ผมเชื่อว่าคุณแก้วน่าจะเข้าใจ" แก้วเข้าใจ แล้วหนูดีล่ะ จะเข้าใจพ่อคนนี้มั้ย

"เฮ่อ...กลับบ้านกันเถอะ ป่านนี้คุณกุลรอแล้ว"

"เชิญครับ" ทุกวันนี้ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ต้องทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ว่าจะในฐานะสามีหรือฐานะพ่อ...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel