แม่ทูนหัวของผม เรามาแต่งงานกันอีกรอบเถอะ
บทย่อ
หลังแต่งงาน เขาแกล้งพาผู้หญิงคนอื่นมาที่ห้องหอ กลับไม่รู้เลยว่าเธอแอบรักเขามานานกว่าเจ็ดปี เจ็บมาพอแล้ว ทรมานพอแล้ว การแต่งงานมาถึงทางตัน เหลือเพียงแค่ความบอบช้ำทางกายใจ พอเซ็นสัญญาหย่าเสร็จ เขามองตามเงาหลังเธอที่ดูเด็ดเดี่ยวจากไป เขาใจสั่นแคว้นขึ้นมา จนกระทั่งห้าปีต่อมาเจอเธออีกครั้ง ที่ควงแขนอยู่กับชายคนอื่นด้วยใบหน้าหยาดเยิ้ม เขาถึงจะเข้าใจว่า เขานั้นหลงรักเธอ ตั้งแต่แรกแล้ว......
บทที่ 1
กลางดึก แพรพิไลที่มักจะหลับไม่ค่อยสนิทได้ยินเสียงเอะอะข้างเตียง
ต่อมา ข้างหูก็มีเสียงถอดเสื้อผ้าดังกึกกัก
ฉากอันคุ้นเคย เสียงลมหายใจอันคุ้นเคย
ไม่ต้องลืมตา แพรพิไลก็แน่ใจว่าคนที่มาคือชิตวัน
สามีที่เธอแต่งงานมาสามปีแต่เจอกันไม่เกินสิบครั้ง
กำลังนึกย้อนอย่างรอบคอบว่าเขามาที่นี่ทั้งหมดกี่ครั้ง ผ้าห่มบนร่างก็ถูกดึงออกไป
"คุณ คุณกลับมาทำไม......"
คิดว่าต่อไปจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น แพรพิไลก็ไม่มีเวลามาแสร้งหลับแล้ว จับมือชิตวันไว้ด้วยความหวาดกลัว
ภายใต้แสงจันทร์ บนใบหน้าผอมแห้งงดงามของเธอ ขนตาเล็กบางสั่นเล็กน้อย เบ้าตาก็เต็มไปด้วยการอ้อนวอน
สามปีที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ชิตวันมานั้นมีแค่จุดประสงค์เดียว คือปฏิบัติหน้าที่สามีภรรยา
แต่เขาไม่รู้ หน้าที่ของสามีภรรยาที่ไม่รักกัน มันแค่ทำให้เธอกลัวเรื่องนี้มากขึ้น
"ผมกลับมาทำไมเหรอ? เฮอะ แพรพิไล คุณวิ่งไปฟ้องคุณย่าว่าผมไม่กลับบ้าน ทำให้คุณท้องเหลนตระกูลยศวัฒน์วีรสุไม่ได้ไม่ใช่หรือไง?" เสียงเหยียดหยามมีความเย็นยะเยือกไม่สิ้นสุด
ชิตวันพูดจบ เห็นแพรพิไลเงียบ คิดว่าเธอยอมรับโดยปริยาย จึงก้มศีรษะโน้มตัวลงไปหาเธอ
การกระทำต่อต้านหยุดชะงักกลางคันเมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของเขา แพรพิไลยิ้มอย่างขมขื่น
นั่นสิ เธอลืมได้ยังไง
หน้าที่ของสามีภรรยา การมีลูก คือเหตุผลที่ชื่อของเธออยู่ในช่องคู่สมรสในทะเบียนบ้านของเขาได้
และเป็นเหตุผลเดียวที่เธอใกล้ชิดกับเขาได้
ไม่อย่างนั้น ผู้หญิงที่เกิดจากครอบครัวธรรมดา จะคบกับผู้ชายสูงส่งเปรียบเสมือนดวงดาวอย่างเขาได้ยังไง?
วันรุ่งขึ้น
เมื่อแพรพิไลตื่นขึ้นมา ข้างเตียงก็ไม่มีใครแล้ว
พูดให้ถูกต้องก็คือ หลังทำทุกครั้ง ชิตวันก็ไม่อยู่ต่อสักนาทีเดียว อาบน้ำเสร็จก็ออกไปจากสรวงทักษิณทันที
ทั้งๆ ที่ชินแล้ว แต่ไม่รู้ทำไม แพรพิไลกลับรู้สึกว่าวันนี้เสียใจเป็นพิเศษ
อาจจะเป็นเพราะว่า วันนี้คือวันเกิดเธอ วันเกิดที่ไม่มีใครส่งคำอวยพรมาเลย
เหมือนตอนปกติ หลังจากเธออาบน้ำก็ลงมาชั้นล่างทานอาหารเช้า ดูข่าวเช้า
ขณะกำลังดื่มน้ำเต้าหู้ถั่วดำ ภายในข่าวก็ประกาศชื่อชิตวันออกมา
แพรพิไลมองไปที่จอโดยอัตโนมัติ เห็นแค่การรายงานข่าวว่าชิตวันเข้าออกโรงแรมพร้อมกับนางแบบตัวท็อปในเวลาดึกดื่น
จ้องเวลาที่แสดงบนหน้าจอ กรดโฟลิกในมืออีกข้างของแพรพิไลหล่นบนโต๊ะ
มุมปากค่อยๆ ยกยิ้มเยาะอย่างรุนแรง
ที่แท้ เมื่อคืนหลังจากชิตวันออกไปจากที่นี่ ก็ไปพะเน้าพะนอกับนางแบบนี่เอง
ที่เมืองเอ ชิตวันกับยศวัฒน์วีรสุ กรุ๊ป คือสัญญาลักษณ์ของอำนาจและความมั่งคั่ง
ไม่ว่าจะเป็นคนธรรมดาทั่วไปหรือทายาทสูงศักดิ์ในตระกูลร่ำรวย แค่ได้ยินคำว่าศวัฒน์วีรสุก็จะมองว่าสูงส่ง
หลายปีที่ผ่านมา นางแบบและดาราเหล่านั้นมาพึ่งพาชิตวันคนแล้วคนเล่า
เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับการเอ็นดูจากชิตวัน แค่ได้สัมผัสเขานิดหน่อยก็โดนพาดหัวข่าวครึ่งวันได้แล้ว คนเหล่านั้นยินดีที่จะทำมัน
"คุณผู้หญิง นายหญิงโทรมาค่ะ......"
แม่บ้านป้าจันทร์นำโทรศัพท์บ้านยื่นมาข้างๆ แพรพิไล เธอตะลึงอยู่นานก่อนจะตอบสนองรับมันมา
"คุณย่า......"
ทำเสียงตัวเองให้ดูปกติมากที่สุด แพรพิไลทำเสียงหัวเราะผ่อนคลายอย่างสุดความสามารถ
"เมื่อคืนชิตได้ค้างคืนที่บ้านเธอไหม?"
กุลธิดาปีนี้อายุเจ็ดสิบสามแล้ว แต่เสียงยังกังวานและทรงพลัง
ผ่านโทรศัพท์ แพรพิไลรู้สึกได้ถึงออร่าอันแข็งเธอร่งกดดันเธออย่างรุนแรง
แต่ไหนแต่ไรมาเธอไม่เคยกล้าหายใจแรงๆ ต่อหน้ากุลธิดาเลย
"ใช่ค่ะ"
รู้ว่าประเภทที่กุลธิดาชอบไม่ใช่ผู้หญิงนิสัยแบบเธอ แพรพิไลก็ลองเปลี่ยนนิสัยตัวเองเพื่อให้เธอชอบ
แต่นิสัยมันอาจจะเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยธรรมชาติจริงๆ ไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเองยังไง เธอก็ไม่มีวันทำให้หล่อนพึงพอใจได้
ดังนั้นสามปีที่แต่งงานมา เธอก็ยอมแพ้ในการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้ตัวเองอยู่ที่สรวงทักษิณ พยายามปรากฏตัวต่อหน้ากุลธิดาให้น้อยที่สุด
"น้ำเต้าหู้ถั่วดำกับกรดโฟลิกได้กินทุกวันไหม?" ทางด้านกุลธิดาถามต่ออีกครั้ง
ทุกครั้งที่คุยโทรศัพท์ เธอมักจะถามคำถามนี้
ถึงจะสามปีมาแล้ว เธอก็ไม่ตั้งครรภ์เลย แต่ของเตรียมตั้งครรภ์ เธอทานมาแล้วสามปีเต็ม